หญิงสาวเปียกโชกไปทั้งร่าง ทั้งที่อยู่ในชุดกันฝน หยดน้ำกำลังไหลลงไปในรองเท้าผ้าใบของเธอ ทั้งร่างเริ่มหนาวจนชารู้สึกอ่อนล้ากับการเดินไปในความมืดที่เหมือนจะไม่สิ้นสุด เท้าของเธอก้าวช้าลง
เสียงหวานหลุดสะอื้นออกมาด้วยความเจ็บปวด บอกกับตัวเองว่าจะต้องไปให้ถึงบ้านก่อนที่อารมณ์ที่อยู่ภายในจะมีอำนาจเหนือตนได้ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่สามารถหนีรอดจากความทรงจำไปในสิ่งที่เธอเห็น
คู่หมั้นของเธอนอกใจเธอด้วยการไปมีอะไรกับเพื่อนสนิทและว่าที่เพื่อนเจ้าสาวของเธอเอง มันจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นถ้าเป็นเพียงคำบอกเล่าจากบุคคลที่สาม แต่นี่เธอเห็นด้วยสองตาตัวเองว่าพวกเขากำลังทำอะไรกัน ชนิดที่แก้ตัวไปก็ฟังไม่ขึ้น
ยิ่งไปกว่าความเสียใจคือการรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นคนโง่ ถูกทรยศหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนพวกนั้น
ตอนนี้ไพลินเข้าใจแล้วว่า ทำไมเมธาถึงได้อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ บางครั้งก็ยุ่งเสียจนไม่มีเวลามาพบเธอ เพราะเขามีคนอื่น ความรักที่เขาแสดงออกต่อเธอทั้งหมดล้วนคืออาการเสแสร้งอย่างเห็นได้ชัด เขาต้องการเธอเพียงเพื่อผลประโยชน์บางอย่างเท่านั้น คิดได้ดังนั้นหญิงสาวทั้งโกรธแค้นและเสียใจ และสุดท้ายแล้วเธอเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกด้วยคำว่ารัก เธอเชื่ออย่างสนิทใจว่าเมธาจะเป็นคู่ชีวิตที่ดี
ไพลินรู้จักกับเมธาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนมัธยมปลาย ทั้งสองสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันสำเร็จแต่คนละคณะ ด้วยความไกลบ้านจำเป็นที่ต้องย้ายมาอยู่หอพัก แรก ๆ เธอยังไม่มีเพื่อนที่สนิทกันมากนัก หากมีเรื่องอะไร เมธาคือคนแรกที่เธอคิดถึงเสมอ จนกระทั่งปีสุดท้าย เมธาขอเลื่อนจากเพื่อนเป็นแฟน ตอนนั้นเธอดีใจและตื่นเต้นแต่คิดว่าตัวเองยังเด็กเกินไปกับเรื่องพวกนี้ แน่นอนว่าเมธาไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบ ทั้งสองจึงลองคบหาดูใจกัน
เรื่องที่คบกันไม่ได้ปิดเป็นความลับ ผู้ใหญ่สองบ้านรู้จักกัน เมื่อไพลินเรียนจบจึงแนะนำให้ทั้งสองคนหมั้นหมายไว้ก่อน ซึ่งตอนนั้นเธอก็ไม่คิดค้านอะไร
หลังจากนั้นเธอไปเรียนต่อคอร์สสั้น ๆ ด้านภาษาอีกหนึ่งปี เดิมทีคิดจะเรียนต่อในระดับปริญญาโทแต่มารดาล้มป่วยจึงกลับเมืองไทย ระหว่างที่ดูแลแม่ในช่วงชีวิตสุดท้ายของคนป่วยเป็นมะเร็ง ไพลินมีเมธาอยู่ใกล้ ๆ ให้กำลังใจ เธอคิดว่านี่คือความรัก เขารักเธอ หัวใจของเธอจึงยอมรับเขาเต็มร้อย หลังจากแม่จากไปอย่างสงบ เธอกับเมธาก็วางแผนจะแต่งงานกัน เมื่อคิดถึงตอนนี้
หญิงสาวหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เย้ยหยันให้กับโชคชะตาและความอ่อนต่อโลกของตัวเอง เธอเชื่อใจคนอื่นมากเกินไป และสิ่งนี้มันย้อนกลับมาทำร้ายเธอเอง แต่ตอนนี้เธอได้ตาสว่างแล้ว
เมธาไม่เคยต้องการเธอ เธอประเมินสิ่งที่เขาทำสูงค่าเกินไป ที่ชายหนุ่มทำทุกสิ่งนี้เพื่อหลอกใช้ เพราะเขามีเป้าหมายอื่น...
ความกดดันและเครียดสะสมทำให้อาเจียนออกมาอีกครั้ง ไม่มีอะไรออกมานอกจากลมจากกระเพาะที่ว่างเปล่าเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลยตั้งแต่จากมา
คราวนี้ขณะที่เธอก้มลง กลับมองเห็นแต่รองเท้าผ้าใบที่เปียกโชกและเปรอะไปด้วยโคลนภายใต้ฝนที่ตกหนักราวกับต้องการกระหน่ำซ้ำเติม ไพลินนิ่วหน้าด้วยความรู้สึกที่สับสน พยายามตั้งสติกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่ภาพเปลือยร่างของสองคนนั่น ที่เข้ามาฉายในหัวของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“คุณต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า” เสียงทุ้มตะโกนผ่านความมืดมากระทบโสตของหญิงสาวพร้อมกับแสงสว่างจากดวงไฟหน้ารถที่สาดเข้ามา
ไพลินเงยหน้าขึ้นมอง หยีตาเล็กน้อยแล้วกะพริบตามองรถกระบะสีดำที่เข้ามาจอดอยู่ใกล้ ๆ จากนั้นผู้ชายคนหนึ่งลงจากรถวิ่งอ้อมมาทางที่เธอยืนอยู่ นี่เป็นป้ายรอรถโดยสารระหว่างจังหวัดที่มีเพียงไฟนิออนขุ่นมัว ร่างของเขาสูงเพรียว ไหล่กว้าง ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้ชายที่พร้อมสำหรับจะรับมือกับทุกสิ่ง ผู้ชายที่สามารถสู้กับปัญหาทุกชนิด เธอเพ่งมองใบหน้าของคนที่ก้าวเข้ามาใกล้ผ่านม่านน้ำตา รู้สึกคุ้นหน้าเขาเหลือเกิน คุ้นเสียจนต้องยกหลังมือปาดน้ำตาเพื่อที่จะได้มองได้ถนัด