ผู้ชายปากร้ายกาจ

1369 คำ
“อ๋อ ต้องแบบนั้นใช่ไหมถึงจะเปลี่ยนได้” อินทิราฉุนกึก เมื่อโดนคนตรงหน้าพูดแบบนี้ใส่ เดินไปคว้าแก้วกาแฟที่มีไว้สำหรับคนในกอง สาดกาแฟที่ยังไม่ถูกใครดื่มเลย เข้าใส่ใบหน้าสไตล์ลิสของตัวเอง รวมทั้งเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ด้วย “เลอะพอหรือยังคะพี่พราว!” ใบหน้าสวยยิ้มเยาะ มองกราดไปทั่วห้องเพื่อไม่ให้ใครยุ่ง มองคนที่ถูกเพื่อนนายแบบดึงรั้งไว้ พลางยักคิ้วใส่เขา ออกมาปกป้องมันสิ แกจะได้โดนหางเลขไปด้วย เพี๊ยะ! พราวนภายกมือฟาดไปที่ใบหน้าสวยแรงๆ ไม่สนใจคราบกาแฟที่เลอะอยู่เต็มหน้าตัวเอง กาแฟบางส่วนบดบังสายตาจนภาพตรงหน้ารางเลือน แต่เลือกมองอินทิราด้วยสายตาเย็นยะเยือก จนคนที่ถูกตบเดินถอยหลัง คงไม่คิดว่าอีพราวจะกล้าตบละสิ คิดน้อยไปไหมคะน้อง “แก!” “ทำไมคะ? คิดว่าพี่ไม่กล้าตบเพราะอิงค์เป็นนางแบบเหรอคะ พี่กล้าค่ะ และไม่กลัวด้วยว่าจะถูกมองยังไง เพราะพี่ปล่อยให้น้องเหยียบย่ำความภูมิใจของพี่ไม่ได้หรอกค่ะ พี่เป็นแค่สไตล์ลิสก็จริงนะคะ แต่น้องอย่าลืม ว่าตัวเองเป็นคนไปขอร้องให้พี่มาทำงานให้ ถ้าพี่ไม่เห็นแก่พี่อาร์มที่ไปด้วย พี่บอกตรงๆนะคะว่าพี่จะไม่รับงานของน้อง เรื่องต่อจากนี้น้องไปคุยกับเจ้าของแบรนด์เองนะคะ เพราะพี่ถือว่าเราสิ้นสุดสัญญาจ้างกันแล้ว” พราวนภาพูดจบก็เดินไปคว้ากระเป๋าของตัวเองทันที เสื้อผ้าที่มีอยู่ในห้อง เป็นเสื้อผ้าที่เธอหามาก็จริง แต่ทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ เพราะไม่อยากกลับเข้าไปให้อารมณ์ขุ่นอีก Tru Tru พราวนภาปาดกาแฟออกจากหน้า มองหน้าจอก่อนจะถอนหายใจ เมื่อเห็นว่าใครโทรมา รีบฟ้องจังเลยนะ อยากรู้เหมือนกันว่าจะฟ้องพี่อาร์มว่ายังไง “โหล!” [พราว! เกิดอะไรขึ้น] น้ำเสียงปลายสายดูร้อนรน เสียงดังออกมาจากโทรศัพท์ทำให้พราวนภาเดาออกว่าเขาโทรมาจากที่ไหน ก็คงจะเป็นสนามแข่งนั่นแหละ ที่ประจำเขา! “น้องพี่อาร์มเล่าให้ฟังว่ายังไงบ้างล่ะ!” พราวนภาเบาเสียงลงเพราะตอนนี้เธอเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้ว มองใบหน้าตัวเองในกระจกแล้วเลือดบนหน้าพุ่งปรี๊ดๆ นี่ถ้าเป็นกาแฟร้อนๆ เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าหน้าตัวเองจะยังปกติดีแบบนี้อยู่ไหม [อิงค์บอกว่าพราวไม่ยอมหาชุดอื่นมาให้เปลี่ยน] ปลายสายพูดเสียงกรุ่นๆ ด้วยความที่น้องสาวว่ามาแบบนั้น ที่จริงมีเล่าด้วยว่าโดนพราวนภาตบ แต่เขาคิดว่าคนอย่างพราว ไม่ตบใครโดยไม่มีเหตุผลแน่ จึงรีบวางสายจากน้องสาว แล้วโทรหาพราวนภาทันที “แล้วน้องพี่อาร์มบอกอีกหรือเปล่า ว่าทำไมพราวถึงไม่ยอมเปลี่ยนให้ บอกหรือเปล่าว่าเพราะทางแบรนด์เขาให้ใส่ได้แค่ชุดนั้น บอกหรือเปล่าว่าไม่พอใจจนสาดกาแฟใส่หน้าพราว บอกไหม…” พราวนภาหยุดพูดเพราะรู้สึกว่าพูดมากเกินไป และน้ำตากำลังไหลอาบแก้ม เธอเอ็นดูอิงค์นะ แม้จะไม่ได้รักเหมือนที่เธอรักไวท์ที่เป็นน้องชายคนละแม่ แต่เธอก็เอ็นดูอิงค์มาก ไม่คิดว่าเด็กนั่นจะกล้าสาดกาแฟใส่หน้า ความรู้สึกที่ให้อินทิราไปช่างไร้ค่า [พราว พี่ขอโทษแทนอิงค์ด้วยนะครับ] ปลายสายขอโทษเสียงอ่อน พราวนภาจึงเช็ดน้ำตาออกแรงๆ รวมทั้งคราบกาแฟที่เกาะอยู่เต็มหน้าด้วย คนที่ควรขอโทษคืออินทิรา ไม่ใช่เขา “พราวไม่รับ! เพราะพี่อาร์มไม่ได้เป็นคนทำ แค่นี้นะคะ พราวล้างกาแฟก่อน” [เดี๋ยวสิพราว คืนนี้เจอกันหน่อยไหม …. พี่คิดถึง พราวยังไม่มีใครใช่ไหม] ปลายสายเบาเสียงลงในประโยคท้าย เหมือนแอบพูดไม่ให้ใครได้ยิน พราวนภาถอนหายใจ และตอบออกไปแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา “เสียใจค่ะ พราวมีผัวแล้ว” พราวนภาวางสายไปทันทีที่พูดจบ เขาเคยเป็นอดีตคนรักเธอนั่นแหละ เคยตราหน้าหาว่าเธอผ่านผู้ชายมาแล้วอย่างโชกโชนทั้งที่จูบกับเธอเพียงครั้งเดียว เขาบอกเลิกด้วยเหตุผลสวยหรู ที่ว่าตัวเองไม่เหมาะกับผู้หญิงช่ำชองอย่างเธอหรอก สลัดรักเธอทั้งที่เขาเป็นผู้ชายที่เธอจริงจังด้วยที่สุด มาเสียดายตอนนี้สายไปแล้วค่ะ พราวไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้ว! “ผู้ชายที่พูดถึงมันเป็นใครเหรอ?” คิริวยืนกอดอกมองคนที่คุยโทรศัพท์มาตั้งแต่ต้น เพราะในกองถ่ายค่อนข้างวุ่นวายมากๆ เขาจึงเดินออกมาตามหาพี่พราว เดินตามคนไม่มีสติเข้ามาในห้องน้ำหญิง และตอนนี้ก็กำลังยืนพิงประตูมองคนที่ยืนเอ๋ออยู่หน้ากระจก “เข้ามาทำไม นี่ห้องน้ำหญิงนะริว!” พราวนภาหันมาเผชิญหน้ากับคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ ให้ริวมาเห็นสภาพแบบนี้ของตัวเองนี่นะ โคตรน่าอายเลย “เลอะหมดเลย กาแฟไม่ร้อนใช่ไหม?” คนตัวโตขยับมาใกล้ ใช้หลังมือเช็ดคราบกาแฟที่ติดตามกรอบใบหน้าสวยออกเบาๆ ดีที่วันนี้พี่พราวรวบผมสีน้ำตาลยาวสวยไว้ด้านหลัง ไม่งั้นผมยาวๆที่เขาชอบมัน คงเต็มไปด้วยคราบกาแฟ “ไม่อยากให้เห็นภาพแบบนี้เลย” “หมายถึงตอนที่ตบ?” “ตอนนี้ต่างหาก” “หึ! ทำไม กลัวตัวเองไม่สวย แล้วนี่จะไม่สนใจเหรอ” คิริวลองแกล้งถาม แต่ปรากฏว่าคำถามของเขาทำให้พี่พราวหน้าแดง หัวใจที่เคยแห้งแล้งชุ่มชื้นขึ้นทันที แบบนี้เขามีหวังใช่ไหม? “ใครจะอยากสวยในสายตาริวกัน ถอยไปพี่จะล้างหน้า” “จะหน้าสดออกไปเหรอ?” “ทำไม? จะออกไปแบบนั้นแหละ ไม่ได้เอาเครื่องสำอางมา” ที่มีในกระเป๋าตอนนี้มีแค่แป้งกับลิปสติกสองสามแท่งเท่านั้น อุปกรณ์ไม่ครบก็ออกไปแบบหน้าสดนี่แหละ หน้าสดเธอก็ไม่ได้แย่ แต่มันซีดไม่มีสีสันเหมือนคนป่วยอะ “อะ! รีบๆแต่งล่ะ” คิริวยื่นเครื่องสำอางแบบเทสเตอร์ ที่ขอมาจากช่างแต่งหน้าคนที่แซวเขาก่อนหน้านั้นให้พราวนภาไป ขยับออกไปยืนพิงประตูด้านหน้าไว้เหมือนเดิม เพราะไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนเวลาส่วนตัวของเขากับเธอ “จะเอาไงต่อ เหมือนทางนั้นจะไม่จบง่ายๆนะ อาจกระทบกับงานอื่นด้วย” คนที่ล้างหน้าเสร็จพอดีหันกลับมามอง ใบหน้าดูกังวลแต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ได้แต่ยืนเงียบ จนคิริวต้องเดินเข้าไปหาอีกครั้ง “กลัวเหรอ?” “ก็นิดๆแหละ พ่อของอิงค์เป็นถึงข้าราชการระดับสูง แบล็คเขาใหญ่มาก แล้วพี่ดันไปตบลูกสาวสุดที่รักของเขาอีก ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง” พราวนภาน้ำตารื้น ไม่ได้เสียดายหรอกถ้าต้องออกจากวงการนี้ไปเพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่ร้านเสื้อผ้าของเธอจะโดนหางเลขไปด้วย ไหนจะครอบครัวเธออีก ไม่รู้หรอกว่าทางนั้นจะคิดยังไง แต่รู้ดีว่ามันไม่จบแค่นี้แน่ “คนในกองอยู่ข้างพี่นะ รวมทั้งริวด้วย” น้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้พราวนภาเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่สูงกว่า ริมฝีปากได้รูปที่อยู่ไม่ไกล พาลให้หวนคิดถึงเรื่องในคืนเร่าร้อนที่สุดในชีวิต ริมฝีปากนี้ทำร่องรอยไว้บนร่างกายเธอมากมาย บางรอยนั้นยังไม่หายเลย โชคดีที่เขาทำไว้ในจุดที่สามารถสวมเสื้อผ้าปกปิดไว้ได้ เป็นผู้ชายที่มีปากร้ายกาจ แต่แววตากลับอ่อนโยนมาก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม