บทนำ
#รักนั้น ณ กาลครั้งหนึ่ง
-—00 ปฐมบท—-
คุณคิดว่าคนสองคนจะกลับมาคุยกันได้มากที่สุด "กี่ครั้ง ? "
สำหรับฉันคงมากที่สุด 2 ครั้ง
"ครั้งแล้ว กับ ครั้งเล่า"
ฉันชื่อมายด์ชื่อที่แสนจะธรรมดา ไม่มีอะไรชวนค้นหาหรือน่าจดจำ ตอนนี้ฉันเพิ่งเรียนจบด้านแฟชั่นดีไซน์ ก็ถือว่าอยู่ในช่วงของการเก็บเกี่ยวประสบการณ์และหาทุนมาทำร้านของตัวเอง อายุตอนนี้ก็กำลังจะเบญจเพสแล้ว ช่วงที่เค้าว่ากันว่าชีวิตจะถึงจุดเปลี่ยน แต่ฉันกลับเฉยๆ นะ เพราะชีวิตฉันมันก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวขึ้นแล้วก็ลงไม่มีความแน่นอนอะไรเลย ตัดมาเรื่องที่เกริ่นไว้ตอนแรกดีกว่า "คุณเชื่อในเรื่องของ โชคชะตา เนื้อคู่ และคู่เวรคู่กรรมหรือป่าว" ฉันล่ะโคตรจะเชื่อเลย เพราะตลอดชีวิตที่เกิดมา 24 จะ 25 ปีของฉัน ก็ใช้หมดไปกับผู้ชายคนหนึ่งถึง 20 ปีโดยประมาณ ใช่ 20 ปีนี่แหละอ่านไม่ผิดหรอก ย้อนไปตอนอนุบาล (ฟังดูแก่แดดแก่ลมนักนะ) ฉันได้เจอกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งเข้า เราอยู่หมู่บ้านเดียวกันแต่ไม่เคยเจอกันเลยจนกระทั่งเข้าโรงเรียน จริงๆ ตอนนั้นก็ไม่ชอบสักเท่าไหร่หรอก คนอะไรเก๊กแต่เด็ก ไปไหนทำอะไรก็เก๊กตลอดเวลา จนในที่สุดฉันก็ค้นพบว่าตัวเองแอบมองเค้าอยู่ตลอด ไม่ว่าเค้าจะไปไหน หรือทำอะไร และในที่สุดฉันก็รู้ใจตัวเองว่า รักครั้งแรกของฉันได้เกิดขึ้นตอนที่ฉันอายุเพียง 4~5 ขวบเท่านั้นเอง ฟังดูเพ้อฝันมากล่ะสิ ใช่ฉันเองก็คิดไปแบบนั้น จนวันนึงโชคชะตาได้พาให้ฉันและเค้าคนนั้นต้องจากกัน เค้าต้องย้ายโรงเรียนเพราะต้องย้ายบ้านไปอยู่กับญาติที่จังหวัดอื่น เชื่อมั้ยว่าฉันในวัย 7 ขวบรู้จักคำว่าเสียใจ รู้จักการร้องไห้ทรมานเพราะอกหักแล้ว ทุกๆ วันนับจากที่เค้าย้ายไป เราก็ไม่ได้เจอกันอีก ความรู้สึกในตอนนั้นฉันยังจำได้ดีไม่เคยลืม มันเจ็บจี้ดๆ อยู่ที่กลางใจ มันหน่วงที่อกซ้ายทุกครั้งที่เห็นสนามเด็กเล่นและที่ต่างๆ ที่เคยวิ่งเล่นด้วยกัน ทุกคำคืนฉันในวัย 7 ขวบเฝ้าออกมาพร่ำเพ้อภาวนาอ้อนวอนกับท้องฟ้าและดวงดาว ขอให้เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คืนแล้วคืนเล่า จนในที่สุด 7 ปีหลังจากนั้นตอน ม.2 ฟ้าก็คืนเค้าให้กับฉัน เค้าย้ายบ้านกลับมาและเข้าเรียนที่เดียวกันกับฉัน เราได้พบกันอีกครั้ง เพียงวินาทีแรกที่ได้เห็นเขาจากด้านหลัง หัวใจมันก็เต้นแรงและรัว ร่างกายและความรู้สึกรับรู้ได้ถึงความสุข นี่คือสิ่งที่ฉันหวังมาตลอด 7 ปี เรื่องที่เกิดขึ้นวินาทีนั้นทำให้ฉันเชื่อว่าดวงดาวบนท้องฟ้ารับรู้ถึงคำอ้อนวอนของฉันตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าในความทรงจำของเค้าแทบจะไม่มีฉันอยู่ในนั้นเลยก็ตาม เค้าจำได้เพียงว่าเราเคยเรียนด้วยกันตอนอนุบาลจนกระทั่งเค้าย้ายไปตอน ป.2 แต่ฉันก็ไม่เคยสนใจตรงนั้นเลย ฉันเพียงต้องการได้เจอ ได้พูดคุยกับเขาทุกๆ วันก็เท่านั้นเอง หลังจากที่เค้ากลับมาในครั้งนี้บางอย่างบอกฉันว่าเค้าโตขึ้นและเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว หน้าตาที่ดีจนกลายเป็นหนุ่มฮอตชั้น ม.ต้น สาวเล็กสาวใหญ่ต่างหมายตาในตัวเค้า ความเป็นนักกีฬาและความฉลาดเรียนเก่ง ที่ดึงดูดให้ใครต่อใครก็สนใจในตัวเค้า ทั้งหมดมันกลายเป็นกำแพงที่สร้างขึ้นมากั้นให้ฉันไม่สามารถหวังอะไรจากเค้าได้เลย แต่ใครจะไปสนล่ะรอมาตั้ง 7 ปีต่อจากนี้จะเจออะไรก็ยอมทั้งนั้น ต้องเจ็บปวด ร้องไห้ เสียใจแค่ไหนก็ยอมทั้งนั้น และนั่นแหละความเสียใจที่ 2 หลับจากที่เค้าหายไป 7 ปีก็เกิดขึ้น เค้าคบกับเพื่อนของฉัน เพื่อนในกลุ่มอยู่ด้วยกันทุกวัน พอเค้ามาเจอกัน มานั่งเล่น หยอกล้อกัน ฉันก็ทำได้เพียงมอง มองเฉยๆ อยู่เงียบๆ ในมุมของคนแอบรักเท่านั้น จริงๆ ก็รู้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่าเค้าไม่มีทางมาสนใจฉันแน่ แต่ก็ไม่ได้คิดเหมือนกันว่าคนที่ได้หัวใจเค้าไปจะอยู่ใกล้จนติดกันขนาดนี้ ทำไมเพื่อนฉันทำแบบนี้น่ะหรอ ถึงจะสนิทกันแต่ฉันไม่เคยบอกใครเลย ว่าฉันชอบเค้าคนนั้น ชอบมานาน ชอบมาจนคิดว่าควรจะใช้คำว่ารักมากกว่า แต่นี่แหละข้อพิสูจน์ว่ารักหรือชอบมันก็วัดจากตรงนี้ได้นะ ถ้าแค่ชอบเราจะรู้สึกอยากได้อยากครอบครอง ผิดกับรักที่เราจะอยากให้ ให้เค้าได้ไปมีความสุข แม้ความทุกข์ทรมานจะตกอยู่กับเราก็ตาม
แต่ไม่นานทั้งคู่ก็เลิกกัน และหลังจากนี้แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของวงเวียนความรักระหว่างฉันกับรักเดียวตลอดชีวิตของฉัน หลังจากทั้งคู่เลิกกันอยู่ๆ เค้าก็มาสนใจฉัน ฉันไม่ลังเลเลยที่จะตอบตกลงคบ แม้จะยืนอยู่บนเสียงคัดค้านของทุกคน เพื่อนๆ คนรอบตัว แม้กระทั่งครอบครัว แต่ฉันก็เลือกจะทำตามเสียงของหัวใจ ไม่เคยฟังเสียงที่มาจากคนอื่น เราคบกันมาอย่างราบรื่นกระทั่งเวลาผ่านไป 1 ปีเศษโชคชะตาก็พรากฉันและเค้าออกจากกันอีกครั้งหลังจากจบ ม.3 เราต่างคนต่างไปถึงจะยังไม่ได้เลิกกันแต่ก็ถูกตัดขาดจากกัน ไม่มีทางไหนให้เราติดต่อกันได้เลย ฉันถูกส่งเข้าเรียนในโรงเรียนประจำโรงเรียนสตรีที่เคร่งไปด้วยกฏระเบียบแม้แต่ที่บ้านฉันยังติดต่อไม่ได้เลยนับประสาอะไรกับคนอื่น หลังเข้าเรียนที่นั่นกฏของโรงเรียนอนุญาตให้ กลับบ้านได้เดือนละ 2 ครั้งคือ 2 อาทิตย์ต่อ 1 ครั้งแต่เวลาเพียง 2 อาทิตย์เค้าก็หายไปจากฉันแล้ว ฉันถามจากเพื่อนๆ ในหมู่บ้านได้คำตอบเพียงว่าเค้าต้อวย้ายบ้านไปอยู่กลับญาติและไปเรียนต่อที่นั่นเลย ในตอนนั้นเด็ก ม.4 ก็ยังไม่มีโทรศัพท์เป็นของตัวเองเลย และครั้งนั้นแหละที่โชคชะตาได้ตัดขาดศรัทธาที่ฉันมีต่อการอ้อนวอนกับดวงดาว ฉันพยายามทำใจบอกกับตัวเองว่าให้ตื่นจากความฝันอันแสนยาวนานนี้สักที ตลอดเวลา 3 ปีของการเป็นนักเรียนมัธยมปลายในรั้วโรงเรียนสตรีที่แสนเคร่งครัดไม่ได้ปั้นให้ฉันเป็นกุลสตรีเท่าไหร่นัก 3 ปีนี้ไม่ได้ช่วยให้ฉันลืมรักครั้งแรกของตัวเองได้เลย เพียงแค่ทำให้เค้าคนนั้นเลือนลางลงจากใจเท่านั้นเอง และครั้งล่าสุดของการเจอกันของฉันกับรักแรกของตัวเองคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันตัดสินใจเดินทางไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น แ.้การเจอกันครั้งนี้จะไม่น่าประทับใจนักแต่ฉันก็ยังหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้ง ฉันบังเอิญเจอเค้าในหนัง AV ที่เพื่อนในกลุ่มเปิดดูเมื่อไม่นานมานี้ หน้าของพระเอก AV ที่ฉันเห็นมันทำให้ฉันมั่นใจเหลือเกินว่านี่ใช่เค้าจริงๆ และจากการหาข้อมูลมันได้ยืนยันให้ฉันรู้แล้วว่าพระเอกคนนั้นคือเค้าจริงๆ ต่่อใหเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนลุคไปแค่ไหนก็ตาม. . .