ตอนที่3 ของว่างรอบดึก
[แจสเปอร์ TALKS]
“นี่อะไรคะ? พี่แจสเปอร์”
โอลีฟ หญิงสาวที่ผมหิ้วกลับมาห้องนั่งอยู่ข้างเตียง เนื้อตัวของหล่อนมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันร่างกายเอาไว้เท่านั้น หล่อนหยิบเงินจำนวนหนึ่งที่ผมวางไว้หัวเตียงขึ้นมาดูสลับกับการมองหน้าผม หลังจากเราสองคนเล่นสนุกกันเสร็จ หล่อนทำหน้าตาใสซื่อเหมือนเด็กสาวไร้เดียงสา ทั้งที่เพิ่งจะออกลีลาชนิดที่มืออาชีพยังต้องอาย ตอนเราสองคนเล่นรักด้วยกัน
ผมแสยะยิ้มอย่างรู้ทันส่งกลับไป บอกเลยว่าโคตรจะเกลียดผู้หญิงที่แอ๊บใสซื่อทั้งที่จริงทำตัวเหมือนของฟรีตามทางเท้า
“ค่าตัว”
ผมพูดเหมือนไม่แยแสต่อสายตาตัดพ้อของหล่อน ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
โอลีฟเป็นนักเที่ยวตัวยงเรียกว่าขาประจำของผับที่ผมคุมอยู่ก็ไม่ผิดนัก แต่ละคืนเวลาผับปิดหล่อนจะกลับออกไปพร้อมกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า ผมกับโอลีฟเราสองคนคล้ายกันในเรื่องนี้ และบังเอิญว่าคืนนี้โอกาสคงเป็นใจผมจึงได้มาลงเอยกับหล่อน
หลังจากผับปิดผมก็มักจะกลับมาพร้อมกับผู้หญิงสักคนแทบทุกคืนเพื่อคลายเหงา ส่วนมากก็เป็นนักเที่ยวสาวๆ อารมณ์เปลี่ยว โดยผมจะหลีกเลี่ยงพนักงานสาวๆ ในร้าน เพื่อไม่ให้เสียการปกครอง ส่วนตอนผับเลิกใครอยากไปต่อข้างนอกกับลูกค้ากระเป๋าหนักจนหัวหกก้นขวิดขนาดไหนผมก็จะไม่ยุ่ง เพราะถือว่ามันเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล
“หนูไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่านะคะพี่”
หล่อนยกมือกอดอกทำหน้าเง้างอน ราวกับว่าผมเป็นแฟนหนุ่มของเธอ
“หึ! จะไม่เอาเงินว่างั้น”
ผมพ่นควันบุหรี่พุ่งออกเป็นสาย ระหว่างที่นอนหนุนแขนข้างหนึ่งอยู่บนเตียง
“หนูยังไม่ได้พูดสักคำเลยนะคะว่าจะไม่เอา เงินใครก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ แต่พี่แจสเปอร์ทำเหมือนหนูเป็นพวกขายอ่ะ”
โอลีฟรีบยัดเงินก้อนนั้นลงในกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมของหล่อน
“พี่แจสเปอร์คะ คืนนี้หนูนอนค้างห้องพี่ได้ไหมคะ บังเอิญว่า…”
“ไม่ได้ แล้วเธอก็ไม่ต้องมาที่ห้องนี้อีก”
ผมตัดบทก่อนที่หล่อนจะพูดจบประโยค โอลีฟไม่ใช่คนแรกที่อยากจะสานสัมพันธ์กับผมต่อ แต่บังเอิญว่าผมไม่ชอบกินอะไรซ้ำๆ ผมมันเป็นประเภทขี้เบื่อ ของใหม่มันมักจะดูตื่นเต้นเร้าใจกว่าเสมอ ผู้หญิงก็ไม่ต่างอะไรนัก
“ว่าไงนะคะพี่”
โอลีฟทำหน้างง หน้าตาสะสวย ขาวๆ หุ่นดีแบบหล่อนคงไม่ค่อยได้ถูกผู้ชายปฏิเสธจนชินสินะ
“ฟังนะ เราก็แค่สนุกกันชั่วคราว แล้วตอนนี้ก็หมดเวลาของเธอแล้ว ปิดประตูห้องให้ฉันด้วย”
โอลีฟลุกยืนขึ้นชักสีหน้าใส่ผม ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“พี่เป็นบ้าอะไรวะคะ เมื่อกี้เรายังนอนด้วยกันอยู่เลยนะ”
“เมื่อกี้มันเป็นอดีต แล้วคนอย่างฉันก็ชอบอยู่กับปัจจุบันมากกว่า เชิญ” ผมผายมือไปทางประตูห้อง ในใจนึกขำกับท่าทางเกรี้ยวกราดของโอลีฟ
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย เออ กูไปก็ได้วะ”
“ฝากถุงยางไปทิ้งให้ด้วยเดี๋ยวฉันให้ทิปอีกพัน”
ผมอุตส่าห์ใจดีจะทิปหล่อน แต่เหมือนโอลีฟจะปรี๊ดแตกไปเรียบร้อยแล้ว หล่อนรีบใส่เสื้อผ้าอย่างลวกๆ แล้วจ้ำอ้าวเดินกระแทกส้นเท้าออกไปจากห้องของผมพร้อมปิดประตูเสียงดังปัง ทิ้งกางเกงตัวจิ๋วเอาไว้ข้างเตียงให้ดูต่างหน้า
พวกผู้หญิงส่วนมากก็เป็นแบบนี้ล่ะ อารมณ์ร้อน ขี้โมโห โกรธง่าย ขี้หงุดหงิด ผมจึงเลือกอยู่คนเดียวไงสบายใจดี…
[มินนี่ TALKS]
โรงอาหาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
“มินนี่! ฮา ฮา ฮา”
วาวากระโดดเข้ามาแตะตัวฉันพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดังลั่นเล่นเอาฉันสะดุ้งโหย่ง งัวเงียลืมตาขึ้นมาจ้องหน้ายัยเพื่อนตัวดี ฉันกับวาวาเราสองคนจะกลับบ้านพร้อมกับเสมอเพราะที่พักของพวกเราไปทางเดียวกัน
“ตกใจหมดเลยวาวา คนยิ่งง่วงนอนอยู่ถ้าฉันหัวใจวายไปทำไง”
ฉันทำหน้ามุ่ย ก่อนจะฟุบหน้าลงกับแขนตัวเองอีกครั้ง ฉันง่วงนอนและอยากนอนอยู่ตลอดเวลา ได้งีบสักนิดสักหน่อยก็ยังดีถือว่าพักเอาแรง เมื่อคืนไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตอนไหน นึกแล้วก็ยังเคืองห้องข้างๆ อยู่ไม่หาย
“โอ๋ๆ ๆ ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมามินนี่ อย่าบอกนะว่าห้องข้างๆ เธอเอาอีกแล้ว”
“อือ”
ฉันปรือตาขึ้นมาพยักหน้าให้วาวา
“ฉันอยากไปฟังบ้างจัง วันหลังได้ยินอีกอัดคลิปเสียงมาให้ฉันฟังบ้างสิ”
“เอาจริงดิ”
“จริง”
“โรคจิต! กี่โมงแล้วเนี่ยวาวา”
ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงของคนจวนเจียนหมดแรง
“ห้าโมงจะครึ่งแล้ว”
วาวาดูนาฬิกาข้อมือของนางแล้วหันไปดูดน้ำในขวดที่ถือติดมือมาด้วย
“มินนี่ๆ ตื่นเร็ว” วาวาสะกิดฉัน เสียงของนางฟังดูตื่นเต้น
“อะไร ขอนอนแพ็บหนึ่งไม่ได้เหรอ สักสิบนาทีก็ได้ขอร้องละ”
“พี่เจไดกำลังเดินมาทางพวกเราแล้วแก ตรงดิ่งมาเลย”
“ห๊า” ชื่อของรุ่นพี่สุดฮอตในมหาลัยทำให้ฉันแทบจะหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เงยหน้าขึ้นมาแล้วใช้มือจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเองอย่างไว
“สวัสดีครับน้องมินนี่ แล้วก็น้อง…”
พี่เจไดทำหน้าเหมือนพยายามจะนึกชื่อของวาวา แล้วหันมาทางฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ จนฉันต้องทำปากขมุบขมิบส่งซิกไปให้
“อ้อ น้องวาวา”
“แหมนึกว่าพี่จะจำได้แต่มินนี่ซะอีก น่าน้อยใจซะมัด” วาวาทำหน้าเซ็งๆ
พี่เจไดเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ปี3 พี่เขาเป็นขวัญใจของสาวๆ แทบจะทุกคนในมหาลัยเลยก็ว่าได้ รูปหล่อ บ้านรวย โปรไฟล์ดีทุกอย่าง การที่พี่เจไดทำเหมือนตามเทียวไล้เทียวขื่อจีบฉันทำให้เพื่อนๆ ทุกคนพากันอิจฉา แถมฉันยังเคยได้ยินเพื่อนๆ บางคนนินทาว่าฉันเล่นตัวเกินเหตุ เพราะฉันยังไม่ได้ตกลงปลงใจตกปากรับคำเป็นแฟนกับพี่เค้า
“จำได้สิครับน้องวาวาคนสวย พี่จะลืมได้ไง” พี่เจไดนั่งลงม้านั่งตรงข้ามกับฉัน
“ไม่ต้องมาปากหวานให้วาวาหรอกคะพี่เจได รู้ๆ กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร จากเป็นคนปกติดีดีกลายเป็นก้างซะงั้น วาวาไปดีกว่า”