วิรงรองเห็นถึงความผิดปกติรีบโอบกอดบุตรชายไว้ ถึงต้องบังคับยังไงเสียเธอจะให้ลูกหมั้นให้ได้ ความสดใสของเรนิกาจะช่วยเยียวยารักษาแผลใจให้บุตรชายเธอได้ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนที่ตาทิวาจะพาผู้หญิงคนไหนนั่งรถหรือพูดคุยได้เช่นหนูเรนอีกแล้ว
“แค่หมั้นลูก... หากเข้ากันไม่ได้ลูกถอนหมั้นก็ได้ แม่ไม่ได้ให้ลูกแต่งงานกับหนูเรนตอนนี้สักหน่อย ทำเพื่อแม่หน่อยนะ”
ทิวากรนิ่งเงียบ ไม่ต้องศึกษา... ก็พอรู้ เรนิกาสดใส สวยงามเกินกว่าผู้ชายเช่นเขาจะได้มาครอบครอง เขาจะไม่สร้างความสัมพันธ์อันใดให้เธอต้องเจ็บเหมือนกับเขาเด็ดขาด
ร่างสูงใหญ่ต้องหยุดเท้าในยามเช้า เมื่อมารดาหยุดยืนตรงหน้าเขา วิรงรองเท้าเอวมองบุตรชายสีหน้าไม่พอใจ ทิวากรเอียงคอถอนใจออกมา ความอึดอัดแผ่กระจายรอบบ้าน เขาพยายามหลีกเลี่ยงด้วยไม่ต้องการหมั้นกับเรนิกา แต่มารดาก็ยังพยายามคะยั้นคะยอ
“แกให้ความสุขฉันไม่ได้เลยหรือไงตาทิวา แค่หมั้นมันจะไปยากอะไรนักหนา หรือแกต้องเห็นแม่ตายไปเสียก่อนถึงจะยอมทำตาม!”
ถ้อยคำประชดประชันสร้างความอึดอัดให้กับคนฟังไม่น้อย ทิวากรขบกรามแววตาสะท้อนความเจ็บปวดยากจะรักษาออกมา
“ก็ได้ครับแม่ ผมตกลงผมจะทำทุกอย่างที่แม่ต้องการ แม่เลิกพูดประชดประชันผมแบบนี้เถอะ!”น้ำเสียงตัดพ้อบอกมารดา ชายหนุ่มพับแขนเสื้อเชิ้ตสีดำถึงข้อศอกแล้วโยนตัวนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก
วิรงรองเห็นท่าทางบุตรชายรีบเข้าไปปลอบใจ มือแม่ยกขึ้นโอบไหล่ลูกไว้ แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“แม่เป็นห่วงเรานะตาทิวา แม่มีลูกชายอยู่คนเดียว เชื่อแม่สักครั้งนะลูกนะ”พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“แล้วผมต้องทำอะไรบ้างล่ะครับ”
“พาหนูเรนไปลองแหวนหมั้น แม่นัดไว้แล้วล่ะ”
ทิวากรลุกยืนสาวเท้าถึงรถคันโปรด สีดำ... มองดูมันแล้วนึกถึงตัวเองเจ้ารถคันนี้มันคงมีดมนตามเจ้าของ มือเอื้อมเปิดประตูรถสตาร์ทออกไป ไม่รู้ว่าเรนิกาคิดอะไรถึงได้ยอมรับหมั้นเขา ทั้งๆ ที่เธอน่าจะรู้ว่าเขาไม่ต้องการ
รถจอดเทียบหน้าบ้านสายตาเขามองเห็นเรนิกายืนอยู่กับมารดา ร่างสูงรีบลงจากรถยกมือไหว้พาวินีเธอรับไหว้ แล้วดันตัวลูกสาวให้มายืนด้านหน้า
“สวัสดีค่ะพี่ทิวา”เรนิกามองเขาแล้วยกมือไหว้
“สวัสดีครับ”ทิวากรรับไหว้
“แม่ฝากน้องด้วยนะทิวา”พาวินีแทนตัวเองแล้วฝากฝัง
“ครับ”
เรนิกาเหลือบมองเห็นสีหน้าของเขาแปลกๆ ไป ถึงแม้จะรู้สึกแต่เธอพยายามตัดความคิดเหล่านั้นไป เขาเดินไปถึงรถเปิดประตูนั่งประจำที่คนขับ ระหว่างนั้นเรนิการีบขึ้นรถตามเขาไป ระหว่างทางเป็นช่วงเวลาแสนอึดอัดความเงียบก่อเกิดภายในรถ สีหน้าท่าทางของเขาไม่สนใจเธอเลยสักนิด จนกระทั่งรถเคลื่อนมาจอดหน้าร้านเพชรแห่งหนึ่ง ทิวากรลงมาจากรถพร้อมกับเธอ
พนักงานเดินมาต้อนรับเราถึงที่ เรนิการีบก้าวเท้ายาวเดินตามอย่างรวดเร็ว รับรู้ได้เลยว่าเขาแปลกไปจริงๆ ตั้งแต่มายังไม่พูดคุยกันเลยสักคำ
“วงนี้ดีไหมคะพี่ทิวา”เธอหันไปถามเขา เห็นแววตาเรียบนิ่งส่งมา
“ก็ดี”
เป็นแบบนี้ทั้งวัน ไม่ว่าเธอจะเลือกวงไหนเขาก็ตอบว่าดีทั้งนั้น สายตายังมองออกนอกกระจกร้านมากกว่ามองมาทางเธอเสียอีก
“เอาวงนี้แล้วกันค่ะ”หันไปบอกพนักงาน เห็นท่าทางของเขายังคงไม่ใส่ใจเหมือนเช่นเดิม
เรนิกาออกมานอกร้านพร้อมกับเขา ไม่เข้าใจ มีอะไรบางอย่างทำให้เธอสับสน พี่พสินบอกว่าพี่ทิวามีปมบางอย่าง อยากรู้ว่ามันคือเรื่องอะไรกันแน่ เพราะเรื่องนี้ทำให้พี่ทิวาต้องปิดกั้นตนเองจากผู้หญิงใช่หรือเปล่า
“พี่ทิวาค่ะ”เรียกเขาเพราะต้องการถาม แต่เหมือนว่าคนถูกเรียกจะไม่ได้ฟังเธอเลย
หมับ!
ท่อนแขนแกร่งถูกจับ เธอรั้งเขาให้หันมาเผชิญหน้า บรรยากาศแบบนี้ไม่ต้องการ มันอึดอัด ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเธอเป็นแค่ผู้หญิงที่ต้องการจับผู้ชายเท่านั้น
“มีอะไรเหรอ?”เขาหันมาถามสีหน้าเย็นชา แววตาหมางเมิน
“พี่ไม่ต้องการหมั้นกับเรนใช่ไหม”ดวงตาร้อนผ่าวขึ้นมา ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย
เขาชะงักขบกรามแน่นดวงตาคู่นั้นที่มองมา เกลียด... ทำไมเธอจะต้องแสดงสีหน้าเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นด้วย อย่ามาร้องไห้ต่อหน้า อย่า... มองเขาด้วยสายตาแบบนั้น อย่าทำให้เขาทรมานมากไปกว่านี้อีกเลย
“ปล่อย!”เผลอตวาดสะบัดแขนอย่างไม่รู้ตัว เรนิกาสะดุ้งมองเขาด้วยความตกใจ
ทิวากรหน้าถอดสีเมื่อได้สติตนเองนั้นทำอะไรลงไป มือข้างหนึ่งยกเท้าเอวอีกข้างกุมขมับไว้แน่น หันเหลือบมองผู้หญิงอีกคนเห็นน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง ดวงตาเรียวคมเบิกกว้างด้วยความตกใจ มือข้างกุมขมับเอื้อมหมายจับแต่กลับชะงักค้างไว้อย่างนั้น
“เรนทำอะไรผิด เรนอยากจะรู้ ทำไมพี่ทิวาต้องทำกับเรนแบบนี้ด้วยคะ!”น้ำเสียงตัดพ้อพรั่งพรูออกมา “เรนก็แค่... ชอบพี่มากเท่านั้นเอง เรนชอบพี่ทิวาได้ยินไหมคะ!”หันหลังวิ่งออกมาทันที สายตาเธอพร่ามัวไปหมดมองไม่เห็นทาง ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงให้พี่ทิวายอมเปิดใจ
“เรนเดี๋ยว อย่าทำแบบนี้มันอันตราย!”ชายหนุ่มร้องเรียกวิ่งตาม เมื่อเห็นว่าร่างบางไม่มีทีท่าว่าจะหยุดวิ่งหรือระแวดระวังอันตรายจากรถรารอบตัวเลย
หูอื้อไปหมด น้ำตาบ้าบอก็ไม่หยุดไหล เรนิกา... เธออ่อนแอขนาดนี้เลยหรือไง ผู้ชายเขาไม่ได้ชอบพอต้องทำเหมือนตัวเองอกหักเป็นบ้าเป็นหลังไปได้ ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ นึกตำหนิตัวเองจริงๆ ที่ปล่อยใจง่ายดาย
เอี๊ยด!
รถวิ่งสวนมาเบรกกะทันหัน
หมับ!
เอวบางถูกรวบแล้วกระชากเข้ามาหาตนเองทิวากรโอบกอดเธอไว้แน่นด้วยความตกใจ รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายใจเต้นโครมครามสีหน้าตระหนก ลมหายใจยังหนักหน่วงเพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาหมาดๆ
“พวกคุณทำอะไรกัน ไม่เห็นหรือไงว่ารถวิ่งอยู่ ทำไมวิ่งออกมาไม่ดูบ้าง คนอื่นเขาเดือดร้อนไม่รู้หรือไง!”คนขับรถเปิดประตูลงมาต่อว่า แล้วเคลื่อนรถออกไป