บทที่3
เจ้าแฝด
จากที่ร้องไห้โฮกอดพี่ชายไปแต่พอหมอคาร่าให้ฉันมองภาพบนจอหยดน้ำตาก็เริ่มแห้งเหือดรอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าทันที แม้แต่พี่วิคเตอร์ยังยิ้มออกมา
“แข็งแรงทั้งคู่ใช่ไหมคาร่า”
ทั้งคู่ 0_0
“ใช่ค่ะ ตอนนี้เด็กเกาะผนังมดลูกแล้วดีจังได้แฝดด้วย”
ฉันมองหน้าพี่ชายที่มีรอยยิ้มบางๆ พี่ชายฉันใจดีมากนะหลังจากออกมาจากห้องตรวจฉันก็ถูกพาขึ้นมาพักบนห้องส่วนยาบำรุงต่างๆ พรุ่งนี้หมอคาร่าจะจัดการให้วันนี้เธอติดเคสผ่าคลอดจึงต้องขอตัวกลับก่อน
“พี่วิคเตอร์รู้ได้ไงคะว่าในท้องหนูเป็นเด็กแฝด” ฉันเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามพี่ชายที่กำลังอ่านผลตรวจของฉันอีกครั้ง
“พี่เคยมีลูกกับคาร่า”
“ฮะ!!”
“ในเมื่อเราอยากรู้พี่ก็จะเล่าให้ฟัง ตอนพี่เรียนจบพี่ขอคาร่าเป็นแฟนและคืนนั้นพี่กับคาร่าอยู่ด้วยกันทั้งคืน พอตอนเช้าคนของพ่อก็มารับพี่กลับไป พี่จบบริหารได้ดูแลธุรกิจเครือวิคเตอร์ทั้งหมด จนทำให้พี่กับคาร่าห่างๆ กันไป สุดท้ายคาร่าท้องเธอไลน์มาบอกกับพี่ ตอนที่พี่รู้พี่ดีใจมากนะดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยพี่เดินเข้าไปบอกกับพ่อแต่สิ่งที่พี่ได้กลับมาคือพ่อสั่งให้พี่เลิกกับคาร่าและหันมาสนใจงานของเรา”
วิคเตอร์หลับตาลงช้าๆ เพื่อปรับอารมณ์ให้คงที่
“อย่าบอกนะ....”
“พ่อของเราส่งคนไปจับคาร่าเพื่อทำแท้งพี่รู้เรื่องคำสั่งของพ่อก็รีบไปหาคาร่าที่บ้านพัก แต่มันสายไปพี่เห็นแผ่นอัลตร้าซาวด์ตกอยู่ พี่มีลูกแฝด....พี่ช่วยลูกพี่ไว้ไม่ได้”
“พอแล้วค่ะ ไม่ต้องเล่าแล้ว” ฉันเดินเข้าไปสวมกอดพี่ชายแล้วร้องไห้ออกมา นี่คงเป็นปมฝังใจของพี่ชายฉันไม่ต่างจากแม่
“เอาเถอะเรื่องมันผ่านมาแล้ว เราพักผ่อนเถอะพี่จะลงไปทำงานแล้ว ถ้าเบื่อก็บอกให้ฮาเวิร์ดพาลงไปเที่ยวได้ ชั้น1-4 เป็นห้าง ชั้น5เป็นสปา เที่ยวเล่นได้แค่5ชั้นนะ”
วิคเตอร์ส่งสายตาไปให้ฮาเวิร์ดเชิงคำสั่ง ฮาเวิร์ดจึงก้มหน้าลงเป็นอันรับรู้ เขามีธุรกิจหลายอย่างที่ยังไม่อยากให้น้องสาวมารับรู้ในตอนนี้
สโมสรพยัคฆ์เมฆา
หนุ่มโบ๊ทเดินตรวจงานอยู่บริเวณชั้นหนึ่งของสโมสร กิจการที่นี่ยังเป็นไปได้อย่างราบรื่น หลังจากที่ส่งตัววีนัสคืนสู่อ้อมกอดของพี่ชายเขาก็เหมือนขาดอะไรบางอย่างไป ปกติจะลงไปฟัดเธอทุกคืนที่ห้องใต้ดิน แต่หลังจากที่เธอไปเขาก็เหมือนขาดยาชูกำลังในการทำงาน ทุกวันนี้ทำได้แค่ให้ผ่านไปวันๆ
“นายครับนายใหญ่เรียกพบด่วนครับ”
“เออ” ผมรีบกลับขึ้นมาที่ชั้นสามตอนนี้พ่อผมดูท่าจะเครียดมากไม่รู้แม่บ่นอะไรอีกหรืออีเจ้ทะเลาะกับผัวชีวิตผมมีแต่เรื่อง
“พ่อมีอะไรกับผม ผมกำลังตรวจงานอยู่เลย”
“ไอ้กรณ์มึงไปตรวจงานแทนลูกกู ส่วนมึงไอ้มิคจัดกำลังคนไปคอยดูแลลูกสาวกับหลานกูและลูกเขยกูด้วย!”
“ครับนายใหญ่!” ทั้งสองก้มคำนับก่อนจะรีบแยกย้ายกันออกไป เมื่อทางสะดวกไบร์ทจึงนวดหว่างคิ้วพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“มีเรื่องอะไรพ่อ”
“โบ๊ทตอนนี้สายของพ่อรายงานมาว่าทางวิคเตอร์เริ่มเข้ามาลงทุนที่ประเทศไทย และทางนั้นก็ยังหนุนหลังให้ภูตะวันการที่แกเอาน้องสาวมันมาปู้ยี่ปู้ยำมันไม่ใช่เรื่องดีเลยแกเห็นไหมว่าเรื่องมันกำลังบานปลาย”
“แล้วสิ่งที่โมจิเจอล่ะพ่อ มันต่างกันตรงไหน!”
“มันต่างกันตรงที่โมจิเลือกที่จะเป็นฝ่ายเดินกลับเข้าไปหาไอ้เตชินไง! พ่อเตือนแกแล้วนะทำไมถึงไม่ฟังพ่อบ้าง!”
“ผมจะรีบแก้ปัญหานี้ให้เร็วที่สุกครับ” ผมก้มคำนับพ่อแต่พ่อผมยกมือเบรกเอาไว้ผมจึงเงยหน้าขึ้นมามองหน้าท่าน
“กลับไปตั้งใจเรียนให้จบ อีกแค่ไม่กี่เดือนก็จบแล้วเรื่องวิคเตอร์พ่อจะจัดการเอง”
“ถ้ามันอยากงัดกับผมก็ได้นะผมพร้อม”
“แกกำลังคึกคะนอง แกรู้ไหมว่าบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างนอกมีลูก มีเมีย มีครอบครัวที่ต้องดูแลหากพวกมันตายคนข้างหลังจะอยู่กันยังไง ตอนนี้เราต้องเงียบและดูท่าทีว่ายังมีใครที่จะร่วมเดินไปกับเราบ้าง พ่อคิดว่าอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าสโมสร ถ้าพวกเราแพ้หรือพลาดเท่ากับว่าพวกเราทุกคนต้องตาย”
ผมหันไปมองหน้าพ่อที่ดูตึงเครียดสุดท้ายผมก็ต้องยอมทำตามที่พ่อผมบอกแม้จะรู้สึกหงุดหงิดกับคำสั่งแต่ก็ต้องยอมรับเพราะผมรู้สถานการณ์ตอนนี้ดีว่าไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่
ผมขับรถบิ๊กไบค์กลับมาบ้านก็เจอแม่ผมนั่งรออยู่ ท่านเป็นห่วงผมมากยิ่งผมได้ขึ้นมาดูแลงานแทนคุณพ่อท่านยิ่งเป็นห่วงถึงขั้นมีปากมีเสียงจนพ่อเบย์ต้องเข้ามาแยก
“โบ๊ทอยู่บ้านนะลูกช่วงนี้อย่าพึ่งออกไปไหน”
“ครับ แม่ไปพักเถอะเดี๋ยวผมจะขึ้นไปอ่านหนังสือแล้ว”
“แค่นี้แม่ก็สบายใจแล้ว พรุ่งนี้พี่เราจะพาเด็กๆมาบ้านนะถ้าไม่ไปไหนอยู่เล่นกับหลานบ้างก็ดีเจ้าบาสกำลังซนเลย”
“ครับ”
22.00น.
บรื้นนนน!!!
ผมกับบอดี้การ์ดอย่างไอ้กรณ์และไอ้มิคขับรถออกมาจากบ้านด้วยความเร็ว เวลาผมเครียดๆ ก็คงมีแต่รถนี่แหละที่ผมระบายความเครียดได้ไม่เหยียบคันเร่งรถสปอร์ตก็คงจะบิดหมดปลอก
“นายเป็นอะไรวะ” กรณ์ขับไปตีคู่เพื่อตะโกนคุยกับมิค แต่มิคเองก็ไม่รู้สาเหตุได้แต่ขับแซงขึ้นไปเพื่อคุ้มกันเจ้านาย
“กรรมถามไม่ตอบเฮ้อ นายใหญ่รู้กูโดนแน่”
----------------------------------
โบ๊ทเอ๊ยย แกก่อเรื่องไว้ใหญ่หลวงเลยรู้ไหมอ