4

1443 คำ
สุวิมลยืนกุมมือทำตัวสงบเสงี่ยมต่อแขกคนสำคัญของร้านตามที่หลงจู๊กระซิบบอก นางพอจะเดาได้ว่าทำไมถึงถูกเรียกตัวออกมาจากครัว ก็คงไม่ต่างจากยุคของเธอ คืออาหารรสชาติห่วยแตก แขกไม่พอใจในคุณภาพ จึงต้องเรียกเชฟมาตำหนิหรือมาถามด้วยความข้องใจ องค์รัชทายาทมองสตรีรูปร่างบอบบาง.. ไม่ถูก ๆ จะเรียกว่าบอบบางเสียทีเดียวก็ไม่ถูก นางไม่ได้บอบบางแต่โปร่งระหงดูสมส่วนไปทุกส่วนสัดน่าจะถูกต้องกว่า มองการแต่งตัวรัดกุมแบบบุรุษแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมา เพราะมันไม่ได้ช่วยพรางสัดส่วนหรือความงดงามของเครื่องหน้าเลยสักนิด และตอนนี้ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมนางถึงชื่อซูวี่ เพราะมองปราดเดียวก็รู้ว่านางไม่ใช่ชาวลู่อานโดยแท้ นางอาจจะเป็นลูกผสมเหมือนญาติ ๆ อ๋องของเขา หรืออาจจะเป็นชนชาติอื่นโดยไม่มีสายเลือดลู่อานอยู่ในตัวเลยก็ได้ ใบหน้าเรียวรูปไข่ ปากบางเป็นกระจับสีแดงระเรื่อ คิ้วเรียวโก่งโค้งดำขลับ รับกับแพขนตาหนาที่ประดับรอบดวงตากลมโตที่เหมือนกับดวงตาของแมว “บุรุษท่านนี้เองเหรอที่ทำอาหารมาให้ข้า” เขารู้ว่านางเป็นสตรีแต่นึกอยากจะแกล้งเพื่อดูปฏิกิริยาของนางก็เท่านั้น คนถูกทักเงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะรีบหลบสายตาที่มองจ้องพร้อมอาการอมยิ้มนั้น เขาคิดว่าเธอเป็นผู้ชายอย่างนั้นเหรอ เธอแค่เปลี่ยนจากชุดกระโปรงเป็นกางเกงเองนะ เพราะคิดว่าวันนี้ต้องทำงานหนักเป็นสองเท่าแทนลี่ชุนที่นอนป่วยอยู่บ้าน แต่ก็นะ คงไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่เขาจะคิดแบบนั้น ก็ผู้ชายยุคนี้ผมยาวกันทุกคน เธอยังเคยเห็นพวกบัณฑิต พวกคุณชายที่เดินอยู่ตามถนน บางคนยังพาให้เธอร้องโอ้ในใจเพราะรูปร่างโปร่งบาง และหน้าตาก็ดูสวยกว่าผู้หญิงเสียอีก เหมือนอย่างคนข้าง ๆ เขาคนนี้ ส่วนตัวเขานั้น.. ขนาดอยู่ในท่านั่งยังสูงเกือบเท่า ๆ เธอที่กำลังยืน รูปร่างเพรียวแต่ดูแข็งแรง หน้าตานั้นไร้ที่ติ ไม่มีตรงไหนให้ติได้เลย ถ้าจะหาข้อติเตียนก็คงพูดได้แต่ว่าดูหล่อเกินไป ถ้าเธอได้กลับไปยังยุคสองพันของตัวเองเมื่อไหร่ จะต้องเอาไปคุยให้ได้ว่าประเทศจีนเมื่อประมาณสี่ร้อยปีที่ผ่านมา มีชายหนุ่มหล่อระดับตำนานชื่อว่า.. ชื่ออะไรเดี๋ยวก็คงจะรู้ เห็นนางเอาแต่นิ่งอึ้งไม่ยอมตอบเขาก็อมยิ้มกว้างขึ้น หยิบเงินจากเอวยื่นให้ “รางวัลของเจ้า” “มิเป็นไรท่านชาย” หลงจู๊ปฏิเสธแทนหญิงสาวที่เขาแค่สั่งให้สำรวม แต่นางเล่นเงียบกริบไม่ยอมตอบ คงเพราะประหม่าหรือกลัวเอามาก ๆ “ทำไมล่ะ” “ท่านชอบอาหารของร้านเรา แค่นี้พวกเราก็ดีใจมากแล้วขอรับ” “ข้าให้เขาเพราะเต็มใจที่จะให้ เจ้าไม่ควรขัดนะหลงจู๊” “ขอรับ” หลงจู๊ยอมจำนนกับสายตาที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มเชือดเฉือน มองไปทางหญิงสาวแล้วพยักหน้าบอกใบ้ให้นางรับเงินรางวัลที่เขามอบให้ สุวิมลโค้งศีรษะแล้วค่อย ๆ เอื้อมมือไปหยิบเงินที่อยู่บนฝ่ามือของหนุ่มหล่อหุ่นดีมาถือไว้ “ขอบคุณ” และโค้งศีรษะขอบคุณอีกครั้ง “จะกลับแล้วเหรอซูวี่” บุรุษที่กำลังดูแลความเรียบร้อยของร้านทักหญิงสาวที่หันไปเห็นด้วยความบังเอิญ “เจ้าค่ะ ข้าเป็นห่วงลี่ชุน” หลงจู๊ไม่สนใจคำตอบของนาง เพราะช่วงที่นางหันมาหาโดยไม่ทันได้ก้มหน้าหลบนั้น เขาบังเอิญเห็นรอยฟกช้ำที่มุมปากของนาง เขาลุกจากโต๊ะเก็บเงินแล้วถือวิสาสะจับคางนางให้เงยหน้าขึ้นมา.. “เกิดอะไรขึ้น!” ใจหายกับสภาพที่เห็น เพราะพอดูใกล้ ๆ แบบนี้แล้วมันเห็นชัดเลยว่ารอยที่เกิดขึ้นยังดูใหม่ “ข้าดูแลที่นี่นะซูวี่ เกิดอะไรขึ้นเจ้าควรบอกข้า ไม่ใช่ปิดปากเงียบแบบนี้” เขาย้ำเมื่อนางไม่ยอมตอบ “ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะหลงจู๊ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้น” เธอจะบอกได้อย่างไรว่าถูกไอ้เสี่ยวหมานเล่นงาน เพราะคิดว่าเธอเอาเรื่องของมันไปฟ้องเขา จนทำให้มันโดนด่าและขู่จะไล่ออกถ้ายังทำตัวขี้เกียจสันหลังยาว “เสี่ยวหมานเหรอ” หลงจู๊ผู้ปราดเปรื่องเข้าใจแจ่มแจ้งจากคำพูดแค่ไม่กี่คำของนาง เพราะคงไม่มีใครเข้าใจนางผิดได้เท่าหัวหน้าพ่อครัวผู้เกียจคร้านได้อีกแล้ว “ข้าจะไปบอกให้เขามาขอโทษเจ้า” “ไม่ต้องเจ้าค่ะหลงจู๊ ข้าไม่อยากญาติดีกับคนเช่นนั้นอีกแล้ว ได้โปรดมองข้ามเรื่องนี้ไปเถอะ” เธอรีบห้ามเอาไว้ “ถ้าผิดใจกันแบบนี้จะทำงานร่วมกันได้อย่างไร หรือข้าควรจะย้ายให้เจ้ามาต้อนรับแขกหน้าร้านดี” “อย่าดีกว่าเจ้าค่ะ ถ้าท่านทำแบบนั้นเขาก็คงเพ่งเล็งข้าอีก” “แล้วเจ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้มันจะดีเหรอ” “ขอบคุณหลงจู๊ที่เป็นห่วง แต่ข้าคิดหาวิธีเอาไว้แล้ว” “วิธีไหน” “เอาไว้ให้ข้าแน่ใจแล้วข้าจะบอกหลงจู๊อีกทีนะเจ้าคะ” “ตามใจ แต่เจ้าต้องอย่ายอมให้เขาโขกสับเจ้าอีกนะ ข้าไม่ชอบให้คนที่กินข้าวหม้อเดียวกันมาทำร้ายกันแบบนี้หรอก” “เจ้าค่ะ” “รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ แวะซื้อยาทาหน่อยก็ดีนะ” “เจ้าค่ะ” เธอตั้งใจจะไปร้านยาเพื่อซื้อยาให้ลี่ชุนอยู่พอดี ซื้อยาทาแผลให้ตัวเองด้วยเลยก็แล้วกัน “ข้ากลับก่อนนะเจ้าคะ” “อือ ถ้าลี่ชุนอาการยังไม่ดีขึ้นก็ให้นางหยุดพักไปก่อนก็ได้ ไม่ต้องฝืน” “ขอบคุณหลงจู๊” สุวิมลโค้งศีรษะให้อีกฝ่ายอย่างรู้สึกซาบซึ้ง รีบเดินทางไปร้านยาแต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อร้านปิดแล้ว ครั้นจะเดินทางไปซื้ออีกที่ก็เป็นห่วงลี่ชุนเพราะมืดมากแล้ว จึงเปลี่ยนใจซื้อโจ๊กถั่วแดงใส่เป๋าฮือให้นางกินแทน “วันนี้เจ้าล่ำซำมากนะซูวี่” ป้าหม่าหยอกเอินหญิงสาวที่มักจะแวะมาซื้อโจ๊กถั่วแดงอยู่บ่อยครั้ง “วันนี้ข้าเจอท่านชายใจดีให้รางวัลที่ข้าทำอาหารถูกปาก ข้าก็เลยมีเงินมาซื้อโจ๊กใส่เป๋าฮือของป้าหม่าไงล่ะ” “แล้วลี่ชุนล่ะ ทำไมไม่มาด้วยกัน” “นางป่วย ข้าซื้อโจ๊กไปให้นางนี่แหละ” “อ้อ ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้โจ๊กเยอะ ๆ เลย เผื่อนางจะได้กินพรุ่งนี้ได้อีกมื้อ เพราะเจ้าต้องมาทำงานนี่นา” “ขอบคุณป้าหม่า ท่านใจดีกับพวกเรานัก” “ได้ดีเมื่อไหร่ก็อย่าลืมข้าล่ะ” สิ่งที่ป้าหม่าหวังคงไม่เป็นจริงหรอก เพราะเธอหวังจะได้กลับไปยังยุคที่ตัวเองเคยอยู่ หรือไม่ก็ได้เจอพี่น้องที่พลัดพรากจากกัน “หวังว่าข้าจะโชคดีอย่างที่ป้าหม่าพูด” นางตอบทั้งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะนางเคยกระโดดลงไปในลำธารที่ทำให้โผล่ขึ้นมาที่นี่ตั้งหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเลย “เจ้าต้องได้ดีแน่ซูวี่ ข้าไม่ได้เป็นแค่ยายแก่ขายโจ๊กเท่านั้นนะ แต่ข้ายังมีสายตาที่เฉียบขาดอีกด้วย โหงวเฮ้งของเจ้าดีมาก รูปร่างลักษณะของเจ้าก็เข้ากันกับโหงวเฮ้งบนใบหน้าอย่างไรที่ติ ถ้าเจ้าไม่ได้ดีก็อย่ามาเรียกข้าว่าป้าหม่า” นางไม่ได้งดงามปานล่มบ้านล่มเมือง แต่ทุกอย่างบนตัวนางส่งเสริมกันหมด ทำให้นางดูดีมีสง่าได้อย่างน่าอัศจรรย์ “ได้ยินแบบนี้แล้วข้าปลื้มใจนัก เอาเป็นว่าถ้าข้าได้ดีจริง ๆ ข้าจะมาตอบแทนป้าหม่าแน่” เธอกล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข แต่ก็ไม่ได้คิดจริงจังกับคำพูดของนางสักนิด “ขอบคุณสำหรับโจ๊ก แล้วข้าจะมาอุดหนุนใหม่นะ” “อือ เดินทางปลอดภัยนะ” ป้าหม่ากล่าวอวยพร มองตามหลังร่างระหงได้สัดส่วน “ขนาดมองแค่ด้านหลังยังดูมีสง่าราศี แบบนี้อนาคตต้องได้ดีแน่ ๆ นางหนู”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม