สามวันต่อมา
ร้านอาหารไหมทอง
“คารวะท่านชาย” หลงจู๊กล่าวต้อนรับลูกค้าคนสำคัญอย่างนอบน้อม “วันนี้มาคนเดียวเหรอขอรับ”
“อือ วันนี้ดูวุ่นวายนะ” ต้าเสินชวนหลงจู๊สนทนาขณะกวาดสายตามองลูกค้าที่ค่อนข้างแน่นร้าน
“ขอรับ ช่วงนี้จะมีเรือขนส่งสินค้าจากต่างแดนมาเทียบท่าค่อนข้างเยอะ ร้านของเราก็เลยคึกคักเป็นพิเศษ”
“กิจการดีแบบนี้น่าชื่นใจแทนเจ้าของนะ”
“ขอรับ” หลงจู๊รับคำพร้อมรอยยิ้มที่มีเพียงเขาที่เข้าใจ “วันนี้ท่านชายต้องการนั่งที่ไหนดีขอรับ ชั้นล่างหรือชั้นบน”
“ที่นั่งเดิมยังว่างหรือไม่”
“ต้องขออภัยขอรับ วันนี้ลูกค้าของเราเยอะมาก ที่นั่งก็เหลือน้อยเต็มที”
“ถ้าอย่างนั้นข้านั่งข้างล่างก็ได้”
“เชิญท่านชายทางนี้ขอรับ” หลงจู๊ผายมือเชื้อเชิญและเดินนำเขาไปด้วยตนเองจนกระทั่งถึงโต๊ะนั่งในมุมที่ค่อนข้างสงบ “อีกสักครู่ข้าจะให้เสี่ยวเอ้อร์มารับรายการอาหารนะขอรับ”
“เจ้ารับไปเลยก็ได้ ข้าต้องการแค่ไก่ทอดเกลือกับผัดผักบุ้งแล้วก็ข้าวต้มสักถ้วยเท่านั้น” วันนี้เขาไม่ได้มาเพราะความหิว แต่เขามาเพราะความรู้สึกอยากเท่านั้น
“เอ่อ.. ท่านชายขอรับ”
“หือ” คิ้วพาดเฉียงเลิกขึ้นเล็กน้อยขณะมองหน้าหลงจู๊
“ต้องเป็นฝีมือของแม่นางซูวี่หรือไม่ขอรับ ถ้าใช่ข้าน้อยต้องขออภัยเป็นอย่างสูง เพราะวันนี้นางไม่ได้มาทำงานขอรับ”
คิ้วพาดเฉียงเปลี่ยนเป็นขมวดมุ่นด้วยความสงสัย “น้องสาวของนางยังไม่หายป่วยอีกเหรอ” ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว เขามั่นใจว่ายาอย่างดีที่เขาให้นางไปนั้นต้องรักษาอาการป่วยหายสนิทแล้ว
“น้องสาวของนางหายดีแล้ว แต่นางกลับป่วยแทน”
ใจขององค์รัชทายาทสะท้านไปด้วยความห่วงใย บอกไม่ถูกว่าทำไมต้องรู้สึกกับนางได้มากมายขนาดนี้.. เขาคงติดใจฝีมือทำอาหารของนาง แล้วยังติดใจลายมือที่โดดเด่นนั่นอีกกระมัง
เขาแสดงออกเพียงพยักหน้ารับรู้ ซ่อนความรู้สึกที่เกิดขึ้นเอาไว้
“เช่นนั้นรอนางหายแล้วค่อยมากินก็แล้วกัน ถ้าคนของข้าตามมา ช่วยบอกเขาว่าข้ากลับไปแล้วนะ”
“ขอรับ ข้าน้อยขออภัยในความผิดพลาดนี้ด้วย”
“ไม่ใช่ความผิดของท่าน ข้าผิดเองที่ดันติดใจรสชาติอาหารของนาง”
“ขอให้เดินทางปลอดภัยนะขอรับ”
องค์รัชทายาทเดินออกจากร้านด้วยฝีเท้าที่มั่นคง เมื่อพ้นจากหน้าร้านก็รีบตรงไปที่ตรอกใกล้ ๆ ทันที…
“ท่านคือ..” ลี่ชุนถามบุรุษที่ยืนอยู่หน้าประตู
“ต้าเสิน เป็นคนที่เอายามาให้เจ้า”
“อ้อ! คารวะท่านชาย” หญิงสาวโค้งศีรษะทักทายอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม เพราะได้ยินจากซูวี่มาหมดแล้ว “ขอบคุณสำหรับยานะเจ้าคะ”
“อือ ข้าได้ยินว่าซูวี่ป่วยตามเจ้า”
“เจ้าค่ะ อาการหนักกว่าข้าน้อยอีก” นางขยับเท้าหลบให้เขามองเข้าไปด้านในห้องพักที่ค่อนข้างคับแคบแต่สะอาดสะอ้าน
“ข้าขอเข้าไปได้ไหม”
“เชิญเจ้าค่ะ”
ต้าเสินเดินเข้าไปและนั่งลงใกล้ ๆ คนป่วย วางมือไปที่หน้าผากกลมกลึงชื้นเหงื่อแต่ร้อนจัดแล้วต้องขมวดคิ้วมุ่น
“ทำไมถึงปล่อยให้เป็นหนักแบบนี้ล่ะ”
“ข้าน้อยก็ไม่ได้ปล่อยนะเจ้าคะ ไปซื้อยามารักษาแต่อาการของนางก็ไม่ดีขึ้นเลย”
“แล้วทำไมไม่ไปหาข้าล่ะ”
“ข้าไม่รู้ว่าท่านชายอยู่ที่ไหนนี่เจ้าคะ”
เขาเงียบเพราะนางพูดถูก “อย่าหาว่าข้าดูแคลนเลยนะ แต่ที่นี่ค่อนข้างแคบและแออัด ไม่เหมาะกับคนป่วยอาการหนักแบบนี้ จะรังเกียจหรือไม่ถ้าข้าขอพานางไปรักษาที่บ้านของข้า ที่นั่นมีหมอและคนดูแล เจ้าเองก็จะได้พักผ่อนเต็มที่ด้วย” เขาไม่อยากปล่อยนางเอาไว้ที่นี่ อยากพากลับไปรักษาที่คฤหาสน์ชิวเทียนเพื่อจะได้ดูแลได้อย่างใกล้ชิด
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ถ้าท่านชายมีน้ำใจ ข้าขอแค่ยาที่เคยรักษาข้าก็พอ” นางไม่อยากพูดถึงความไม่เหมาะสมจึงปฏิเสธไปตรง ๆ
เขาส่ายศีรษะทันที “ข้าไม่เห็นด้วย ดู ๆ แล้วอาการของเจ้าก็ยังไม่ดีสักเท่าไหร่ ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ ไข้อาจจะกลับมาอีกก็ได้”
“แต่ข้าเกรงใจท่าน พี่ซูวี่ก็คงคิดแบบเดียวกับข้าเหมือนกัน นางขี้เกรงใจยิ่งกว่าข้าเสียอีก”
คำตอบของนางนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีของเขา ยิ่งนางเกรงใจเขาก็ยิ่งอยากพานางไปรักษาตัวที่คฤหาสน์ชิวเทียน เพราะเมื่อนางหายป่วยเขาจะได้มีข้ออ้างเก็บนางไว้ทำอาหารเลิศรสให้กิน หรืออาจจะเขียนหนังสือให้บ้าง
“เลือกเอาว่าจะเกรงใจหรืออยากจะรักษานางให้หาย เพราะอาการป่วยของนางหนักหนากว่าเจ้ามากนัก” คงมีวิธีนี้เท่านั้นที่จะหลอกล่อให้หญิงสาวคนนี้ติดกับ ถ้านางห่วงใยพี่สาวคนนี้จริง
“ข้าย่อมต้องอยากช่วยนางสิเจ้าคะ”
“เช่นนั้นแปลว่าเจ้าตกลง” เขารอคำตอบภายใต้ท่าทีที่ใจเย็น แม้ในใจจะร้อนรุ่มด้วยความเป็นห่วง
ลี่ชุนคิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบ แม้จะรู้สึกเกรงใจเขามาก แต่อยู่แบบนี้มาสามวันแล้วอาการของซูวี่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย เงินที่มีอยู่ก็ใกล้จะหมดเต็มที เพราะต้องเอาไปจ่ายค่ายาที่แพงแสนแพงแต่กลับรักษาไม่ได้ผล
“เช่นนั้นต้องขอรบกวนท่านชายแล้ว” นางตัดสินใจตอบรับเพื่อประโยชน์ของคนป่วย
“ดีมาก” ต้าเสินฉีกยิ้มบางเบาก่อนจะลุกขึ้นยืน “เตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมก็แล้วกัน อีกไม่เกินหนึ่งชั่วยามข้าจะให้คนของข้ามารับ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
คฤหาสน์ชิวเทียน
“พานางไปที่เรือนคนใช้”
“ให้นางไปพักที่เรือนเป่ยเปียน”
“องค์..ท่านชาย” อวี่กงรีบพลิกลิ้นเมื่อเห็นลี่ชุนมองหน้า
“นางไม่ใช่คนรับใช้แต่นางเป็นแม่ครัวคนสำคัญของข้า เจ้าอยู่กับข้ามานาน เรื่องแค่นี้ควรจะลำดับความสำคัญให้ถูก”
“ต่อให้นางเป็นแม่ครัวคนสำคัญก็ไม่ได้หมายความว่านางจะต้องพักเรือนเดียวกับท่านนะ” อวี่กงกระซิบเบา ๆ
“จะตื่นเต้นไปทำไม ข้าไม่ได้ให้นางพักห้องเดียวกับข้าเสียหน่อย”
“ท่าน!”
เขาคลี่ยิ้ม “หวงข้ามากขนาดนั้นเลยเหรออวี่กง” ส่งสายตาล้อเลียนใส่เพื่อนสนิท
“ข้าเป็นห่วงท่านต่างหาก ทำแบบนี้ไม่ได้ส่งผลดีกับท่านเลยนะ” เขาเป็นองค์รัชทายาทที่จะกลายเป็นกษัตริย์ในภายภาคหน้า การทำแบบนี้ไม่ได้ส่งผลดีด้วยเลยสักนิด
“เอาน่า อย่าคิดมาก” ต้าเสินตบบ่าคนสนิทแล้วดันเบา ๆ “ไปจัดการด้วย”
“..ขอรับ” สุดท้ายเขาก็แพ้อีกตามเคย
เรือนเป่ยเปียน
“เจ้าพักที่ห้องนี้ได้ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเป็นห่วงซูวี่ แค่นอนพักฟื้นให้ตัวเองหายก็พอ”
ลี่ชุนไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มีโอกาสมาพักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่แสนงดงามหลังนี้ ห้องนี้ก็กว้างขวางโอ่โถง เตียงนอนก็หลังใหญ่จนนางไม่กล้าก้าวขึ้นไปนอนเลยทีเดียว
“ขอบคุณท่านชาย แต่ข้าพักห้องเดียวกับพี่ซูวี่ก็ได้เจ้าค่ะ” กล่าวอย่างเกรงใจ
“ห้องหับที่นี่มีเยอะแยะ เจ้าไม่จำเป็นต้องไปนอนรวมกับคนป่วยหรอก พักผ่อนให้สบายนะ”
“ขอบคุณท่านชาย” ลี่ชุนกล่าวกับเขาก่อนที่เขาจะเดินจากไป
เมื่อเขาออกไปแล้วนางก็ต้องตกใจอีกรอบ เพราะมีหญิงสาวอีกนางหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับสำรับอาหารและยา นางรีบกล่าวขอบคุณอย่างเกรงใจแล้วกินข้าวกินยาที่ถูกเตรียมมาให้