บทที่ 1 คำสั่งเสียของแม่
เอี๊ยดดดดดดดด โครม! เสียงรถเก๋งสีแดงเบรกมาแต่ไกลแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อชนกับสิ่งมีชีวิตตัวน้อยทั้งห้าในซอยแคบ ๆ ก่อนถึงตลาดสดในยามเช้า จากนั้นล้อทั้งสี่ก็ค่อย ๆ เคลื่อนถอยหลังเพื่อหลบและเดินหน้าต่ออย่างไม่ใยดีในสิ่งที่ชนไปเพราะเห็นเป็นแค่เพียงชีวิตน้อย ๆ ที่ไร้ค่า
เลือดสีแดงสดไหลอาบตัวแม่แมวขนสีเทาแซมขาวที่กระโจนตัวเข้ามาบังลูก ๆ ทั้งสี่ของมันเพื่อให้พ้นจากอันตราย
“แม่จ๋าแม่ ตื่นขึ้นมาก่อนสิจ๊ะ” ลูกแมวสีขาวเดินมาเรียกแม่ของมันที่กำลังนอนนิ่งอยู่บนพื้นถนน จากนั้นไม่นานลูกแมวที่เหลือทั้งสามตัวก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาร้องเรียกแม่ของมัน
เมื่อเสียงร้องเหมียว ๆ จากลูกทั้งสี่ดังระงมแม่แมวจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ก่อนจะสั่งเสียในสิ่งที่เคยสอนไว้ “อย่าลืมในสิ่งที่แม่เคยสอนพวกเจ้าไว้นะ จงหาทาสที่ดีมาดูแลพวกเจ้าให้ได้…” สิ้นคำสั่งเสียสุดท้ายแม่แมวก็สิ้นใจลง
“ฮือ แม่จ๋าแม่ไม่ต้องห่วงนะ หนูจะทำอยากที่แม่เคยสอน”
ไวท์ -- ลูกแมวสีขาวตัวที่หนึ่งเริ่มทำตามคำสอนของแม่เป็นตัวแรกเพื่อเป็นตัวอย่างให้น้อง ๆ ได้ทำตาม
เมื่อมองเห็นว่าเป้าหมายกำลังเดินผ่านมา มันจึงเดินเข้าไปคลอเคลียถูตัวไปมาใต้ขาของเด็กหญิงตัวน้อยที่เดินมากับพ่อของเธอ
“พ่อคะ ลูกแมวตัวนี้น่ารักจังเลยค่ะ” เด็กสาวตัวน้อยนั่งลงย่อง ๆ ก่อนจะลูบหัวลูกแมวเบา ๆ มันจึงเอาหัวของมันถูไปมาที่มือของเธออีกเพื่อแสดงให้เห็นถึงความขี้อ้อน
“พ่อคะ หนูเลี้ยงมันได้ไหมคะ?” เธออุ้มลูกแมวสีขาวขึ้นมาไว้บนตักก่อนเงยหน้าถามผู้เป็นพ่อ
“ได้สิลูก แต่ตัวนี้ต้องเป็นตัวสุดท้ายแล้วนะ”
“ได้ค่ะ เจ้าขนปุยจะได้มีเพื่อนเพิ่ม” เธอพูดถึงแมวที่บ้านของเธอที่ชื่อขนปุย
เด็กสาวได้อุ้มไวท์ขึ้นก่อนเดินจากไป
“พี่ไปก่อนนะน้อง ๆ” ไวท์ร้องบอกน้องทั้งสามของมันก่อนจะถูกอุ้มไปจนลับตา
“พี่ไวท์ทำสำเร็จไปแล้ว ต่อไปพี่จะขอลองเป็นตัวที่สองต่อจากพี่ไวท์นะ” ยูกิลูกแมวตัวสีขาวสีเดียวกับลูกแมวตัวแรกเอ่ยขึ้น มันหรี่ตามองหามนุษย์ที่หน้าตาดูเป็นมิตร ทันทีที่เจอก็เดินตรงเข้าไปและล้มตัวลงนอนตัดหน้าทันที ทำให้หนุ่มวัยประมาณยี่สิบต้องหยุดชะงัก ก่อนจะเดินหลบเลี่ยงไปทางอื่นแทน แต่เมื่อยูกิเห็นเช่นนั้นก็ไม่ละทิ้งความพยายาม เดินเข้าไปนอนตัดหน้าอีกครั้งและอีกครั้ง จนในที่สุดความพยายามก็ไม่ไร้ค่า
“อยากไปอยู่ด้วยเหรอ? มานี้สิเจ้าเหมียว” ชายหนุ่มยื่นมือเรียก ยูกิเดินตรงเข้าไปอย่างไม่รีรอ
“ต่อไปก็ถึงตาฉันล่ะ” ลูกแมวตัวที่สามขนสีขาวแซมเทาลายเดียวกับแม่ของมันหันไปพูดกับน้องสุดท้อง ก่อนเดินตามหลังครอบครัวหนึ่งไปช้า ๆ
“พ่อคะ แม่คะ ลูกแมวตัวนี้มันเดินตามพวกเราค่ะ พี่ก็เห็นใช่ไหม?” เด็กสาวหันไปถามพี่ชายซึ่งอายุต่างกันเพียงสองถึงสามปี
“ใช่ครับ ผมเห็นมันเดินตามพวกเรามาตั้งแต่หน้าปากซอยจนตอนนี้กลางซอยแล้ว”
“ถ้าพวกเราอยากเลี้ยงมันได้ไหมคะ?”
“ไม่ได้จ๊ะ รีบกลับบ้านกันเถอะ แม่จะได้ทำอาหารเย็นเตรียมไว้” เธอบอกกับลูก ๆ ทั้งสองของเธอและหันหลังเดินต่อ ส่วนลูกแมวตัวที่สามก็ยังคงเดินตามต่อไปเรื่อย ๆ
“แม่ครับมันยังเดินตามอยู่เลย ผมว่ามันคงจะหิว พวกเราดูแลมันไม่ได้เหรอครับ นะครับพ่อ” เมื่อเด็กชายเห็นสีหน้าของแม่จึงหันไปขอร้องพ่อของเขาแทน
“ว่าไงดีล่ะคุณ พ่อว่ามันก็ดูน่าสงสารนะ ผอมโซมอมแมมเชียว”
“คุณล่ะก็ใจอ่อนกับลูกอยู่เรื่อยเลย” เธอพูดกับสามีก่อนหันไปทำข้อตกลงกับลูกชายลูกสาวของเธอ “ถ้าลูกอยากเลี้ยงมันลูกต้องสัญญาก่อนว่าจะช่วยกันให้ข้าวให้น้ำและคอยทำความสะอาดเวลามันทำสกปรก”
“สัญญาครับ/ค่ะ” เด็กน้อยทั้งสองรับปากอย่างหนักแน่น
ในที่สุดมันก็ทำสำเร็จ
ตอนนี้เหลือเพียงลูกแมวลายสลิดเป็นตัวสุดท้าย ซึ่งหน้าตาของมันไม่ค่อยน่ารักเท่าพี่ ๆ ตัวอื่น ๆ ของมันเท่าไหร่นักแถมสีขนยังแตกต่างกว่าใครในบรรดาพี่น้องของมันอีกด้วย จึงทำให้โดนแกล้งอยู่บ่อย ๆ ว่ามันถูกเก็บมาเลี้ยง ซึ่งแม่ของมันก็คอยบอกเสมอว่าได้สีขนของพ่อมา
ไทเกอร์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนมองหาทาสที่จะมารับเลี้ยงมันเหมือนที่พี่ทั้งสามทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อนหน้านั้น มันยืนนึกถึงคำสอนของแม่คืออันดับแรกต้องดูว่าใครหน้าตาเป็นมิตร
แล้วหน้าตาแบบไหนถึงเรียกว่าเป็นมิตรกันล่ะ?
อันดับที่สองคำพูดต้องไพเราะเสนาะหู
ในขณะที่ไทเกอร์กำลังนึกถึงคำสอนอยู่นั้นตัวของมันก็ลอยขึ้นจากพื้นดิน มันจึงดิ้นไปมาจนสายตาของมันมาหยุดจ้องกับชายร่างโตหนวดเครารุงรังซึ่งกำลังยกมันห้อยโตงเตงโดยการจับที่หนังคอ
“แมวน้อยจ๋า อยู่นิ่ง ๆ มาให้จับซะดี ๆ”
พูดเพราะตามหลักสูตรที่เคยได้ร่ำเรียนมา คนนี้แหละที่จะเป็นทาสของฉัน
ชายร่างโตเดินช้า ๆ ไปที่รถก่อนจะเปิดท้ายรถและโยนลูกแมวที่เพิ่งจับมาเข้าไปในกรงสีสนิมและขับรถออกไปทันที
ไทเกอร์นั่งตื่นเต้นอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นบ้านใหม่อยู่ภายในหลังรถที่มืดสนิท ไม่นานแสงแดดก็ลอดเข้ามาและมันก็ถูกย้ายเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก มีกลิ่นเหม็นอับ หลังบ้านมีลูกแมวไม่ต่ำกว่ายี่สิบตัวนอนเบียดกันอย่างแออัดอยู่ในกรงขนาดใหญ่และมันก็ถูกจับใส่เข้าไปในกรงนั้นด้วย
“สวัสดี ฉันชื่อไทเกอร์นะ” ไทเกอร์ทักทายเพื่อนใหม่ด้วยน้ำเสียงสดใสแต่กลับไม่มีใครตอบกลับมาเลยสักตัว แถมเพื่อนใหม่ของมันยังอยู่ในสภาพอิดโรยอีกด้วย ไม่นานจูดี้แมวชราก็พูดขึ้นอย่างเห็นอกเห็นใจในความใสซื่อของลูกแมวตัวนี้
“แมวน้อย เธอคงไม่รู้สินะว่าที่นี่มันโหดร้ายแค่ไหน”
“โหดร้ายที่ว่าคือแบบไหน” มันเอียงคอถามด้วยความสงสัย
จูดี้จึงเล่าให้ฟังอย่างคร่าว ๆ ว่าชายคนนั้นที่พาไทเกอร์มาที่นี่เป็นคนไม่ดี คอยจับลูกแมวมาขาย หากไม่มีคนสนใจซื้อตอนที่ยังเป็นลูกแมวอยู่ก็จะถูกปล่อยอย่างทิ้งขว้าง ถ้าวันไหนอารมณ์ไม่ดี ก็จะมาทำร้ายเพื่อระบายอารมณ์
“อย่าพูดให้เด็กมันกลัวสิจูดี้” แมวตัวผอมแห้งพูดห้ามปราม
“เธอเห็นตาของเจ้าแห้งนั้นไหม? ปีก่อนโน้นเจ้านี้ก็ถูกทำร้าย” ไทเกอร์หันไปมองพินิจพิจารณใบหน้าของแมวผอมตามคำเล่าบอกของจูดี้ก็พบว่ามีตาซ้ายเพียงข้างเดียวที่สามารถใช้งานได้
“ในเมื่อเราไม่มีประโยชน์แล้วเขาไม่ปล่อยพวกเราไปเหรอ?”
“ไม่นะสิ เจ้าชั่วนั่นขังพวกเราไว้เป็นที่ระบายแทน”
ไทเกอร์เหม่อมองออกไปนอกกรง ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ ๆ ของมันจะเป็นอย่างไรบ้าง หวังว่าคงไม่ต้องมาเจออะไรแบบที่ตนเป็นอยู่ตอนนี้
“หยุดร้องได้แล้วโว้ย หนวกหู คนจะหลับจะนอน เดี๋ยวก็สาดน้ำร้อนเข้าให้!” ชายเจ้าของบ้านโวยวายพร้อมปาขวดน้ำใส่
“เข้านอนกันเถอะ พรุ่งนี้พวกเราขอให้เธอโชคดีแล้วกันนะหนูน้อย” จูดี้และแมวผอมแห้งอวยพร ในใจก็ภาวนาขอให้ลูกแมวที่ใสซื่อตัวนี้รีบมีคนจิตใจดีรับไปเลี้ยงในเร็ววัน จะได้ไม่ต้องมาทุกข์ทรมารเหมือนพวกตนทั้งสอง