บทที่ 5

1249 คำ
“เมื่อ 2-3 วันก่อน เราได้คุยกับท่านพี่ฮารีฟร์ ท่านพี่บอกว่าได้เข้าไปเทคโอเวอร์กิจการโรงแรมในเมืองไทย พวกเจ้าพอจะรู้หรือเปล่าว่าชื่อโรงแรมอะไร” เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยถามองครักษ์ไม่จำเพราะเจาะจงว่าเป็นใครขณะที่เริ่มลงมือรับประทานอาหารโปรดไปด้วย หัวสมองอันชาญฉลาดพยายามครุ่นคิดชื่อโรงแรมที่ท่านพี่ฮารีฟร์ได้เอ่ยบอกไว้ก่อนหน้านี้แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกสักที “เดอะธาราแกรนด์โฮเทลพะยะค่ะ” ราชิตวางมือจากการรับประทานข้าวผัดแล้วเอ่ยตอบเจ้าชายหนุ่มแทนเพื่อนรักที่ยังมีข้าวอยู่เต็มปาก “อืม...ชื่อเพราะดี แต่แปลกน่ะ ทำไมท่านพี่ถึงได้คิดเข้าไปเทคโอเวอร์กิจการโรงแรมทั้งๆ ที่งานราชงานธุรกิจที่มีอยู่ก็ล้นมือจนทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อนอยู่แล้ว” “คงมีแรงดึงดูดบางประการมั้งพะยะค่ะเลยทำให้เจ้าชายฮารีฟร์ได้เดินทางไปเมืองไทย” อาดิลมีโอกาสได้เอ่ยตอบบ้างหลังจากที่กลืนข้าวผัดคำโตลงคอแล้ว คำวิเคราะห์คาดเดาขององครักษ์ทำให้เจ้าชายซารีฟร์ขมวดคิ้วเข้มหนาดกดำเข้าหากันให้ยุ่งก่อนจะเอ่ยพึมพำ ออกมาด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ “อยากรู้จริงๆ ว่าอะไรคือแรงดึงดูดที่ทำให้ท่านพี่ได้เดินทางไปเมืองไทย แผ่นดินเกิดของท่านแม่” เมื่อใดที่เจ้าชายหนุ่มแห่งราชวงศ์อัลนูรีนผู้หล่อเหลาซึ่งได้รับขนานนามจากเชษฐาว่าคาสโนว่าแห่งอัลนูรีนได้รับ คำตอบ ก็จะรู้ซึ้งว่า ณ ดินแดนแผ่นดินทองที่ได้ชื่อว่าสยามนั้นมีสิ่งดึงดูดตราตรึงให้คาสโนว่าหนุ่มเช่นตัวเขาได้มีอันต้องยกเลิกการเดินทางไปแผ่นดินเกิดเพื่อตามหาหัวใจของตนเอง ณ ดินแดนแห่งนี้... นาราภัทรกับนาราพรรณ ฝาแฝดแสนสวยทั้งสองต่างก็พากันลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่จนตัวเอียงออกจากผู้โดยสารขาเข้าภายในท่าอากาศยานนานาชาติเจเนอรัล เอ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ โลแกน น้ำหนาวลากกระเป๋าเดินทางตรงดิ่งไปยังประตูทางออกเพื่อเรียกรถแท็กซี่แต่ก็ถูกมือนุ่มนิ่มของแฝดน้องฉุดดึงไว้เสียก่อน “น้ำค้างหิวข้าว ไปกินก่อนได้มั้ย เดี๋ยวกลับไปอพาร์ทเม้นท์แล้วไม่มีอะไรกินอีก น้ำค้างเบื่อกินบะหมี่แล้ว” ด้วยก่อนหน้านี้เมาเครื่องอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง พอเท้าแตะพื้นดิน ท้องก็ประท้วงเรียกร้องหาอาหารทันทีและไม่รอช้าไม่รอคำตอบจากแฝดพี่นาราพรรณได้ฉุดรั้งพี่สาวไว้พร้อมกับดึงแขนให้เดินกลับเข้ามาภายในท่าอากาศยานเหมือนเดิม “ไปกินข้าวก่อนก็ได้ พี่เองก็เบื่อกินบะหมี่เหมือนกัน” นาราภัทรเห็นด้วยกับข้อเสนอของแฝดน้อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารที่จำเป็นต้องมีติดอพาร์ทเม้นท์คราวใดที่เหน็ดเหนื่อยจากการเล่าเรียนและการทำงานจนไม่มีแรงทำกับข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเหล่านี้ก็สามารถช่วยชีวิตเธอกับน้องสาวไว้ได้ หญิงสาวยอมเดินตามแรงฉุดดึงของแฝดน้องแสนสวยเข้าไปในร้านอาหารไทยเล็กๆ หนึ่งเดียวที่ยังสามารถยืนหยัดเปิดร้านได้ภายในบริเวณท่าอากาศยานที่มีค่าเช่าแพงหูฉี่ยิ่งกว่าทองคำเสียอีก น้ำหนาวเป็นคนแรกที่ทิ้งตัวลงนั่งแหมะบนเก้าอี้อย่างหมดแรงตามด้วยน้ำค้างที่มีอากัปกิริยาเหน็ดเหนื่อยไม่ต่างจากพี่สาวที่ต้องพากันนั่งเครื่องบินชั้นประหยัดเป็นเวลานานนับสิบชั่วโมง “กะเพราะไก่ไข่ดาวกับน้ำเปล่า” น้ำหนาวสั่งเมนูอาหารที่ใครๆ ก็เรียกว่าเมนูสิ้นคิดแบบว่านั่งร้านอาหารตามสั่งที่ไหนไม่ว่าในเมืองไทยหรือต่างแดนก็มีอันต้องสั่งเมนูนี้เป็นเมนูแรก “น้ำค้างเอาอะไร” หญิงสาวหันมาถามน้องสาวที่กำลังหยิบเมนูมาเปิดดูรายการอาหารไทยยาวเหยียดเกือบสิบหน้า “ข้าวผัดกุ้งแล้วกัน หิวจนคิดไม่ออกแล้ว” น้ำค้างเอ่ยบอกเด็กเสริฟและพี่สาวไปในตัวแล้ววางเมนูอาหารไว้ที่เดิมโดยที่ยังไม่ได้เปิดดูสักหน้า “เหมือนกันหิวจนแทบจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว” น้ำหนาวบ่นงึมงำเสียงไม่ค่อยจะเบาสักเท่าไหร่ตามประสาคนที่โผงผางชอบพูดอะไรแบบตรงไปตรงมาและเมื่อสิ้นคำพูดของเธอก็มีเสียงไอโครกๆ ราวกับสำลักของบุรุษหนุ่มหล่อเหลาบาดใจสาวๆ ที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปเข้ามากระทบประสาทหู หญิงสาวหันขวับตามเสียงกระแอมไอแล้วขึงตาจ้องมองหนุ่มหล่อด้วยสายตาขัดเคืองไม่รู้หรอกว่าบุรุษมาดเข้มสำลักอะไรแต่ก็ขอมองขู่ไว้ก่อนแล้วกัน เจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ ถึงกับสำลักกาแฟที่ดื่มอยู่ไอโครกๆ กับคำสบถของหญิงแสนสวยซึ่งนั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ และหันใบหน้างดงามหวานอมเปรี้ยวมาทางเขาพอดี หญิงสาวชาวสยามทั้งสองดูสะดุดตาตั้งแต่แรกเดินเข้ามาในร้านอาหารโดยเฉพาะหญิงสาวท่าทางแก่นแก้วที่สั่งกะเพราะไก่ไข่ดาวและกำลังขึงตามองขู่เขาอยู่ในขณะนี้ ฝาแฝดสองพี่น้องรอไม่ถึง 20 นาที เมนูเด็ดที่ทั้งสองได้สั่งก็ถูกยกมาเสริฟตรงหน้า น้ำหนาวเลื่อนจานข้าวสวยร้อนๆ โปะด้วยกะเพราไก่และไข่ดาวควันลอยโขมงมาใกล้ๆ ตัวที่สุดจากนั้นตักเข้าปากเคียวตุ้ยๆ ด้วยความเอร็ดอร่อยและเมื่ออาหารเข้าปากเริ่มมีเรี่ยวแรงอาการบ่นแบบหมีกินผึ้งก็ไม่มีใครเกินนาราภัทร “เหนื่อยที่สุดในชีวิตเลย นี่ถ้าแม่ไม่ขายบ้านกับโรงแรมให้อีตาเจ้าชายหน้าเลือดคนนั้นพวกเราก็ไม่ต้องนั่งเครื่องบินชั้นประหยัด พี่ปวดหลังขัดยอกไปหมด เหนื่อยชะมัดเลย เป็นเพราะอีตาเจ้าชายนั้นแท้ๆ เลย” นาราภัทรบ่นงึมงำยืดยาวทั้งๆ ที่กะเพราไก่ยังคาอยู่เต็มปาก คิดๆ แล้วก็เจ็บใจและยังเสียใจไม่หายที่แม่ทำกับพวกเธอได้ลงคอ เรื่องที่เธอกับน้องต้องเดินทางกลับมาเรียนด้วยสายการบินที่เรียกว่าประหยัดสุดๆ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ แต่การที่พี่สาวคนโตต้องตกเป็นเบี้ยล่างของคนอื่นนี่สิที่ทำให้เธอคับแค้นขัดเคืองใจไม่หาย นาราพรรณหันซ้ายแลขวามองดูว่ามีลูกค้ารายอื่นอยู่ภายในร้านหรือเปล่า อย่างน้อยก็โล่งใจได้ว่ามีแค่โต๊ะของเธอกับชายหนุ่มบุรุษต่างชาติเพียง 2 โต๊ะเท่านั้น หญิงสาวยิ้นเจื่อนๆ ให้ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาอย่างลุแก่โทษจากนั้นก็หันมาเอ็ดพี่สาวที่ไม่รู้จักโต “น้ำหนาว เบาๆ หน่อยสิ เกรงใจผู้ชายโต๊ะนั้นหน่อย” “เกรงใจทำไม ก็มันจริงนี่พี่เจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้แล้วต้องปล่อยเลยตามเลยแบบนี้ พี่น้ำเหนือก็ต้องไปอยู่กับอีตาเจ้าชายบ้านั้นถึงดินแดนทะเลทราย” ‘อ้อ...ชื่อน้ำหนาว ชื่อน่ารักแฮะ’ เจ้าชายซารีฟร์อมยิ้มนึกชมหญิงสาวที่เริ่มชอบขึ้นมาตะหงิดๆ อยู่ในใจ ไม่แสดงตนว่าเข้าใจภาษาไทยที่หญิงงามทั้งสองเอ่ยสนทนากันอย่างแจ่มแจ้ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม