“พัดโล้มมมมมมมมม~”
“จ๋า~ ว่าไงคะที่ร้ากกกกก”
“พี่คนนั้น อร้ายยยย พี่คนนั้นกำลังมาที่ 12 นาฬิกา!”
“ฮะ! จริงเหรอ?”
“เออสิ ฉันจะโกหกหล่อนเพื่อ”
“กรี๊ดดดด อีเมธ! กูหน้าซีดมาก” ฉันรีบจับหน้าตัวเองด้วยความตกใจเพราะเพิ่งเลิกเรียนเลยลงมานั่งหาอะไรกินแก้เหนื่อยโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ส้มตำปูปลาร้า ข้าวเหนียว ไก่ย่าง กับลูกชิ้นทอดน้ำมันเยิ้มๆ ร้านป้ากิ่งต้องทำปากน้องพัดลมลิปสีอ่อนหวานกระจัดกระจายกระเจิงหายเข้าไปในท้องพร้อมกับอาหารเรียบร้อยแล้วแน่นอน!
“เติมสิเร็วๆ อีก 100 เมตร ”
“ไม่มี! ไม่มีเครื่องสำอางเลย” ฉันรีบบอกเพื่อนตุ๊ดหนึ่งเดียวที่คบค้าสมาคมเป็นเพื่อนสนิทแค่คนเดียวในรั้วมหาลัยพร้อมกับทำหน้าเบะ อยากจะร้องไห้ นานๆ พี่มิกซ์จะมาที่คณะฉันสักหน นานทีปีหนยังต้องมาฝืนทนมองหน้าซีดเป็นเผือกต้มของน้องพัดลมอีกเหรอ
“ไม่มี? ทำไมไม่มี?” มันทำหน้าอึ้งเพราะคนอย่างพัดลมไม่มีทางที่จะไม่มีเครื่องสำอางติดกระเป๋า
“กูเอากระเป๋าไปเก็บที่รถตอนมึงไปซื้อส้มตำไงเทย” ใช่ค่ะวันนี้หอบสารพัดสิ่งของเข้าห้องเรียน พอลงมาจากห้องเรียนด้วยความรำคานฉันเลยยอมเดินไกลเพื่อเอากองหนังสือที่เป็นเหมือนยาพิษไปเก็บที่รถซะเลย แล้วก็ดันเอาทุกสิ่งอย่างเก็บไว้ที่รถหมดแล้วเรียบร้อย
“โอ้ย! ทีเวลาแบบนี้ไม่รู้งาน มึงเอาพริกทาปากเลยชะนีปากจะได้เบิร์น” มันกรอกตามองบนด้วยความเอือมแต่คำแนะนำของอีเทยเพื่อนยากเป็นคำแนะนำที่น่าเอือมระอายิ่งกว่าอีก
“ปากกูได้บวมพอดี ฮือ~ หมดกันพี่มิกซ์คงไม่มีโอกาสได้เห็นของดีสิ่งล้ำค่าในคณะเราแล้วล่ะ หน้ากูซีดเป็นอาซิ่มขนาดนี้กูไม่กล้าเงยหน้าสบตาเพื่อทอดสะพานให้พี่เขาหรอก” ฉันมองไปทางที่พี่เขากำลังเดินมาตาละห้อย
“เหอะ! มึงจะพรรณนาทำไมพัดลมแค่เดินกลับไปเอาเครื่องสำอางที่รถก็จบแล้ว”
“ขี้เกียจ” ฉันตอบมันด้วยความเซ็งแล้วก็ถอนหายใจหนักๆ
“โอ้ย! ถ้าขี้เกียจก็นกต่อไปค่ะ แอบเพ้อละเมอถึงพี่เขามาตั้งนาน วันนี้มึงมีโอกาสส่องประกายความเป็นเพชรในตัวแต่มึงจะปล่อยโอกาสก็เรื่องของมึง” อีเมธเบะปากใส่ฉันแล้วก็หันไปจกส้มตำต่อ
พี่มิกซ์คือรุ่นพี่ปี 4 อดีตเดือนมหาลัยที่หล่อมาก~ เป็นประธานสโมสรนักศึกษาที่ฉันแอบปลื้มมาตั้งแต่อยู่ปี 2 จนเข้าปี 3 ก็ยังปลื้มไม่จบไม่สิ้น แล้วนับวันก็มีแต่จะเพิ่มความติ่งพี่เขามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
แต่ละครั้งที่ฉันจะได้พบเจอพี่เขาก็คือที่อื่นเช่น คณะของเขาที่ฉันแอบตามไปส่องแต่อันนั้นไม่นับว่าเป็นการเจอกันก็ได้เพาะฉันเจอพี่เขาคนเดียวส่วนพี่เขาไม่รู้เห็นกับการปรากฏตัวของฉันหรอก หลายครั้งก็เจอตามกิจกรรมของมหาลัยที่อืม...คนอย่างกับสงครามมดปะทะปลวก มนุษย์มากมายหลายคณะหน้าตาหลายสปีชีส์หลายชาติพันธ์มารวมกัน ไม่รู้ว่าแต่ละครั้งพี่มิกซ์จะมองเห็นสาวน้อยที่ชื่อว่าพัดลมคนนี้บ้างรึเปล่า
หรือบางครั้งที่บังเอิญเจอแถวห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ มหาลัย แต่อันนี้ก็ไม่น่าจะนับว่าเป็นการเจออีกนั่นแหละเพราะบังเอิญเจอแบบเห็นแค่หลังที่เขาอยู่ในดินแดนอันไกลโพ้น อย่านับเลย เฮ้อ!
และสถานที่ๆ ฉันเฝ้ารอว่าถ้าเราได้พบเจอกันที่ตรงนั้นฉันจะต้องแจ้งเกิดในสายตาและมุดเข้าไปอยู่ในใจของพี่มิกซ์ได้แน่นอนก็คือ...
ก็คือ...
ก็คือ...
ก็คือ...
ที่นี่จ้า!
ที่แห่งนี้คือคณะของน้องพัดลมเอง คณะที่เป็นศูนย์รวมของเด็กเนิร์ดประมาณ 95 เปอร์เซ็น มีเด็ดๆ แค่ 4 เปอร์เซ็น และอีกหนึ่งเปอร์เซ็นที่เหลือก็คือสวยสะเด็ดอย่างพัดลมแค่หนึ่งเดียว ฮ่าๆๆ
ฉันมั่นใจว่าวันไหนที่ลมเพลมพัดบังเอิญพัดให้พี่มิกซ์ผ่านมาที่นี่พี่เขาจะต้องจดจำฉันได้ เพราะท่ามกลางอีเด็กเนิร์ดของคณะที่เงียบอย่างกับป่าช้าเพราะสมาชิกทั้งคณะเอาแต่ก้มหน้าแข่งกันเรียนแล้วอีกอย่างหน้าตาของเด็กในคณะนี้เกิน 90 เปอร์เซ็น ก็ถูกบดบังด้วยแว่นตาหนาเท่ากระจกเครื่องบิน ยังไงซะออร่าความสวยของฉันก็ต้องแผ่กระจายแค่คนเดียวแน่นอน และพี่มิกซ์สุดที่รักก็จะตราตรึงความสวยของพัดลมจนเก็บไปเพ้อ ฮิฮิ
แต่แล้วฝันนั้นก็สลายไปในพริบตาเพราะฉันเพิ่งเรียนมาราธอนมา 3 ชั่วโมงกับอาจารย์ป้าฉวี ซึ่งอาจารย์ป้าพกสายตาคมกริบมาด้วย ใครปากแดงแต่งหน้าสวยอาจารย์ป้าด่ากราดแน่นอน เวลาเรียนวิชานี้ฉันเลยต้องแต่งหน้าใสๆ แบบเด็กมัธยมต้นเข้าเรียน ซึ่งมันไม่ใช่เลยสักนิดมันผิดมากกับการแต่งลุคนี้เพราะมันทำให้พัดลมพัง! พัดลมจะปังได้ก็เพราะเมคอัพเท่านั้น T__T
“มึง~ สิ่งที่กูหวังและเฝ้ารอมาแสนนาน” ฉันนั่งหงอยเหลือบตามองพี่มิกซ์เดินเข้าไปในตึกคณะของฉันเองด้วยความเสียดาย
“ก็มึงขี้เกียจ ไปสิไปเติมหน้าตอนนี้ยังทันนะอีพัดลมขา เผื่อจะทันตอนที่พี่มิกซ์เขาลงมา เพราะว่าพี่เขาคงไม่แวะเวียนมาที่คณะเราบ่อยๆ หรอกนะคะต่อให้มึงเวียนว่ายตายเกิดอีก 10 ชาติพี่เขาก็อาจจะไม่มาแล้วก็ได้”
“เฮ้อ! โอเคถ้างั้นกูไปก่อนมึงรอตรงนี้แป๊บเดียว” ฉันพยักหน้ารับแล้วก็สะบัดความขี้เกียจออกไป ความขี้เกียจอาจจะทำให้เราไม่ต้องเหนื่อยทำอะไรแต่มันทำให้เราพลาดโอกาสได้เสนอตัวให้ว่าที่ผัว เอ๊ย! สามีดีๆ ได้นะพัดลม
“จะไปไหนเหรอจ้ะพัดลมดูรีบร้อนจังเลย”
“ไป...ไปไหนดีน้า~” ทันทีที่ลุกขึ้นยืนศัตรูคู่อาฆาตที่ตามจองล้างจองผลาญมาตั้งแต่โรงเรียนอนุบาลก็เดินเข้ามาถามฉันด้วยหน้าตา...ตอแหลมาก~
“นี่! ฉันถามแกดีๆ อย่ามาทำท่าทางกวนประสาทนะพัดลม!” ยัยคนที่เดินหน้าลอยมาถามฉันเริ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้าใส่แค่เพราะฉันไม่ตอบคำถามมันดีๆ
“โทษทีๆ ฉันแค่หยอกแกเล่นน่ะโรสอย่าหน้าหงิกหน้างอสิจ้ะ ดูซิหน้างอจนหน้าหักดั้งเบี้ยวหมดแล้ว” ฉันยิ้มอ่อนพูดเสียงหวานใส่โรสเพื่อนบ้านสุดเลิฟของฉันเอง พร้อมกับยื่นมือไปแตะหน้าชีเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“...อีพัดลม!”
“จ๋า~ ว่าไงจ้ะที่รัก”
“กวนประสาท! ฉันแค่เข้ามาถามแกดีๆ นะ!” หืม~ แม่อยากจะอัดคลิปการเข้ามาทักทายฉันในแต่ละครั้งของนาง ตั้งแต่กูจำความได้เนี่ยกูเห็นมึงเข้ามาทักแล้วก็หาเรื่องคอยกระแนะกระแหนตลอดเวลานั่นแหละ! คำว่าดีๆ ไม่มีจริงหรอกสำหรับโรสเพื่อนรักของพัดลม
“เอ้าเหรอ? นี่เพื่อนก็เตือนเพื่อนดีๆ เหมือนกันกลัวหน้าจะหักดั้งจะเบี้ยวไปมากกว่านี้ อีก 3 เดือนเลยนะกว่าจะปิดเทอม บินไปเกาหลีแต่ละครั้งเพื่อนก็รู้ว่าเพื่อนต้องรอปิดเทอมนี่จ้ะ”
“อีพัดลม!”
“จ๋า~ ว่าไงจ้ะที่รัก ถ้าไม่มีอะไรนอกจากแหกปากเรียกเพื่อนว่าอีๆๆ เพื่อนก็ขอตัวเนอะ มีสิ่งที่มีสาระมากกว่านี้รอเพื่อนอยู่ บาย~” ฉันยกมือขึ้นโบกลามันเบาๆ แค่ขยับนิ้วเรียวๆ สวยๆ ของฉัน ก่อนที่จะหมุนฟลูเทิร์นใส่โรสคนสวยแล้วก็เดินจากมาทันที
ใครจะบอกว่าพัดลมคนนี้พูดกับโรสเกินไปก็ไม่เป็นไรนะคะ ก็แหมนี่แค่จุดเริ่มต้นเองค่ะยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่ายัยนั่นทำอะไรกับฉันไว้บ้างจะตัดสินว่าพัดลมนิสัยเสียไว้ก่อนก็ไม่เป็นไรเพราะพัดลมจะยังไม่โกรธ แต่รอดูโหมดต่างๆ ของยัยนั่นไว้ให้ดีก็พอ
อ้อ! สวัสดีค่ะน้องชื่อพัดลมนะคะ อยากรู้จักพัดลมใช่ไหมคะ อยากรู้จักก็ตามอ่านเรื่อยๆ ค่ะซิส เดี๋ยวได้รู้เองว่าคนสวยรวยเสน่ห์ที่ชื่อ พัดลม เป็นคนยังไงและมีดีอะไรบ้าง ฮิฮิ