“โอ้ย! ถ้าอีก 1 นาทีหาห้องน้ำไม่เจอแม่จะฉี่ใส่พื้นแล้วนะ! อย่าให้เห็นเจ้าของนะมึงชื่ออะไรนะ คัตเตอร์หรือชัตเตอร์วะแม่ง! เก็บค่าเข้าแพงแล้วยังไม่อำนวยความสะดวกลูกค้าอีก จะฉี่แต่ละทีเดินหาห้องน้ำจนขาขวิด ชาติก่อนมึงเป็นมิโนทอร์รึไงวะ!”
“ถ้าฉันเป็นมิโนทอร์ คนที่จะฉี่ใส่พื้นอย่างเธอก็คง...เป็นหมา”
“ฮะ? ว่าไงนะ” ผู้หญิงคนที่เดินบ่นแถมยังแอบด่าผมหันขวับมาทางผมทันทีด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องพอตัว
...สวย
...สุดๆ
แค่เธอหันกลับมาผมก็เห็นแต่ความสวยที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เอาเป็นว่าสวยครับ สวยไปหมดทั้งตัวจนทำให้ผมเผลอมองอย่างลืมตัวได้เลย แต่สกิลการวีนของเธอมันค่อนข้างแอดวานซ์ไปหน่อย ไม่เหมาะกับหน้าสวยๆ เลยสักนิด
อ้อ! แล้วอีกอย่างที่ขัดใจผมมากคือยัยหน้าสวยนี่มาสนามแข่งของผมแต่ไม่รู้จักผม แถมยังจำชื่อผมไม่ได้ แล้วก็เถียงกับตัวเองว่าผมชื่อชัตเตอร์หรือคัตเตอร์กันแน่ คนบ้าที่ไหนมันจะชื่อคัตเตอร์ว่ะ ถ้าชื่อแบบนั้นพ่อแม่มันคงเปิดโรงงานผลิตคัตเตอร์ขายแน่นอน
“จะเข้าห้องน้ำใช่ไหม ถ้าห้องน้ำก็เดินเลยมาไกลแล้วล่ะ เพราะนี่มันทางเดินไปโซนห้องควบคุม” ผมเลิกสนใจความสวยของผู้หญิงตรงหน้าเพราะเธอตรงดิ่งเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าโคตรเอาเรื่อง
“เมื่อกี้นายบอกว่าฉันเป็นอะไรนะ” ผู้หญิงคนนี้มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม อืม~ มองห่างๆ ว่าสวย แต่พอมาอยู่ใกล้แถมเธอยังอวดเก่งด้วยการยืนห่างผมไม่เกิน 1 ฟุตซะด้วยสิ สวยว่ะ ยิ่งมองใกล้ๆ ยิ่งสวย แต่สายตาเต็มไปด้วยคำด่าแบบนี้ผมไม่เคยได้รับจากผู้หญิงคนไหนเลยสักครั้ง
“เดินกลับไปทางเดิมนะครับเพราะน้องมาผิดทาง เจอทางเข้าโซนวีไอพีเลี้ยวขวาตรงไปนิดเดียวก็เจอห้องน้ำแล้ว” ผมขี้เกียจเถียงกับผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ เมื่อกี้ยอมรับว่าปากหมา แต่ก็เพราะหมั่นไส้คำพูดคำจาของเธอนั่นแหละผมถึงได้สวนกลับ
“ไม่ได้ถามว่าห้องน้ำไปทางไหน” เสียงหวานแต่เอาเรื่องตอบกลับผมมา อ่าส์~ คนแรกในชีวิตที่กล้าทำเสียงแบบนี้ใส่ผม
“ก็เห็นโวยวายว่าจะฉี่ใส่พื้นถ้าหาห้องน้ำไม่เจอ” ผมตอบเธอแล้วก็ส่งยิ้มกลับไปให้แต่เหมือนจะเป็นการเพิ่มเชื้อไฟให้สุมใจเธอมากกว่าเดิม
“เลิกเล่นลิ้นแล้วตอบมาเมื่อกี้นายว่าฉันเป็นอะไรไอ้หัวทอง” เธอกอดอกแล้วก็ยักคิ้วข้างหนึ่งตอนที่ถามผม กวน...กวนประสาทฉิบเลยว่ะ
“...เป็นหมา”
“นี่ปากผู้ชายเหรอ?” เธอหน้าขึ้นสีเพิ่มมากขึ้นแต่แล้วยังไงในเมื่อเธอถามผมก็ตอบตรงๆ แล้วผมผิดตรงไหนวะ
“ก็น้องว่าพี่ก่อนนี่ครับ พี่ก็แค่เปรียบเทียบว่าถ้าพี่เป็นแบบที่น้องว่า การกระทำของน้องก็จะเหมือนกับอะไรก็แค่นั้นเอง”
“นายเป็นเจ้าของสนามเหรอ?”
“อื้ม” ผมพยักหน้ารับ เริ่มรู้สึกหมั่นไส้ผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน ท่าทางนักเลงเหลือเกิน
“เหอะ! ที่แท้เจ้าของสนามนี้ก็คือไอ้พี่แบดบอยเสี่ยงเอดส์เพื่อนพี่มิกซ์นี่เอง”
“ว่าไงนะ?” ผมได้ยินเธอพูดประโยคที่เหมือนจะพูดคนเดียวชัดเจน แต่ที่ผมต้องถามซ้ำเพราะคำว่า แบดบอยเสี่ยงเอดส์ของเธอต่างหาก
“อะไร” เธอก็ถามผมกลับเหมือนไม่เข้าใจว่าที่ผมเริ่มหัวร้อนเพราะอะไร
“แบดบอยเสี่ยงเอดส์คืออะไร รู้จักพี่รึไง”
“ไม่อ่ะไม่รู้จัก แต่ฉันพอจะจำนายได้เพราะฉันเห็นนายผ่านๆ ตาเวลาเจอพี่มิกซ์ แล้วท่าทางของนายมันดูแบดบอยดี ดูแบดๆ น่าจะฟันดะฟันไม่เลือก คนประเภทนี้ก็หนีไม่พ้นเสี่ยงติดโรคไม่ใช่รึไง”
“เห็นผ่านๆ ตา?” ผมเริ่มหัวร้อนเพราะคำพูดของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เกิดมาไม่มีใครมองผมแบบผ่านๆ ตาเลยสักครั้ง แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นใครมาจากไหนถึงได้กล้าทำแบบนี้และใช้คำพูดแบบนี้กับผม
“อาฮะเห็นผ่านๆ ตา แต่แค่เวลาที่เห็นพี่มิกซ์นะ ที่พอจะจำได้ก็เพราะบังเอิญนายชอบอยู่ใกล้พี่มิกซ์แค่นั้น”
“เธอรู้จักไอ้มิกซ์?” ผมถามกลับทันที เรื่องคำพูดร้ายๆ ที่ดูไม่แยแสผมของเธอพักเอาไว้ก่อนก็ได้วะ เพราะผมเริ่มสนใจคำพูดของเธอที่คำก็พี่มิกซ์สองคำก็พี่มิกซ์มากกว่า
“เอ่อ...รู้สิก็พี่มิกซ์เป็นประธานสโมสรนักศึกษา” ท่าทางอึกอักแบบนี้คงไม่ใช่แค่เพราะไอ้มิกซ์เป็นประธานสโมสรนักศึกษาแล้วล่ะ ว่าแต่ยัยนี่อยู่มหาลัยเดียวกันกับผมเหรอทำไมผมถึงไม่รู้จักทั้งที่สวยขนาดนี้
“แน่ใจ? ไม่ใช่ว่าแอบชอบเพื่อนพี่นะ” ผมถามพร้อมกระตุกยิ้ม ไอ้อาการที่ผู้หญิงพูดถึงผู้ชายคนหนึ่งบ่อยๆ แบบนี้มันคืออาการของคนแอบชอบชัดๆ
“มะ ไม่ใช่”
“หึๆ แต่พี่ว่าใช่ แมนๆ หน่อยน้อง ชอบก็บอกชอบสิครับ” ผมท้าทายผู้หญิงคนนี้ อยากรู้ว่ากล้าเชิดหน้าต่อปากต่อคำทั้งที่อยู่สองต่อสองกับผู้ชายขนาดนี้เธอจะกล้าบ้าบิ่นได้แค่ไหน
“อืม ใช่ฉันชอบพี่มิกซ์ แล้วจะทำไม” เธอเชิดหน้าตอบอย่างไม่ลังเล และผมว่าคงจะชอบมากซะด้วยเพราะขนาดเชิดหน้าทำปากกล้าแต่แก้มเธอยังแอบแดงนิดๆ
“หึๆๆ แต่พี่ว่าอย่างน้องไม่ใช่สเปคเพื่อนพี่หรอก ไอ้มิกซ์มันชอบผู้หญิงหวานๆ เรียบร้อย เซ็กซี่เปรี้ยวซ่าแบบน้องไม่ใช่สเปคมันสักนิด แต่เป็น...สเปคพี่ต่างหากล่ะคะ”
“ทะลึ่ง!”
“ฮ่าๆๆ ทะลึ่งตรงไหนก็เราเป็นสเปคพี่จริงๆ ว่าแต่ชื่ออะไรคะคุยกันตั้งนานพี่ยังไม่รู้จักชื่อเราเลย” ผมทำสายตากระลิ้มกระเหลี่ยใส่เธอทำให้ยัยหน้าสวยผงะหนีผมนิดหน่อย
“ขอตัวก่อนนะ” เธอมองผมด้วยสายตาไม่ไว้ใจแล้วก็ทำท่าจะเดินผ่านหน้าผมเพื่อกลับไปทางเดิม แต่ผมขวางเอาไว้ซะก่อน
“ฉี่จะราดแล้วเหรอคะ?”
“ไอ้!...” ยัยคนสวยนิ่งอึ้งกับคำพูดของผมแล้วก็เรียกผมสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงที่ถึงจะเหวี่ยงแต่ก็ฟังแล้วเพราะไปอีกแบบเหมือนกัน
“หรือว่าเขินพี่?”
“ฉันนี่นะเขินนาย?” ยัยคนสวยทำตาโตแล้วก็ชี้นิ้วเข้าที่ตัวเองในตอนที่ถามผม
“ค่ะ เรานั่นแหละ” ผมพยักหน้าแล้วก็ยิ้มให้เธอพร้อมกับชี้ไปที่ตัวเธอเพื่อย้ำให้เธอมั่นใจ
“เหอะ! ฉันจะเขินนายเพื่อ? ขนาดหน้านายฉันยังรู้สึกผ่านๆ ตา ชื่อแซ่อะไรฉันก็ไม่รู้จักด้วยซ้ำ” หึ! ตอกย้ำเรื่องจำหน้าผมได้แบบผ่านๆ ตามันโคตรรู้สึกเสียหน้าเลยว่ะ นี่ไอ้จืดมิกซ์มันหล่อกว่าผมตรงไหนวะ
“พี่ชื่อชัตเตอร์ค่ะ” แต่ถึงจะเสียหน้ายังไงผมก็ไม่ยอมเสียฟอร์มให้ผู้หญิงหรอกครับ
“แล้วไงฉันอยากรู้จักชื่อนายตั้งแต่เมื่อไหร่” ยัยนี่ทำหน้ารำคาญใส่ผม โคตรน่าจับมาจูบให้หายเก๋าเป็นบ้าเลย
“คิดจะชอบเพื่อนพี่ก็น่าจะทำความรู้จักหรือสานสัมพันธ์กับเพื่อนมันก่อนนะ”
“ไม่ล่ะ จะให้สนิทกับเพื่อนของคนที่ชอบพร่ำเพรื่อไม่เลือกเลยฉันก็ไม่โอเค ขอเลือกหน่อยดีกว่า” ยัยคนสวยตอบพร้อมรอยยิ้มอาบยาพิษแถมยังมองผมตบท้ายด้วยอาการมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“ทำไม...กลัวหลงเสน่ห์พี่มากกว่าไอ้มิกซ์เหรอ?” ผมเดินต้อนเธอจนหลังเธอชนกับผนังแล้วก็เอามือข้างหนึ่งยันผนังเอาไว้เพื่อกักให้เธอไปไหนไม่ได้
“...ไม่มีทาง แค่ได้เจอครั้งแรกก็รู้สึกว่าคะแนนความสัมพันธ์ทางมนุษย์ร่วมสังคมของนายมันติดลบแล้ว” ปากโคตรร้ายผู้หญิงอะไรวะ
“แต่พี่ว่าพี่เริ่มหลงเสน่ห์น้องแล้วนะ” ผมบอกเธอแต่สิ่งที่ได้กลับไม่ใช่อาการเขินอายเลยสักนิด ยัยคนสวยกลับเบะปากเบาๆ เป็นรีแอคชั่นกลับมาให้ผมรู้สึกเสียหน้าแทน
“ขอโทษนะไม่ต้องหยอดเป็นหมาหยอกไก่ให้เสียเวลาหรอกเพราะนายไม่ใช่สเปคฉัน โอเคเนอะ”
“หึๆๆ สเปคเราคือแบบไอ้มิกซ์ว่างั้น”
“ไม่ใช่แบบพี่มิกซ์ แต่เป็นพี่มิกซ์เลยล่ะจ้ะสุดหล่อ” ยัยนี่แม่งบ้าดีว่ะ พอกล้ายอมรับว่าชอบไอ้มิกซ์ก็ใส่มาตรงๆ ทันที
“แต่พี่รู้ดีว่าเราไม่ใช่สเปคมัน ทำใจดีกว่า”
“สเปคมันเปลี่ยนกันได้ไม่เห็นต้องใส่ใจให้มากมายเลย” ยัยนี่หน้าเสียนิดหน่อย แต่แค่นิดหน่อยเท่านั้นนะครับแล้วก็เชิดหน้าทำหน้ามั่นใจตอบกลับมาให้ผม
“ถ้างั้นมาแข่งกันไหม?” ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้เธออีกนิดหน่อยพร้อมกับมองเธอด้วยแววตาท้าทาย
“แข่งอะไร” เธอย่นคอเหมือนจะหนีผมแต่เพราะหลังติดผนังแล้วก็เลยหนีไปไหนไม่ได้ แล้วก็ขมวดคิ้วมองผมด้วยความสงสัย
“มาแข่งกันว่าเราสองคนใครจะทำได้ก่อนกัน”
“ทำอะไร?” ยิ่งผมพูดเธอก็ยิ่งขมวดคิ้วเป็นปม
“ก็ระหว่างเราที่ไม่ตรงสเปคไอ้มิกซ์กับพี่ที่ไม่ตรงสเปคเรา ใครกันแน่ที่จะทำให้คนที่ไม่ตรงสเปคหันมาชอบตัวเองได้ก่อน กล้าไหม?”