“เอ่อ แล้วนี่...”
“อ้อนี่น้องพัดลม” อีตานั่น ไม่สิไม่ใช่ พี่ชัตเตอร์ต่างหาก ต่อไปนี้จะยอมเรียกดีๆ ก็ได้เพราะเขารู้งาน ตอนนี้พี่มิกซ์ได้รู้แล้วว่ามีสาวสวยชื่อพัดลมอยู่บนโลก และมันก็เป็นเพราะพี่ชัตเตอร์~ ถึงจะค่อนข้างปากตอแหลและกวนประสาทไปบ้างแต่ตอนนี้พี่ชัตเตอร์คือผู้มีพระคุณ อิอิ
“น้องพัดลม”
“อื้ม น้องพัดลม...ว่าที่แฟนกูเอง”
...ว่าที่แฟนกูเอง
...WTF!
ไอ้!
ชัต!
เตอร์!
“ว่าที่แฟน? / ไม่ใช่ค่ะ!” คำแรกที่ฉันคุยกับพี่มิกซ์มันไม่ควรเป็นคำพูดแบบนี้สิ! มันควรเป็นคำพูดที่โคตรประทับใจจนพี่มิกซ์ลืมฉันไม่ลง มันต้องไม่ใช่แบบนี้ T__T
“เดี๋ยวก็ใช่ค่ะพัดลม รอก่อนสิคะอีกสักพักก็ใช่เอง”
“...” ฉันหันไปมองเขาพร้อมกับอ้าปากเหวอ คือมันต่อหน้าพี่มิกซ์อ่ะ ฉันไม่คิดว่าเขาจะเล่นฉันแรงขนาดนี้ รู้สึกอยากด่ามากคันปากเป็นบ้าเลยแต่ว่าที่หวานใจอยู่ตรงนี้พัดลมเลยต้องจำใจคีพลุคเอาไว้ก่อน
“แกล้งแรงไปนะคะ” ฉันดึงสติออกมาจากความโกรธแล้วก็ทำเป็นยิ้มให้เขาพร้อมกับพูดดีๆ กลับไป
“พัดลมก็รู้ว่าพี่ไม่ได้แกล้ง ไม่ต้องเขินหรอกนี่เพื่อนสนิทพี่เองชื่อมิกซ์ค่ะ” เดี๋ยวๆ คือกูรู้จักพี่มิกซ์ว้อยยยยย!
“คือ... / ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพัดลม” ฉันกำลังจะหันไปอธิบายให้พี่มิกซ์ไม่เข้าใจผิดไปมากกว่านี้ แต่พี่เขาก็ส่งรอยยิ้มละมุนแบบที่ฉันชอบแอบดูกลับมาให้พร้อมคำพูดเมื่อกี้ซะก่อน พี่มิกซ์ไม่เปิดโอกาสให้พัดลมได้พูดหรืออธิบายอะไรเลย
“คือว่า...” ปากสั่นโว้ย! ตื่นเต้นและโกรธ มันหลายอารมณ์จนปากสั่น ยิ่งต่อหน้าพี่มิกซ์ฉันก็ยิ่งสั่นไปกันใหญ่
“พัดลมขาพี่ว่าเราเข้าไปข้างในกันเลยดีกว่า เดี๋ยวเขาจะเริ่มแข่งกันแล้วนะ” อีตาชัตเตอร์ขยับมายืนข้างฉันแล้วก็เอียงคอคุยกับฉันแบบอ้อร้อเหลือเกิน สตอเกินเบอร์ไปรึเปล่าผู้ชายอะไรเนี่ย!
“ถ้างั้นกูไม่เป็นก้างมึงกับน้องเขาแล้ว กูไปหาคนไปเอาของให้ก่อน พี่ขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวเอาไว้เจอกันข้างในนะ”
“เอ่อ...ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับคำพูดเพราะๆ ที่แสนสุภาพของพี่มิกซ์แล้วก็ได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้พี่เขาเดินผ่านไป~
“พี่ทำดีไหม?” พอพี่มิกซ์เดินจากไปอีตาชัตเตอร์ก็หันหน้ามาสนใจฉันอีกครั้ง คราวนี้หน้าตาไม่ได้หวานเชื่อมเท่าตอนพี่มิกซ์อยู่หรอกนะคะ มันมีความกวนประสาทเพิ่มเข้ามาด้วย
“ทำดีอะไร นายไปพูดกับพี่มิกซ์แบบนั้นได้ยังไงฮะ!”
“เอ้า! ก็พี่เสนอตัวเป็นเครื่องมือแล้วแต่พัดลมไม่อยากได้ พี่ก็เลยเปลี่ยนตัวเองเป็นขวากหนามซะเลย”
“...บ้าไปแล้วเหรอ” ฉันอ้าปากค้างกับคำพูดของเขา นี่มันความคิดคนจริงๆ เหรอ คนที่ไม่ได้รูhจักมักจี่กันสักนิดทำไมต้องมาแกล้งกันแบบนี้ด้วยวะ!
“หึๆๆ ถ้างั้นเอาใหม่ไหม เดี๋ยวถ้ามันมาพี่จะไปแก้ข่าวให้ว่าที่จริงพัดลมกับพี่ไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วความจริงก็คือเราชอบไอ้มิกซ์ เอาไหมคะพี่ไปบอกให้ตอนนี้เลยก็ได้”
“จะบ้าเหรอ ไม่ต้องเลยนะ ห้ามพูดแบบนั้นเด็ดขาด” ฉันรีบห้ามเขาทันที จากการได้ปะทะแค่ไม่กี่ครั้งฉันเชื่อว่าไอ้บ้าชัตเตอร์คนนี้ทำได้ทุกอย่างเพื่อความสะใจ เขาทำอะไรได้มากกว่าที่เราจะคิดถึงด้วยซ้ำไป
“อื้ม พี่ก็ว่าไม่น่าบอกหรอก เพราะบอกไปเราก็ไม่ตรงสเปคไอ้มิกซ์อยู่ดี แต่ถ้าเป็นสเปคของพี่พัดลมใช่แน่ๆ ร้อยเปอร์เซ็นเลยค่ะ” โอ้ย! ฉันเกลียดหน้าที่ทำเหมือนผู้ชายแรดๆ ของเขาตอนนี้ที่สุดเลย!
“หลีก!” ฉันกำลังเสียเวลากับอะไรอยู่เนี่ย ฉันผลักเขาให้พ้นทางแล้วก็เดินตึงตังเข้าไปในสนามทันที ปล่อยไอ้หัวทองเจ้าของสนามมันอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ
“เอ้าชะนีกว่าจะมาได้นะยะ” ฉันเดินเข้ามาอีสุเมธก็ทักทายแต่ฉันยังไม่สนมัน ฉันยกมือไหว้พี่ๆ หลายคนที่ฉันจำได้เพราะปาร์ตี้เมื่ออาทิตย์ก่อน
“กูไม่น่ามา!” พอทักทายคนอื่นๆ เสร็จฉันก็นั่งข้างมันแล้วกระซิบวีนข้างหูอีตุ๊ดทันที เรื่องนี้อีตุ๊ดต้องรับผิดชอบ ก่อนมาบอกให้พักเรื่องพี่มิกซ์แล้วมาสนุกกันธรรมดาแต่มันจะรู้ไหมว่าการมาที่ธรรมดากลับทำให้ฉันเจอกับพี่มิกซ์ด้วยสถานะที่ไม่ธรรมดา
“ทำไม? เป็นโรคชะนีงอแงอะไรอีกอีพัดลม” มันรีบหันกลับมาสนใจฉันที่วีนใส่แต่ก็ไม่วายจิกกัดตามแบบฉบับของมัน
“กูเจอพี่มิกซ์”
“อุ้ยตาย! ก็ดีแล้วนี่ วันนี้ไม่ได้ตั้งใจมาอ่อยแต่ดันเจอของอร่อยก็จะได้อ่อยให้กระจาย อิอิ”
“อ่อย? หึ! มึงไม่รู้อะไรอีเมธ” ได้ยินคำว่าจะได้อ่อยแล้วจี๊ดที่ใจ
“อะไรล่ะ หน้าหงิกหน้างอขนาดนี้ พี่เขาควงผู้หญิงมารึไง”
“เปล่า แต่...” ฉันส่ายหน้าและทันใดนั้นไอ้หัวทองตัวแสบก็เดินมานั่งข้างฉันพร้อมกับตวัดขาขึ้นไขว่ห้างเอนหลังพิงเก้าอี้ ตบท้ายด้วยการเอามือล้วงกระเป๋าเหมือนตัวเองเป็นคุณชาย
“พัดลมอยากดื่มอะไรคะ” หยุดสตอสักทีได้ไหมหัวทอง พัดลมเบื่อมากเลย เลิกกวนพัดลมสักทีเถอะ ไปเป็นสุขเป็นสุขที่ไหนก็ไป จะตามแกล้งตามตอแยทำไมเกลียดอะไรอีพัดลมนักหนา!
“ไม่ดื่ม” ฉันหันไปตอบเหวี่ยงๆ เลยได้ฝ่ามือจากอีเมธที่ตีลงที่ขาฉัน
เพี๊ยะ
“เสียมารยาทมากชะนี อารมณ์เสียอะไรมาแล้วเผลอลงกับพี่เตอร์แบบนี้ได้ยังไง”
“หึ!” ฉันมองหน้าอีสุเมธแล้วก็เบือนหน้ามองตรงพร้อมกับแค่นเสียงเยาะใส่ พูดไปกระเทยพิทักษ์ไข่ก็ไม่เข้าข้างหรอก
“ไม่เป็นไรครับอิมเมท พอดีพี่ทำพัดลมงอนนิดหน่อยน่ะ” เสียงสองของหัวทองดังขึ้นมาขัดจังหวะการอ้าปากเตรียมด่าฉันของอีสุเมธ ผู้หญิงเสียงสองว่าดัดจริตแล้ว มาเจอผู้ชายเสียงสองมันโคตรดัดจริตเลยจ้า
“หือ~ อะไรคืองอนคะสองคนนี้” อีสุเมธทำเสียงอยากรู้อยากเห็นแล้วก็กระแซะไหล่ฉัน
“พูดอะไรไปเรื่อยฮะ?” ฉันไม่สนใจอีตุ๊ดแต่หันไปต่อว่าเขาแทน พูดอะไรไปเรื่อยเอาแต่สนุกอย่างเดียวจนใครต่อใครเข้าใจผิด
“ก็...” เขาหันมาทางฉันแล้วยกศอกวางข้างบนพนักพิงของที่นั่งก่อนจะเอามือมาค้ำหัวตัวเองแล้วยิ้มกวนประสาทมองฉัน
“พัดลมงอนพี่จริงๆ นี่คะ”
“...โอ้ย!” ฉันเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี แล้วก็พูดอะไรไม่ออกจริงๆ เลยโอ้ยใส่หน้าเขาเบาๆ ด้วยความหงุดหงิดก่อนที่จะสะบัดหน้าหนี แต่หนีมาอีกด้านก็เจออีสุเมธที่นั่งทำหน้าอึ้งมองฉันกับไอ้บ้านี่อยู่
“มึงกับ...พี่เตอร์”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นสุเมธ เขาแค่กวนประสาทเล่นแก้เหงา” ฉันรีบพูดปัดก่อนที่มันจะถามจบด้วยซ้ำ ไม่ต้องคิดไปไกลเลยเพราะฉันกับเขาเราไม่ได้เป็นอะไรกัน อ้อ! ถ้าจะเป็นก็แค่คนที่เกลียดขี้หน้ากันเท่านั้นแหละ
“พี่ขอโทษเลิกงอนได้แล้ว” เขาพูดออกมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้น้ำเสียงแปลกแฮะไม่ได้อ้อร้อตอแหล แต่เป็นโทนเสียงเหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังคุยกับเด็กมากกว่า
“ไม่ได้งอน” ฉันหันกลับไปตอบ ฉันไม่ได้งอนเขา คนไม่ได้เป็นอะไรกันเขาไม่มานั่งงอนกันหรอก แต่ที่กูเป็นอยู่เนี่ยกูเกลียดโว้ย! เกลียดที่มาทำให้เสียเรื่อง มาทำให้พี่มิกซ์เข้าใจความสัมพันธ์ของฉันกับเขาผิด ทำให้คนที่โคตรโสดอย่างพัดลมมีมลทินในสายตาของผู้ชายที่แอบชอบ
“ไม่งอนก็เลิกหน้าบึ้งแล้วบอกพี่สิคะว่าพัดลมจะดื่มอะไร”
“เบียร์ค่ะพี่เตอร์ขา พัดลมนางชอบดื่มเบียร์”
“อีเมธ!” ฉันหันไปดุอีตุ๊ดที่อยู่ดีๆ ก็ชะโงกหน้ามาเสนอหน้าตอบทันที มันใช่เรื่องที่ต้องมาตอบไหม
“อะไรเล่าก็พี่เตอร์เขาถามหล่อนตั้งแต่แรกแต่หล่อนไม่ยอมตอบพี่เขานี่ชะนี งอนอะไรนักหนายะ”
“กูไม่ได้งอนเขามึงฟังกูบ้างไหมเนี่ย” คือ...ตุ๊ดคะมึงจะฟังแต่คำพูดของผู้ชายอย่างเดียวไม่ได้นะ มึงต้องดูบริบทของความสัมพันธ์ระหว่างกูกับเขาด้วยว่าอยู่ในสถานะไหนถึงจะไปงอนกัน
“โอ้ยลำไยชะนี เบียร์ค่ะพี่เตอร์ขา เบียร์คือคำตอบค่ะ” มันกรอกตาใส่ฉันแล้วก็ยื่นหน้าไปคุยกับเขาแทน นี่มีใครเห็นหัวและสังเกตอารมณ์ของพัดลมบ้างไหมคะ
“ฮ่าๆๆ โอเคจ้ะเดี๋ยวพี่ไปจัดการให้นะ” เขาหัวเราะอารมณ์ดีก่อนที่จะลุกจากที่นั่งโดยมีอีตุ๊ดชะเง้อคอมองตามและยิ้มกริ่มอยู่ตลอดเวลา
“เอาล่ะ...เหลามา!” พอเขาห่างไปมันก็หันกลับมาหาฉันทันที
“เล่าอะไรล่ะ” ฉันนั่งนิ่งเพราะอารมณ์เสียไม่อยากเล่าอะไรทั้งนั้น ขอนั่งนิ่งๆ สงบสติอารมณ์ก่อนเถอะไม่งั้นอยู่ไม่ถึงครึ่งคืนแน่ๆ
“มึงกับพี่เตอร์ อะไรยังไงพี่เขาถึงได้คะขาไม่หยุด” มันรีบถามและแววตาสู่รู้ก็เริ่มฉายออกมา
“นี่มึงสงสัยใคร่รู้แค่เพราะคำพูดคะขาจากผู้ชายตอแหลอย่างเขา?” ฉันถามด้วยความรำคาญ เขาทำให้ฉันงานเข้ามารอบนี้เป็นรอบที่สองของวันแล้วนะ เรื่องพี่มิกซ์ยังไม่เคลียร์ ฉันยังต้องมานั่งอธิบายความสัมพันธ์ไร้สูญญากาศของฉันกับเขาอีกให้อีสุเมธเข้าใจอีก
“หืม~ กูแค่ยกตัวอย่างสั้นๆ แต่การกระทำของมึงกับพี่เขาต่างหากที่มันมากจนทำให้คิดค่ะ พูดมาเป็นอะไรกัน” อีสุเมธเป็นคนชอบจับผิดเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ตรงนี้ผู้ชายหล่อเยอะกว่ากระป๋องเบียร์ซะอีก ช่วยหันไปสนใจผู้ชายมากกว่าชะนีอย่างฉันได้ไหม
“ไว้เดี๋ยวค่อยเล่าได้ไหม” ฉันต่อลองเพราะรู้ว่าสุดท้ายก็ปิดมันไม่ได้หรอก แต่อย่าเพิ่งให้เล่าเลยเดี๋ยวปรี๊ดแตก
“เออๆ เล่าทีหลังก็ได้ แต่ว่า...พี่เตอร์ก็ไม่เลวนะ แบดบอยตัวพ่อง้อผู้หญิงได้ตอแหลดี ฮิฮิ” อีเมธทำหน้ากระลิ้มกระเหลี่ยผู้ชายตามสไตล์ของมัน แต่มันก็รู้นี่ว่าเขาดูตอแหล
“มึงดูออกเหรอว่าเขาตอแหล?”
“เขาตอแหลอะไร? กูหมายถึงท่าทางพี่เขาตอนง้อมึงอ่ะดูเป็นผู้ชายตอแหลน่ารักดี แต่กูไม่ได้หมายความว่าพี่เขาเป็นคนตอแหล”
“เอ้า! นั่นแหละก็ตอแหลเหมือนกันตุ๊ด มันต่างกันตรงไหน”
“ไม่เหมือนพี่เตอร์เขาไม่ได้เป็นคนตอแหลสตอเบอร์รี่ย่ะ เขาแค่ง้อแบบใส่ความตอแหลเข้าไปแค่นั้น” มันลอยหน้าลอยตาปกป้องผู้ชายที่รู้จักไม่กี่วัน แตกต่างจากฉันที่เป็นเพื่อนมันมาตั้งหลายปี มันไม่เข้าข้างเลยสักนิดเดียว เสี้ยวของนิดเดียวมันก็ไม่เข้าข้าง
“มึงปกป้องผิดคน” ฉันบอกมันแค่นั้นแล้วก็เบือนหน้าหนีมันเป็นการแสดงให้อีตุ๊ดรู้ว่าคนสวยต้องการจบบทสนา
“ชิส์! แต่บอกเลยกูเชียร์พี่เตอร์ ถ้าพี่เขาจะจีบมึงกูเชียร์สุดใจ”
“หืม~ ให้เขาจีบกูไปฟันเล่นเหรอ ดูหน้าก็รู้ว่าไม่ธรรมดา” ว่าจะไม่ต่อปากต่อคำอะไรต่อแล้วนะแต่อดไม่ไหวจริงๆ หมั่นไส้อีเมธไม่ต่างจากหมั่นไส้อีตาหัวทองเลยสักนิด
“มึงสวยสะพรั่งซะขนาดนี้ถ้าจะจีบไปฟันฟรีๆ ก็ต้องคิดหนักแล้วล่ะค่ะ เน่! กูเชียร์เพราะพี่เตอร์ก็งานดีเป็นผู้
ชายที่ใครก็อยากได้ แถมไม่ได้เลวร้ายอะไรด้วย ถ้าได้แล้วสุดท้ายไปต่อไม่ไหวก็ถือซะว่าสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต อิอิ” หืม~ สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตด้านไหน?
”เหอะ! เพ้อเจ้อมากค่ะอีเมธ คนแบบนั้นน่ะอย่าไปคิดว่าเป็นคนดีเลยเสียพื้นที่สมองเปล่าๆ มองตาก็เห็นยันเซลล์เม็ดเลือดในหัวใจว่าจีบใครก็จีบเล่นๆ หวังฟัน” ฉันเบะปากทันทีที่พูดจบ แต่รู้สึกเหมือนพนักพิงมันมีอะไรมาพิงก็เลยเห็นไปดู
“อุ้ย!...” ฉันหันไปก็ต้องผงะตัวออกแล้วก็นิ่งเป็นหิน เพราะเขายืนอยู่ข้างหลังแถมก้มลงมาให้แขนวางค้ำพนังพิงของเก้าอี้ตัวที่ฉันนั่ง และมันทำให้หน้าเขาอยู่ระดับเดียวกันกับฉัน พอฉันหันไปมันก็เลยทำให้ปากฉันไปโดนกับ...ปากเขาเบาๆ
...โคตรเป็นช็อตเด็ดละครดัง แต่มันไม่ปังเลยสักนิดในความรู้สึกของพัดลม T_T
เขามองหน้าฉันที่นั่งอึ้งเพราะเสียเวอร์จิ้นปากให้คนที่เกลียดขี้หน้าที่สุดก่อนที่จะเอานิ้วไปแตะปากตัวเองเบาๆ พร้อมกับยิ้มบางๆ
“เอ่อ...”
“รู้ไหม ทีแรกพี่แค่จะแกล้งจีบเพื่อกวนประสาทเราเล่นๆ แต่ตอนนี้...” เขาพูดเสียงไม่ดังเลยสักนิด แถมโทนเสียงก็ยังแตกต่างไปจากทุกครั้ง
“...” ตอนนี้อะไร?
“...พี่เล่นไม่ไหวแล้วพัดลม”