“เกิดอะไรขึ้น ทำไมมัน...นี่แกเป็นอย่างนี้เพราะแค่ผู้หญิงยกเลิกงานแต่งเหรออเล็กซ์!”
เสียงที่ถามขึ้นของ ซาร่า มารดาของอเล็กซ์ที่พยายามโทรมาหาบุตรชายแต่กลับติดต่อไม่ได้เลยตัดสินใจมาหาที่ห้องพัก และก็ต้องตกใจกับสภาพห้องที่เคยเป็นระเบียบเรียบร้อยเมื่อข้าวของกระจัดกระจาย และหล่นลงมาเหมือนกับเจอพายุหนักก็ไม่ปาน
“ออกไป...ผมไม่อยากเจอใคร...”
เสียงเมามายบอกขึ้นพร้อมกับยกขวดเหล้าในมือขึ้นดื่ม เหมือนกับว่ามันเป็นเพียงน้ำเปล่า เมื่อหัวใจข้างในกำลังเจ็บปวดจนแทบไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว
“แกจะยอมแพ้ง่ายๆอย่างนี้เหรออเล็กซ์! ฉันเลี้ยงแกมาให้ยอมใครรึไงห๊ะ!”
“แล้วผมจะไปทำอะไรได้ อีกสองวันมันก็จะแต่งงานกับเธอแล้ว ทำไม...ทำไมมันต้องแย่งเธอไปด้วย ทำไม!”
อเล็กซ์เอาแต่ตีโพยตีพาย ความสุขและความตื่นเต้นที่เคยมีเมื่อสองอาทิตย์ก่อนมลายหายไปพร้อมกับเมแกน เมื่ออยู่ดีๆบิดาของเธอก็โทรมาขอยกเลิกงานแต่งงาน ซึ่งเขาจะไม่โศกเศร้าเสียใจมากมายขนาดนี้เลยจริงๆถ้าหลังจากนั้นงานแต่งงานระหว่างจอห์นและเมแกนจะไม่ถูกประกาศออกมา เหมือนโลกทั้งใบของเขาพังลงต่อหน้าต่อตา
“ก็หาผู้หญิงคนใหม่ที่มันดีกว่าสิ”
“แต่ผมรักเธอ...ผมรักเมแกนมาตั้งแต่สิบปีก่อน เธอเป็นรักแรกและรักเดียวของผม ผมไม่ต้องการใครนอกจากเธอ”
“ฉันเห็นแกควงผู้หญิงแทบไม่ซ้ำหน้า ควงขึ้นคอนโดอาทิตย์ละหกวันแล้วจะมาพร่ำบอกว่ารักเมแกนเนี่ยนะ”
“ก็แค่ผู้หญิงคั่นเวลา ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงพวกนั้น มันต่างจากเมแกน...”
“ฉันไม่รู้ แล้วก็ไม่เข้าใจอะไรแกทั้งนั้น แต่ที่แกต้องทำตอนนี้คือลุกขึ้นแต่งตัวแล้วไปทำงาน ก่อนที่แกจะโดนยึดอำนาจทั้งหมดไป”
พูดจบซาร่าก็เดินออกจากห้องของบุตรชายไปทันทีเพราะที่มาวันนี้ก็เพื่อจะมาเตือนสติเท่านั้น กว่าจะขึ้นมาอยู่จุดนี้ได้ไม่ใช่ง่ายๆ จะมาเสียเพราะแค่ถูกแย่งผู้หญิงไปอย่างนี้คงไม่คุ้มกันแน่นอน
ส่วนอเล็กซ์ พอมารดาออกไปแล้วเขาก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าอกหัก เขาเสียใจจนไม่อยากทำอะไรเลยสักนิด เขาควรหาทางออกนี้ยังไงดี
“เดี๋ยวให้คนเอาชุดไปแก้...แค่ตรงนี้น่าจะใหญ่กว่านี้อีกสองไซส์”
“เอ่อ...ค่ะ...”
หลังจากหายเข้าไปในห้องของเมแกนร่วมสี่ชั่วโมง จอห์นก็เดินถือชุดแต่งงานของเมแกนออกมาแล้วยื่นให้กับเนเน่ที่ทำความสะอาดบ้านอยู่ก่อนจะบอกส่วนที่ต้องแก้ไขแล้วเดินออกจากห้องไป
ส่วนเนเน่ได้แต่มองไปที่หน้าห้องของเมแกนอย่างเป็นห่วง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาห้องเสื้อให้มาเอาชุดแต่งงานไปแก้
“คุณหนู! หิวรึยังคะฉันทำอาหารเอาไว้เต็มเลย...ว่าแต่...เจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ”
เช้าวันต่อมา เมแกนที่พึ่งรู้สึกตัวและเดินออกมาเพราะความหิวเจอเข้ากับเนเน่พอดี ส่วนเนเน่ ก็รีบเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นเมแกนเดินโซเซออกมานอกห้อง
“เอ่อ ฉันหิวมากเลยตอนนี้...ส่วน เอ่อ ฉันแค่ เอ่อ แค่พึ่งตื่นเลยเดินแบบนี้ ขออาหารหน่อยนะเนเน่”
“ได้สิคะ ไปนั่งก่อนๆ”
เนเน่รีบบอกให้เมแกนไปนั่งที่โต๊ะอาหารก่อนจะรีบเดินไปอุ่นอาหารมาให้ ส่วนเมแกน ถ้าเกิดไม่หิวมากจริงๆเธอไม่มีทางออกจากห้องมาในสภาพย่ำแย่แบบนี้แน่นอน เธอเจ็บและปวดไปหมดทั้งร่างกายโดยเฉพาะส่วนนั้นของผู้หญิง ทั้งเจ็บทั้งปวดจนอยากฆ่าคนที่เป็นต้นเหตุนี้จริงๆ
“ฉันพึ่งส่งชุดไปแก้ น่าจะได้คืนช่วงบ่าย...”
“ฉันไม่อยากแต่ง...”
“พรุ่งนี้แล้ว ถ้าคุณหนูไม่ทำ...จอห์นต้องมาที่นี่อีกแน่นอน...”
“จอห์น? นี่สนิทกันขนาดเรียกชื่อแล้วเหรอเนเน่!”
เนเน่รีบหลบสายตาจ้องจับผิดของเมแกนทันที เมื่อเธอไม่ได้สนิทอะไรกับจอห์นเท่าไหร่หรอกส่วนมากจะเป็นมาร์ตินมากกว่าที่เธอรู้จัก เพราะต้องติดต่อกันเรื่องงานแต่งนี่แหละ ส่วนจอห์นก็พึ่งเคยเห็นตัวเป็นๆก็เมื่อวานนั่นแหละ
“แสดงว่าที่เขามาที่นี่เพราะคุณโทรไปบอกใช่ไหมเนเน่”
“เอ่อ ค่ะ...”
เมแกนถึงกับจ้องเนเน่เขม็ง ถ้าไม่ติดว่าเนเน่เปรียบเสมือนมารดาของเธอล่ะก็ เธอคงไล่ออกวันละหลายสิบรอบไปแล้ว เมื่อเนเน่เอาแต่รายงานเรื่องของเธอให้กับบิดาเธอได้รู้ แล้วนี่ยังจะเอาเรื่องของเธอไปรายงานจอห์นอีก
“โธ่ ก็อีกไม่นานจอห์นจะมาเป็นสามีคุณแล้ว จะให้ฉันทำยังไงล่ะคะ ไม่ทำมอร์แกนก็บอกจะไล่ฉันออกอีก”
“ช่างเถอะ คุณไปทำงานเถอะ ฉันอยากกินข้าวคนเดียว”
เมแกนที่ไม่รู้จะเอาความโกรธไปลงที่ใครได้แต่ไล่ให้เนเน่ออกไปก่อน ส่วนเธอก็ทั้งกินอาหารตรงหน้า ทั้งเริ่มคิดหางทางออกสำหรับเรื่องต่างๆ เมื่ออยู่ดีๆเธอก็ถูกเปลี่ยนให้มาแต่งงานกับจอห์นแทนผู้ชายอีกคนเสียอย่างนั้น
“ยิ้มหน่อยสิ เดี๋ยวคนอื่นก็หาว่าพ่อบังคับลูกมาแต่งงานหรอก”
“ก็มันจริงนี่คะ หนูไม่ได้อยากแต่งงานสักหน่อย”
และวันแต่งงานระหว่างจอห์นและเมแกนก็มาถึงโดยที่เธอแทบไม่มีทางเลี่ยงหรือหนีไปไหนได้เลยเพราะจอห์นให้คนมาเฝ้าเธอเอาไว้เหมือนกับรู้ว่าเธอคิดหนีงานแต่งก็ไม่ปาน
“เอาน่า ยิ้มหวานๆให้พ่อชื่นใจสักหน่อยไม่ได้รึไง วันนี้พ่อมีความสุขเกือบเท่าวันที่ลูกเกิดมาเลยนะ”
“คุณพ่ออ่ะ...”
“พ่อไปทางนั้นก่อนนะ เพื่อนพ่อมากันเต็มเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”
พูดจบมอร์แกนก็เดินเลี่ยงออกไปทันทีพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะทักทายทุกคนที่เดินผ่านด้วยความสุขจนทุกคนอดยิ้มตามไม่ได้
ส่วนเมแกนเองก็ไม่เคยเห็นบิดาของเธอยิ้มและหัวเราะมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ ขนาดเธอยังเผลอมีความสุขแบบไม่รู้ตัวกับความสุขของบิดาเธอในวันนี้ด้วย
“ถ้ายิ้มหน้าบานขนาดนี้ก็ไม่น่าคิดหนีงานแต่งเลยนะ”
ขณะที่เธอยืนมองบิดายืนคุยและหัวเราะอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ เสียงทุ้มราวกับกระแนะกระแหนก็ดังขึ้นข้างหู จนเมแกนรีบเบี่ยงหลบแล้วหันไปมองค้อนใส่
“ถ้าไม่มีคนของคุณ ฉันคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก!”
“หึหึหึ แสดงว่าพวกนั้นทำงานได้ดี คงต้องเพิ่มเงินให้แล้ว”
“ไอ้บ้า! คุณมันบ้า!”
“บ้าก็เป็นผัวคุณนะ ไปเถอะ ต้องรีบทำรีบจบ ผมต้องบินไปทำงานที่อังกฤษต่อ”
จอห์นบอกออกมาพร้อมกับจับแขนเมแกนให้เดินตามเขาไปเพื่อไปทำพิธีแต่งงานให้จบๆ ส่วนเมแกนก็เดินไปแบบไม่เต็มใจ แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้แล้ว
“ทำไมไม่เป็นฉัน...ทำไม...”
อเล็กซ์ที่มาร่วมงานได้แต่ยืนมองเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวอยู่ไกลๆด้วยความโกรธและอิจฉา เพราะควรเป็นเขาที่ได้จับมือของเมแกนก่อนจะทนดูต่อไปไม่ได้ ชายหนุ่มวางแก้วในมือแล้วเดินออกจากงานไปทันที
หลังจากนั้นงานแต่งงานก็ค่อยๆดำเนินต่อไปเรื่อยๆเมื่อเลี่ยงไม่ได้เมแกนก็เลยต้องแต่งให้มันจบๆไปจนกระทั่งถึงเวลาเข้าหอ พอทุกคนออกไปเมแกนก็แทบทำอะไรไม่ถูก ถึงจะไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับเขา แต่พอมาถึงจุดนี้แล้วเธอก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้
“เอ่อ...”
“คุณพักเถอะ เดี๋ยวผมจะไปอาบน้ำ อีกชั่วโมงต้องบินไปอังกฤษ”
“...............”
จอห์นบอกขึ้นพร้อมกับเดินตรงไปที่ห้องน้ำอย่างไม่สนใจเจ้าสาวของตนเอง ทำเอาเมแกนถึงกับพูดไม่ออก เธอดันรู้สึกเสียใจแปลกๆที่เขาจะไม่อยู่ในคืนวันเข้าหออย่างที่เขาพูดจริงๆ
“ฟู้วววววว เป็นบ้าอะไรไปวะเนี่ย...”
ทางด้านจอห์นพอเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วเขาก็อดเป่าลมหายใจแห่งความอึดอัดออกมาไม่ได้ทั้งๆที่เขาเป็นคนเลือกที่จะบินไปอังกฤษในวันนี้เองแท้ๆ แต่พอเอาเข้าจริงเขากลับไม่ได้อยากไปเลย เขาพยายามที่จะไม่คิดถึงเมแกนและไม่อยากสนใจความรู้สึกของเธอแต่ก็ดันอดไม่ได้
จอห์นหายเข้าไปในห้องน้ำเกือบชั่วโมงก่อนจะเดินออกมา สองตากวาดไปรอบๆห้องหอแต่มันกลับว่างเปล่า
“อ่าว ไปไหนแล้วล่ะ...”
เมื่อเห็นว่าเจ้าสาวไม่อยู่ในห้องนอน จอห์นก็เดินไปหยิบชุดที่ให้มาร์ตินเตรียมไว้ให้มาใส่ก่อนจะเดินออกมาหาเมแกนด้านนอกแต่ก็ไม่พบ
“ไปไหน”
ชายหนุ่มอดคิดสงสัยไม่ได้ เมื่อเธอไม่ได้อยู่ในห้องแล้วเธอจะไปไหนได้ในชุดเจ้าสาวแบบนั้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกหาการ์ดที่ให้คอยดูเมแกนทันที
“นายยังจับตาดูเมแกนอยู่ใช่ไหม”
“ครับ”
“ตอนนี้เธออยู่ไหน”
“เธอนั่งแท็กซี่...ตอนนี้กำลังเลี้ยวเข้าผับครับ”
“ห๊ะ! ผับงั้นเหรอ”
“ครับ อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่”
“อืม ดูไว้ให้ดีๆอย่าให้ไปสร้างปัญหา”
“ครับ”
และจอห์นก็รู้สาเหตุที่เมแกนหายไป เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะไปเที่ยวด้วยชุดแต่งงานจริงๆ จากนั้นจอห์นก็นั่งรถตรงไปสนามบิน เมื่อมาร์ตินโทรมาบอกว่าเครื่องบินของเขาพร้อมแล้ว
“เจ้าสาวของเรามาแล้ว! วู้วๆๆๆ ยินดีกับเจ้าสาวแสนสวยของเรา คืนนี้เต็มที่นะทุกคนนนน”
และพอเมแกนเดินเข้าไปในผับ เสียงโห่ร้องยินดีก็ดังขึ้น เพราะพวกเพื่อนๆของเธอเหมาทั้งผับเพื่อเลี้ยงฉลองตามที่เมแกนบอกเอาไว้ก่อนงานแต่งว่าคืนเข้าหอจะจัดงานเลี้ยงที่นี่เหมือนกับรู้ว่าเจ้าบ่าวของเธอจะไม่อยู่
จากนั้นงานเลี้ยงก็เริ่มต้นขึ้น เมแกนที่ไม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์มาหลายวันก็สนุกอย่างเต็มที่ทั้งๆที่ยังใส่ชุดเจ้าสาว เธอไม่สนและไม่แคร์ว่าใครจะมองเธอยังไง ในเมื่อเจ้าบ่าวของเธอยังทิ้งเธอไปในวันเข้าหอแล้วทำไมเธอต้องนอนอยู่ห้องคนเดียว สู้ออกมาสนุกกับเพื่อนๆของเธอแบบนี้ดีกว่า ดีที่เธอนัดทุกคนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
“สวัสดีครับ ผมขอดื่มให้กับเจ้าสาวหมาดๆได้ไหมครับ”
หลังจากเต้นจนเหน็ดเหนื่อย เมแกนก็เดินไปยืนดื่มเครื่องดื่มอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ และก็มีหนึ่งในผู้ชายที่มาร่วมสนุกในคืนนี้และจับจ้องรอคอยโอกาสที่จะเดินเข้ามาหาเธอได้พักใหญ่ๆรีบเดินเข้ามาหาทันทีที่เห็นเธอหยุดเต้นและอยู่คนเดียว
“หึ! เจ้าสาวงั้นเหรอ ก็แค่เจ้าสาวในนาม ความจริงฉันยังโสดอยู่ ถ้าเกิดคุณสนใจ...”
“สนใจครับ! งั้นคืนนี้ให้ผมเขาหอแทนเจ้าบ่าวของคุณ...ได้ไหมครับ...”
และก็เหมือนทุกอย่างเข้าทางเขาเมื่อเจ้าสาวพูดเปิดทางซะขนาดนี้ ส่วนเมแกนเธอแค่พูดให้ท่าไปเหมือนที่เคยทำเป็นประจำเพราะอยากบริหารเสน่ห์โดยไม่รู้เลยว่าทุกคำพูดและการกระทำนั้น เจ้าบ่าวตัวจริงยืนฟังอยู่ตั้งแต่ต้นแล้ว
ย้อนไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ขณะที่นั่งรออยู่บนเครื่องบินจอห์นที่แทบคิดเรื่องงานไม่ออกเพราะเอาแต่คิดเรื่องเมแกนจนแทบไม่มีสมาธิ ก่อนจะตัดสินใจเดินลงจากเครื่องบินจนพวกพนักงานที่คอยบริการถึงกับงงไปตามๆกันไม่เว้นแม้แต่มาร์ติน
นายไปคนเดียว บอกว่าฉันไม่สบาย
เขาสั่งออกมาก่อนจะเดินตรงไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ ทำเอามาร์ตินที่ไม่เข้าใจได้แต่ยืนมองด้วยคำถามมากมายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินกลับขึ้นไปบนเครื่องบิน เพราะถึงเวลาเครื่องบินต้องออกแล้ว
“มีผัวแล้วยังร่านอยู่อีกเหรอ”
กลับมาในปัจจุบัน จอห์นที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังพูดขึ้น ทำเอาทั้งเมแกนและผู้ชายที่ต้องการเข้าหอกับเธอในคืนนี้ถึงกับสะดุ้งหันมามอง
“คุณ!”
เมแกนถึงกับเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อร่างใหญ่ของคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอเพราะเขาบอกจะไปอังกฤษคืนนี้กลับยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่
“หือ? ใครเหรอครับ”
“ผัวของผู้หญิงคนนี้ และฉันก็ไม่ต้องการให้ใครมาเข้าหอแทน นี่เมียฉัน ฉันจัดการเองได้”
“ว๊าย! อะไรของคุณ ไหนว่าไปอังกฤษ ปล่อยนะ! ฉันไม่ไป ปล่อยซิ!”
จอห์นเดินเข้ามาจับแขนของเมแกนแล้วลากให้เดินตามเขาออกไปท่ามกลางสายตาตกใจและแปลกใจของพวกเพื่อนๆเพราะเมแกนบอกเองว่าสามีเธอไปอังกฤษ
“จัดการค่าใช้จ่ายที่นี่ แล้วก็ไปพักจนกว่าฉันจะโทรเรียก”
“ครับ”
พอเดินออกมานอกผับ จอห์นก็สั่งการ์ดที่เขาให้มาเฝ้าเมแกนพร้อมกับยื่นบัตรเครดิตไปให้เพื่อจ่ายค่าผับในคืนนี้ก่อนจะลากเมแกนไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันทีโดยไม่สนใจแรงดิ้นขัดขืนของเธอ เมื่อในใจของเขากำลังเดือดดาลที่ได้ยินว่าเธอจะให้ผู้ชายคนนั้นเข้าหอแทนเขาที่เป็นเจ้าบ่าวของเธอ
“นี่คุณ! จะพาฉันไปไหน เลยโรงแรมแล้วนะ”
“..................”
เมแกนรีบบอกขึ้นเมื่อเขากำลังขับรถผ่านโรงแรมที่เป็นเรือนหอในคืนนี้ไป แต่จอห์นก็ยังไม่สนใจขับต่อไปเรื่อยๆ จนมาถึงคอนโดของเขา ที่ต่อไปนี้เธอจะต้องอยู่กับเขาที่นี่ ไม่ว่าจะอยากหรือไม่ก็ตาม
“ลงมา”
“ฉันไม่อยากลง ฉันจะกลับคอนโดของฉัน”
“ผมขายมันไปแล้ว ต่อไปนี้ที่นี่คือที่อยู่ใหม่ของคุณ”
“นี่คุณว่าอะไรนะ! มีสิทธิ์อะไรมาขายคอนโดของฉัน!”
“ก็สิทธิ์ของความเป็นผัวคุณไง แค่นี้พอไหม แล้วก็เลิกถามมาก ขึ้นห้องได้แล้ว อยากเข้าหอมากนักไม่ใช่เหรอ ไปสิ”
“ไม่!...ไม่ได้อยากเข้า...”
“แต่ผมได้ยิน ลงมาหรืออยากให้ผมอุ้ม”
“ไม่! ลงเองก็ได้”
และสุดท้ายเมแกนก็ต้องลงมาจากรถเองเพราะจอห์นตั้งท่าจะเดินมาอุ้มเธอ ก่อนจะเดินนำเธอเข้าไป เมื่อที่นี่เขาพึ่งซื้อเอาไว้เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เพราะเมแกนต้องย้ายมาอยู่ด้วย เขาไม่ชอบบ้านเป็นหลังเลยซื้อคอนโดขนาดใหญ่อยู่แทน