บทที่ 1
จวนตระกูลเสี่ยว
หลินเชียนเซียงลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ หนาวเสียจนร่างกายของนางสั่นระรัว สายตากวาดมองไปโดยรอบพบเพียงห้องแคบๆสภาพทรุดโทรม นางค่อยๆหยัดกายลุกขึ้นมานั่งพิงกายกับเสาไม้
ที่นี่คือไหนกันนะ!!!
หลินเชียนเซียงมองไปโดยรอบด้วยความมึนงง นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้นางกำลังอยู่ที่สำนักดูดวงประจำตระกูลหลิน อาชีพประจำตระกูลที่สืบทอดมาจากสวรรค์ ช่วยเหลือทุกข์ภัยอันโหดร้ายให้แก่เพื่อนมนุษย์ แต่ระหว่างที่นางกำลังนั่งทำสมาธิดูดวงให้ลูกค้าท่านหนึ่ง นางรู้สึกเหมือนหัวของนางกำลังระเบิดมันปวดจนนางหมดสติไม่รู้ตัว
"นายหญิง นายหญิงท่านฟื้นแล้ว"
เสียงใสกระจ่างดังอยู่ข้างหูของหลินเชียนเซียง นางหันไปมอง มู่มู่ แมวเทพเก้าหางของนางที่กำลังมองนางด้วยแววตาเป็นประกาย
มันเป็นแมวประจำตระกูลรุ่นบรรพบุรุษจนตกทอดมาสู่รุ่นของนาง
"มู่มู่ ที่นี่ไหน ทำไมพวกเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้"
"นายหญิง ท่านข้ามภพมาอยู่ในร่างของแม่นางเสี่ยวหง"
"เสี่ยวหง!!?ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร"
"นางเป็นบุตรสาวคนโตของท่านเสนาบดีเสี่ยวเฉียน"
หลินเชียนเซียงกะพริบตาปริบๆ มู่มู่มันกำลังจะบอกนางว่า นางตายจากโลกปัจจุบันมาอยู่ในร่างของหญิงโบราณเช่นนั้นหรือ
"นายหญิงร่างกายนี้อ่อนแอมาก ให้ข้าช่วยท่านก่อนเถิด"
มู่มู่ส่ายหางของมันสะบัดไปมา ก่อนจะเกิดพลังปราณอันอบอุ่นสายหนึ่งแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของหลินเชียนเซียง อาการหนาวที่แทบจะปลิดชีวิตของนางพลันจางหายไป ความอบอุ่นเข้ามาแทรกแทนที่ หลินเชียนเซียงรู้สึกผ่อนคลายมากทีเดียว
หลินเชียนเซียงค่อยๆยันกายลุกขึ้นมา ก่อนจะเดินตรงไปที่กระจกผุๆเก่าๆที่มุมด้านในห้องนั้น
พลันสายตาของนางก็พบเข้ากับหญิงสาวนางหนึ่งดูแล้วนางอายุประมาณสิบสี่ปี ใบหน้าของนางงดงามอ่อนหวานชวนหลงใหล แต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนแอโศกเศร้าจนเกินจะบรรยาย
หลินเชียนเซียงหลับตาลงนางเพ่งสมาธิมองย้อนกลับไปอย่างช้าๆ
แม่นางเสี่ยวหงผู้นี้ชะตาอาภัพนัก นางเป็นบุตรสาวคนโตที่แทบจะไร้ตัวตนด้วยซ้ำ บิดาไม่ใยดีนาง มารดาก็ยังรักน้องสาวมากกว่านาง ที่โหดร้ายไปมากกว่านั้น นางหลงรักชินอ๋องหยางเทียนฉี เขาให้คำสัญญาว่าจะสู่ขอนางเป็นชายาเอกแต่สุดท้ายเขาก็ผิดคำสัญญาขอถอนหมั้นกับนาง และขอพระราชโองการสมรสจากฝ่าบาท สู่ขอ เสี่ยวชิง น้องสาวของนางเป็นชายาเอกแทน
หลินเชียนเซียงขมวดคิ้วแน่น เหตุใดเรื่องราวของหญิงสาวคนนี้ช่างไม่ปกติ แต่ไม่ปกติตรงไหนนางก็ไม่อาจทราบได้
บิดามารดาที่สมควรจะรักและถนุถนอมบุตรของตน เหตุใดสายตาที่มองมากลับเย็นชาห่างเหินเช่นนี้
"นายหญิงไม่ต้องคิดให้ปวดหัวหรอกขอรับ แม่นางน้อยผู้นี้แท้จริงแล้วไม่ใช่บุตรสาวสายเลือดเดียวกับตระกูลเสี่ยว นางเป็นเพียงเด็กที่ท่านเสนาบดีขอมาเลี้ยงจากชาวบ้านผู้หนึ่ง"
"เหตุใดถึงเป็นแบบนี้ล่ะ"
"ตอนนั้นสองผัวเมียคู่นี้ยังไม่มีทายาทเป็นเด็กหญิง มีเพียงบุตรชายคนโตนามว่า เสี่ยวไป๋ พวกเขาอยากได้บุตรสาวจึงไปหาหมอดูดวงชะตา หมอดูท่านนั้นแนะนำให้หาเด็กผู้หญิงมาเลี้ยงเพื่อแก้เคล็ดขอรับ"
หลินเชียนเซียงเบะปากอย่างดูแคลน อยากจะเห็นหน้าหมอดูคนนั้นนัก จะรู้ตัวบ้างรึไม่ว่าทำให้เด็กสาวคนหนึ่งต้องทรมานขนาดนี้
ทุกภาพที่ปรากฏในจิตใต้สำนึกของหลินเชียนเซียงมีเพียงความอ้างว้าง เจ็บปวด โหยหา ก่อนที่ทุกอย่างจะสลายหายไป
หลินเชียนเซียงลืมตาขึ้นมาพร้อมกับคราบน้ำตาที่ไหลลงมาเอ่อคลอสองแก้ม นางใช้มือเช็ดมันออกอย่างไม่ใส่ใจ
"ว่าแต่เสนาบดีผู้นี้ไปเจอเสี่ยวหงจากที่ไหน แล้วชาวบ้านคนนั้นเป็นใครเจ้ามองเห็นหรือไม่"
"ไม่ขอรับ ข้าพยายามแล้วแต่ก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลย ดูท่าปัญหานี้นายหญิงคงต้องเป็นคนแก้เองแล้วขอรับ"
ให้ตายสิ!!!จะให้ย้อนเวลาทั้งทีทำไมต้องมาอยู่ในร่างของคนอ่อนแอเช่นนี้ด้วยนะ ไม่เหมือนในนิยายที่นางชอบอ่านเลย!!! ซ้ำร้ายยังมาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่อีก ปวดใจชะมัด!!!
เมื่อมองไปที่มู่มู่ สายตาของหลินเชียนเซียงก็เป็นประกายวาววับ
"มู่มู่ เจ้ามีวิธีพาข้ากลับไปโลกอนาคตมั้ย"
มู่มู่ส่ายหน้าไปมาอย่างแมวหมดหวัง
"ลิขิตสวรรค์ไม่อาจฝืนได้ นายหญิงทำใจเสียเถิด ร่างเดิมของท่านหมดสิ้นอายุขัยแล้ว ท่านกับสาวน้อยนางนี้มีชะตาผูกกันไว้ ข้าไม่สามารถช่วยท่านได้"
"แล้วเหตุใดเจ้าจึงตามข้ามาที่นี่ได้เล่า"
"คำสั่งจากเบื้องบนให้ข้าคอยคุ้มครองท่านตลอดเวลา"
หลินเชียนเซียงพยักหน้าอย่างคนสิ้นหวัง เหตุใดสวรรค์ถึงแกล้งนางเช่นนี้นะ!!! นางเคยอยู่ในโลกแห่งความเจริญ นางชอบเที่ยวไปทั่วทุกที่ สังสรรค์กับมิตรสหาย โลกที่มีแต่ความเจริญจากทุกมุมโลก ให้นางมาอยู่ในที่เช่นนี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก
เมื่อมองไปในกระจกสะท้อนเงาภาพหญิงสาวเยาว์วัยตรงหน้า นางทำได้เพียงถอนหายใจออกมา
"เอาเถิด ไหนๆฉันก็มาอยู่ในร่างของเธอแล้ว จะช่วยเธอสะสางปัญหาคาใจเอง"ต่อไปนี้นางคือเสี่ยวหง เจ้าของร่างนี้อย่างถาวร เสี่ยวหงคนใหม่ที่ใครก็ต้องยอมก้มหัวให้
"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณหนูใหญ่!!!"
เสียงกระซิบไม่ดังและไม่เบานักจากด้านนอกปลุกให้สติของเสี่ยวหงกลับคืนมา นางหันไปมองมู่มู่ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงเสียงที่ลอยมากระทบหูของนางบางเบา
"นางคืออิ๋งเอ๋อร์ สาวใช้ข้างกายคนสนิทของท่าน"
เสี่ยวหงพยักหน้าว่านางเข้าใจแล้ว ก่อนจะเดินไปเปิดประตูออก แต่ทว่าเหมือนห้องจะถูกล็อกจากด้านนอก
"คุณหนูใหญ่ ฮึก ท่านอดทนอีกนิดนะเจ้าคะ ฮูหยินผู้เฒ่าเดินทางกลับจากไปขอพรที่วัดแล้ว ฮือ สวรรค์คุ้มครองคุณหนูของข้าด้วย"
เสียงร่ำไห้ที่แหลมสูงแทบจะบาดแก้วหูของเสี่ยวหง นางยกมือขึ้นนวดที่ศีรษะก่อนจะส่งเสียงออกไป
"ข้าสบายดีอิ๋งเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องห่วง"
"ฮืออ คุณหนูใหญ่ บ่าวกำลังไขกุญแจให้ท่านนะเจ้าคะ"
ไม่นานประตูบานนั่นก็เปิดออกเผยให้เห็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มนางหนึ่งที่วิ่งโผมาหานางทั้งน้ำตา
"ฮืออ สวรรค์คุ้มครองแท้ๆ"
"เดี๋ยวๆอิ๋งเอ๋อร์ ข้าหายใจไม่ออก"
อิ๋งเอ๋อร์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่านางกอดรัดเสี่ยวหงแน่นเกินไป นางรีบคลายมือออกก่อนจะเช็ดน้ำตาออก มองเสี่ยวหงด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย
"ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นใครกัน?"
"เอ๋?คุณหนูจำท่านย่าไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ โธ่!!!คุณหนูของบ่าวถูกคุณหนูรองทุบตี ให้อดข้าวสามวันจนสติเลอะเลือนไปแล้ว"
ทุบตี?อดข้าวสามวัน!
เสี่ยวหงสบถออกมาในใจอย่างชิงชัง ช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว ตอนที่นางยังเป็นหลินเชียนเซียงใครที่มันทำให้นางไม่ได้กินข้าวแม้แต่มื้อเดียวนางจะทุบตีให้มันหลาบจำ ร่างนี้ก็ช่างอดทนมาจนป่านนี้ได้ดวงชะตาช่างแข็งแกร่งไม่น้อย
"เอาล่ะเจ้าหยุดร้องไห้แล้วพาข้าไปหาท่านย่าเร็วเข้า"
เสี่ยวหงมองอิ๋งเอ๋อร์ที่รีบนำทางนางเดินไปฮูหยินผู้เฒ่า ถึงขนาดช่วยนางออกมาได้คงจะเป็นมิตรไม่น้อย