"สินสอดมากกว่านายณัฐวัฒน์สามเท่า ผมคิดว่าคุณคงจะพอใจ ในมูลค่าที่ผมมอบให้"
ผู้รุกล้ำขยับเรียวปากพูดใหม่ ในขณะที่มารดาของเธอ ตอบตกลงในทันที
"คุณแม่จะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ นี่ใครกันคะ เขาเป็นใคร จะมาชุบมือเปิบอะไรแบบนี้ไม่ได้ นัญไม่ยอมนะคะ"
"เงียบเดี๋ยวนี้เลยนะชนัญชิดา ผู้ชายคนนั้นมันมาตามที่บอกอย่างนั้นเหรอ ห๊ะ.. แล้วทะเบียนสมรสบ้อบอนี่คือะไร ห๊ะ.. แกตอบฉันมาสิ ว่ามันคืออะไร แกเกือบได้เป็นเมียน้อยคนอื่นเขา หนำซ้ำ ยังจะโดนทิ้งกลางงานแต่งอยู่แล้วรู้เอาไว้!"
มารดาผู้มีหน้าตาในสังคม ตะเบ็งเสียงด้วยความไม่พอใจ เขามีลูกสาวเพียงคนเดียว จะมายอมให้เสียหน้าเพราะเรื่องแบบนี้ เธอก็ไม่มีทางยอมเหมือนกัน
"เอาเป็นว่า ฉันรับสินสอดทองหมั้นของคุณ ฉันยินดียกยัยนัญให้กับคุณ.."
"คุณแม่!"
"ผมไม่ต้องการทำพิธีอะไรที่มันมากมาย แค่สวมแหวนเท่านั้น แล้วผมจะพาเขาไปอยู่กับผมทันที"
"ไอ้บ้า ข้อเสนอบ้าๆ!"
เธอยังร้องตะเบ็งเสียงออกมา จนกระทั่งสายตาคมกริบคู่นั้นหันมามอง
"คุณมีปัญญา หาทางออกเรื่องนี้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีได้อย่างนั้นเหรอ คุณไม่รู้เหรอ ว่ามีนักข่าวรอทำข่าวอยู่ด้านล่าง ไฮโซอย่างคุณ อยากดังเพราะข่าวโดนทิ้งอย่างนั้นสินะ คุณคิดว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้น คุณจะไม่โดนนินทาอย่างนั้นสินะ แล้วคุณก็คงจะจำไม่ได้สินะ ว่าก่อนหน้านี้ ไฮโซที่โดนสามีนอกใจ ถูกกระหน่ำคำนินทาแทบตาย ขนาดเขาไม่ได้น่าสนใจอย่างคุณด้วยซ้ำไป ขนาดเขายังโดนขนาดนั้น คิดเองเถอะ ว่าคุณจะโดนขนาดไหน.."
เจ้าของเสียงลอบระบายรอยยิ้มอย่างพอใจ จากข้อมูลที่ได้มา สำหรับเธอ เรื่องนี้ค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องใหญ่ และเขาก็เชื่อสุดใจ ว่าหญิงสาวที่อยู่ในชุดเจ้าสาวคนนี้ ไม่มีทางปฏิเสธเขาได้อย่างแน่นอน
"แม่ไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นนะนัญ เห็นใจพ่อแกบ้าง อยากเห็นโรคหัวใจคุกคามกลางงานไหม"
"แต่คุณแม่จะมาตัดสินใจแทนนัญไม่ได้ นัญจะโทรหาณัฐค่ะ มันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน นัญเชื่อ ว่าณัฐไม่มีทางทิ้งนัญ.."
เธอหุนหันไปหาสมาร์ทโฟนที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นก็ติดต่อปลายสายที่เป็นคนคุ้นเคยในทันที โดยมีสายตาคมกริบที่มองตาม
แต่ไม่ว่าเธอพยายามจะกดโทรกี่ครั้ง เบอร์ปลายทางก็ไม่มีทางที่จะติดต่อได้ จนแล้วจนรอดมันก็ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งมารดาที่ยืนมอง ต้องมาแย่งมือถือออกจากมือของเธอไป
"พอสักทีเถอะนัญ เห็นแก่หน้าพ่อหน้าแม่บ้างได้ไหม ผู้ชายคนนี้เขาช่วยเราได้ ถ้าแกแต่งงานกับเขา เราก็ไม่ต้องอับอาย นี่เป็นงานใหญ่ คนรอซ้ำ รอสมน้ำหน้าครอบครัวเราเยอะมาก แกจำไม่ได้รึยังไง"
เธอถึงกับเงียบไป ด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เธอหันกลับไปมองผู้ชายอีกคนที่ยังอยู่ในห้อง เขาเป็นใคร ชื่ออะไร เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาสักอย่าง จะให้เธอแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักได้ยังไง แล้วไหนจะคนรักของเธออีก เขาหายหัวไปไหน ทำไมถึงทำกันได้ลงคอ ทำไมถึงทิ้งกันอย่างเลือดเย็นแบบนี้!
"ผมโสด ไม่มีพันธะ ไม่มีรายชื่อในทะเบียนสมรสของใคร ผมยินดีเป็นเจ้าบ่าวของคุณในวันนี้ คุณชนัญชิดา.."
"คุณเป็นใคร คุณรู้จักฉัน รู้จักชื่อคนรักของฉัน แล้วคุณรู้ไหม ว่าคนรักของฉันไปอยู่ที่ไหน.. กับใคร!"
ใบหน้าสวยเกรี้ยวกราดจนเขารู้สึกได้ แต่เขาก็ไม่เคยหวั่น แม้ว่าในใจของเธอจะคิดสิ่งใดก็ตาม
"รู้.. ผมรู้ทุกอย่าง.. แต่ผมจะยอมบอกคุณ หลังจากที่เราแต่งงานกัน"
"แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนั้น ทำไมฉันต้องแต่งงานกับคุณ"
"เพราะผมเป็นคนเดียว ที่สามารถช่วยให้คุณและครอบครัวพ้นคำครหา และผมก็เป็นเพียงคนเดียว ที่ช่วยให้คุณ ไม่ต้องมีตราบาปติดตัวไปจนวันตาย!"
"ฉันไม่เข้าใจ คุณหมายความว่ายังไง"
"ลูกน้องผมกำลังพยายามที่จะดึงสถานการณ์ภายในงานเอาไว้ ถ้าช้ากว่านี้ เห็นทีว่าจะไม่ทัน ถ้าคุณไม่อยากเสียชื่อเสียง ไม่อยากอับอาย คุณต้องควงแขนผม ลงไปข้างล่างตอนนี้ แล้วผมสัญญา ว่าเสร็จงาน ผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟังทันที"
"..."
"นี่คือวิธีที่คุณควรเลือก เพราะต่อให้คุณรอ สุดท้าย นายณัฐวัฒน์ก็ไม่กลับมาหาคุณอยู่ดี"
"..."
"งั้นผมจะบอกเหตุผลให้คุณเข้าใจสักหน่อย เผื่อคุณจะตัดสินใจได้ง่ายกว่าเก่า.."
"..."
"นายณัฐวัฒน์อยู่กับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และผมก็ไม่ได้พูดปากเปล่า เพราะผมมีหลักฐานมายืนยันเสมอ.."
เขาเปิดสมาร์ทโฟนของตัวเองด้วยมือเพียงข้างเดียว จากนั้น เขาก็เปิดภาพที่พึ่งได้รับสดๆใหม่ๆ ต่อหน้าหญิงสาวที่อยู่ในชุดเจ้าสาวทันที
ในขณะที่เธอเองก็จับจ้องที่ภาพนั้นไม่วางตา ดวงตาที่สั่นไหวเพราะความเสียใจ เปลี่ยนผันเป็นแข็งกร้าวขึ้นมาเสียง่ายๆ วินาทีนั้น ยอมรับตรงๆว่าเขาไม่แน่ใจว่าเธอกำลังคิดอะไร แต่ก็คงจะไม่พ้นความโกรธแค้นหรือเสียใจ แล้วจากนั้น เธอก็ตัดสินใจออกมาในทันที
"ตกลง ฉันจะแต่งงานกับคุณ.."