เพราะเหมราชต้องพาลูกและเมียไปพักผ่อนยาวๆ ที่ต่างประเทศ แต่แปลงสตรอว์เบอรี่ในอำเภอสะเมิง ไร่แห่งใหม่ที่เขากับพนาทำธุรกิจร่วมกัน ช่างเพิ่งโทร.มาบอกว่าตัวที่พักเรียบร้อยดีแล้ว อยากจะให้เข้าไปดูรายละเอียดก่อนจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักจริง เขารู้ พนามันยุ่งมากแต่ก็มองไม่เห็นใครจะช่วยจัดการได้
น้ำเสียงของเพื่อนรักดูกระวนกระวายว้าวุ่นใจ พนาจึงเอ่ยรับปากยิ้มๆ “เออ มึงไปเที่ยวกับลูกกับเมียมึงให้สบายใจเถอะ ไม่ต้องห่วงที่นั่น เดี๋ยวกูเข้าไปดูช่างเก็บรายละเอียดเอง”
“เออ กูขอบใจมึงมากไอ้พนา เดี๋ยวตอนกูกลับจะซื้อตุ๊กตายางกลับมาฝากมึง”
“ไอ้เหม กวนตีนกูแล้ว คนอย่างกูต้องใช้หรือไง มีที่ดิ้นได้ให้เล่นอยู่ทุกคืน” สองเพื่อนรักคุยกันด้วยภาษาคนสนิท แต่ในที่สุดพ่อเลี้ยงพนาก็ได้งานเพิ่ม ตอนนี้เขาต้องดูงานที่ไร่ส้มซึ่งยุ่งเอาการและต้องปลีกเวลาไปดูงานที่ไร่สตรอว์เบอรี่ที่เตรียมจะเปิดเร็วๆ นี้
ด้วยงานที่รัดตัวที่พูดไปเมื่อครู่ว่ามีของดิ้นได้มาเป็นเพื่อนเล่นทุกคืนเขาก็แค่บลัฟไอ้เหม เช้าทำงานไร่ สายๆ เข้าออฟฟิศ เย็นมาไล่เช็กผลผลิตว่าวันต่อไปจะเริ่มให้เก็บผลส้มที่โซนไหนได้บ้าง แล้วจะเอาเวลาไหนไปหาของเล่น พอดีกับสายตาของเขาหันไปเห็นลุงชมคนขับรถ วันนี้แกเดินราวกับคนหมดแรง คิ้วหนาเข้มเลิกสูงขึ้นด้วยความสงสั้ย
“อ้าวลุง เดินยังกับคนหมดแรง เป็นอะไรไป แล้วจะไปไหน”
“คุณออมหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อ เขาวานผมให้ไปรับพนักงานจัดซื้อคนใหม่ครับเห็นว่ามาไกลจากกรุงเทพฯ”
มองท่าทางของนายชมแล้ว พนาหยุดคิดแล้วพูดขึ้น “ผมกำลังเข้าเมือง เอาอย่างนี้ ลุงกลับบ้านไปพักเถอะ เดี๋ยวจะแวะรับให้เอง”
ลุงชมรีบส่ายหน้าหวือ “ไม่ได้หรอกครับพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงเป็นถึงเจ้าของไร่ ไม่ใช่คนขับ จะขับรถไปรับพนักงานได้ยังไง”
พนาโคลงศีรษะแล้วยิ้ม “เป็นพ่อเลี้ยง เป็นเจ้าของไร่ แล้วขับรถไม่เป็นหรือไง ว่าแต่...ทำไมช่างเป็นพนักงานกิตติมศักดิ์เหลือเกิน มาเครื่องบิน แล้วยังต้องส่งคนขับไปรับ ฉันชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ”
ช่วงที่ผ่านมา เขายุ่งมาก โดยปกติแล้ว หากเป็นพนักงานที่ทำงานในสำนักงาน เขาจะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจคัดเลือก แต่ด้วยงานที่ยุ่งเหยิง การรับพนักงานจัดซื้อคนใหม่ เขาให้หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อคัดสรรเอง แต่ย้ำเน้นให้ดูให้ดี เขาไม่อยากแจ้งความจับพนักงานของตัวเองเข้าคุกอีก เพราะฝ่ายจัดซื้อเป็นฝ่ายที่สุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตได้ง่าย
“แล้วคนที่หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อเขาให้ลุงไปรับชื่ออะไร”
ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่
หญิงสาวสวยร่างเพรียวแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสไตล์ชิคที่จับคู่แมตช์ง่ายๆ ระหว่างเสื้อยืดลายน่ารักเนื้อดีสีขาวกับกระโปรงยาวสีน้ำเงินเข้มลายเก๋ สองขาเรียวกำลังลากกระเป๋าเดินทางไปตามทางเดินของผู้โดยสารขาออก ความสดใสที่มีเป็นทุนเดิมยิ่งขับเน้นให้วัยยี่สิบหกในปีนี้ของเขมขิมดูสวยสะพรั่งขึ้นเป็นหลายเท่าตัว
เขมขิมมีใบหน้าขาวผ่อง อิ่มเอิบ ริมฝีปากสีแดงสดตัดกับฟันขาวราวไข่มุก ทั้งหมดเป็นเพราะเธอดูแลตัวเองอย่างดีมาโดยตลอด
หลังจากผ่านไปชั่วโมงเศษ น้ำเปล่าในขวดใสถูกดื่มลงคอจนหมดขวด ดวงตาเรียวงามเปี่ยมเสน่ห์กวาดมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ แต่หญิงสาวไม่อาจจับใจความได้
หญิงสาวหลับตาลง เม้มริมฝากแน่น หลังจากเครื่องบินโดยสารเที่ยวบินราคาประหยัดพาเธอเหินฟ้ามาถึงท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่สำเร็จตามหน้าที่ เธอเองก็กำลังมีหน้าที่ใหม่ที่ต้องทำเช่นกัน
ในขณะที่ความเหนื่อยล้าภายในใจกำลังก่อตัว เสียงเรียกชื่อเขมขิมระรัวก็สลายห้วงภวังค์ของเธอ “คุณชื่อเขมขิมหรือเปล่า”
ดวงตากลมโตมองไปตามทิศทางของเสียงที่มาจากด้านขวา เมื่อแหงนคอเงยหน้าขึ้นไป หญิงสาวรู้สึกว่ากำลังถูกตรึงไว้กับที่ด้วยดวงตาคมเข้มดุดัน มือน้อยยกทาบอก ตะลึงพรึงเพริด คิ้วเรียวสวยเลิกสูงมองใบหน้าที่มีเค้าลางว่าหล่อจัด แต่เวลานี้เต็มไปด้วยหนวดเครารกครึ้มจนน่าตกใจ แล้วความฝันอันเลวร้ายก็ผุดขึ้นมา
“คุณ...”
“เธอเองเหรอ...”
เขาจำเธอได้แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมานานแล้วก็ตาม หญิงสาวหน้าใสที่ยืนจ้องเขาตาแป๋วในวันที่เขายังไม่สร่างเมา แต่พอเขาเห็นสายตาจดจ้องลงมาที่ตรงกลางระหว่างขาเขาก็สร่างเมาทันที รู้ตัวอีกทีตอนเหมราชสะกิดว่าเขากำลังยืนตัวเปล่าล่อนจ้อนแล้วโยนผ้ามาให้
“เกย์เถื่อน” เขมขิมรีบยอกมือปิดปากแต่ไม่ทันแล้ว
"อะไรนะพูดต่อให้จบ พูดให้ดีนะ ใครเป็นเกย์” เขาคำรามใส่อย่างหงุดหงิดแต่เขมขิมไม่กล้าพูดต่อ
พนาคำราม ดวงตาคมเข้มดูดุดันขึ้นไปอีก "คนอย่างฉันไม่ใช่เกย์แน่" ในหัวของเขาผุดภาพสาวน้อยที่จ้องของรักเขาตาเขม็ง "หรือในหัวเธอยังติดภาพนั้น" เขากระซิบเบาๆแต่แฝงแววเหี้ยมเกรียมชวนให้คนฟังขนลุก “มัน...อาจจะเกไปทั้งซ้ายนิดหน่อย"
เขมขิมหน้าแดงจัด อยากจะกรีดร้อง เพราะรู้ดีว่าเขาพูดเรื่องอะไร "คนบ้า ฉันไม่สนใจหรอกว่าของคุณจะเกไปทางซ้ายหรือเกไปทางขวา ไม่ต้องมาพูดให้ฉันฟัง"
หญิงสาวหน้าแดง โมโหจนตัวสั่น อยากยกขาขึ้นเตะผ่าหมากเขาสักทีสองทีแต่ไม่กล้า เมื่อยืนใกล้เขาตัวเธอเล็กไปถนัดตา แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาจะทะเลาะเพราะเธอต้องรีบไปรายงานตัวกับเจ้านายใหม่
“ฉันแค่สงสัยว่าคุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไง แล้วมาทักฉันทำไม”
พนายกมือกอดอก มองคนตัวเล็กตรงหน้าขึ้นลง เขมขิมเห็นก็ขึงตาใส่
“มองอะไร”
“มองว่าเธอก็น่ารักเหมือนกันเสียแต่...”
“เสียแต่อะไร” เขมขิมแหวกลับ รู้สึกไม่ชอบสายตากรุ้มกริ่ม มองโลมเลียแบบนี้เลยสิ โชคดีที่เจอกันแค่ไม่นานเดี๋ยวก็ไม่ต้องเจอแล้ว
พนาเลิกคิ้วขึ้นสูง ยิ้มยียวน เขาคิดว่าเธอดูใสซื่อ ไม่ได้จะว่าอะไรหรอก แต่ก็ไม่อยากพูดออกไป เพราะมีงานอีกมากที่ต้องไปทำ