ตอนที่ 2 จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย

1751 คำ
ย้อนกลับไปหลายวันก่อนในบ้านหลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่แถบชานเมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ขนมเบื้อง สิริกาญกุล ลูกสาวคนเดียวของเจ้าของบ้านนั่งหน้างอไม่สบอารมณ์อยู่บนโซฟาสุดหรู พยายามระงับความโกรธที่กำลังพวยพุ่งออกจากอกเมื่อบิดาที่เคารพรักสั่งให้เธอแต่งงานกับหลานชายของแม่เลี้ยง ผู้หญิงที่เธอเกลียดเข้ากระดูกดำ ผู้หญิงที่เข้ามาแย่งความรักของพ่อไปจนหมด เธอไม่มีทางยอมเดินตามเกมของนางแม่มดเด็ดขาด ฟ้าถล่มดินทลายยังไงเธอก็ไม่ยอม! “หนูไม่แต่งงานเด็ดขาด” น้ำเสียงแข็งกระด้างของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเอ่ยขึ้นมาหลังจากฟังบิดาพูดจบประโยค พร้อมกับหันไปมองแม่เลี้ยงสาวที่นั่งข้าง ๆ บิดาของเธอด้วยความเกลียดชัง ตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในบ้านหลังนี้เธอกับพ่อก็แทบจะทะเลาะกันตลอด “ทำไมล่ะลูก ป๊าว่าพี่เขาก็นิสัยดีนะ ขยันทำมาหากิน” เฮียมั่นบอกลูกสาวด้วยความใจเย็น เขามองลูกน้อยที่เพิ่งเรียนจบด้วยสายตารักใคร่ ถึงแม้ไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดเห็นของภรรยาใหม่แต่ก็อดคิดตามไม่ได้เหมือนกัน สุดท้ายก็เออออห่อหมกเห็นดีเห็นงามอยากให้ลูกสาวแต่งงานออกเรือนกับผู้ชายดี ๆ ในขณะที่ตนเองยังมีชีวิต “ไม่ค่ะ สามีของหนู หนูจะหาเอง” หัวเด็ดตีนขาดยังไงเธอก็ไม่มีทางแต่งงานตามคำสั่งของบิดา ใบหน้าอมชมพูจึงแดงก่ำอย่างไม่ต้องสงสัยถึงสาเหตุของความโกรธ ถ้าเธอต้องแต่งงานกับหลานของนางแม่มดจอมหลอกลวง เธอยอมตายเสียดีกว่า “แต่ป๊าเป็นห่วงกลัวหนูจะโดนหลอก” เพราะกลัวว่าตนเองจะตายก่อนที่ลูกจะได้เจอคนดี ๆ จึงอยากให้ขนมเบื้องแต่งงานกับชัยนนท์ หลานของภรรยาใหม่ เขาจะได้ตายตาหลับไม่ต้องห่วงใด ๆ อีก ตามที่เพลงพิณแนะนำเมื่อสามวันก่อน “นั่นน่ะสิจ๊ะหนูขนมเบื้อง น้าว่าหนูแต่งงานกับตาชัยดีที่สุดแล้ว ป๊าของหนูเห็นนิสัยใจคอของตาชัยหลานน้ามาหลายปี ไม่เคยทำอะไรให้เสื่อมเสีย หน้าที่การงานก็มั่นคง หน้าตาก็ไม่เป็นสองรองใคร แต่งงานไปหนูมีแต่สบาย” คนที่นั่งนิ่ง ๆ ฟังสองพ่อลูกเถียงกันไปมาออกความเห็นบ้าง ทั้งน้ำเสียงและแววตาทำให้เฮียมั่นซึ้งใจไม่น้อยที่เพลงพิณเป็นห่วงลูกสาวของตน “ใช่ลูก ตามที่น้าพิณพูดเลย” “ไม่แต่งค่ะ หัวเด็ดตีนขาดยังไงหนูก็ไม่แต่ง” “แต่ป๊าเป็นห่วงหนู อยากให้มีใครสักคนมาดูแลยามที่ป๊าไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว” “ทำไมป๊าพูดแบบนั้นคะ ป๊าเป็นอะไรคะ” เธอถามด้วยความเป็นห่วง น้ำตาคลอกลัวบิดาจะเป็นอะไรไปเหมือนมารดาที่เสียชีวิตเพราะโรคร้ายเมื่อหลายปีก่อน “เปล่า ๆ ป๊าไม่ได้เป็นอะไรแค่พูดตามความจริง เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต” “งั้นหนูก็ยืนยันคำเดิม สามีของหนูต้องไม่ใช่หลานของผู้หญิงคนนี้” ได้ยินแบบนั้นเธอก็สบายใจขึ้นเหมือนเดิมพร้อมกับชี้ไปที่ผู้หญิงซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยงอย่างไม่ชอบใจ เพลงพิณแต่งงานกับพ่อของเธอหลังจากที่หล่อนเป็นหม้ายไม่ถึงปี อายุก็ห่างกับตนเองไม่มาก ดูก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้รักบิดาของเธอจริง นอกจากสมบัติ แต่บิดาของเธอเนี่ยสิทำไมถึงมองไม่ออก “หนูขนมเบื้อง/ขนมเบื้องพูดแบบนี้ได้ยังไง ขอโทษน้าพิณเดี๋ยวนี้” “ไม่ค่ะ หนูไม่ได้ทำอะไรผิดหนูไม่ขอโทษ” “ขนมเบื้อง ป๊าไม่เคยสอนให้ลูกก้าวร้าวกับผู้ใหญ่” “คุณพี่ใจเย็น ๆ ค่ะ พิณผิดเองที่ไปยุ่งวุ่นวายกับหนูขนมเบื้องทั้งที่เป็นคนนอก” “รู้ตัวก็ดี” ลูกเลี้ยงเบ้ปากอย่างสะอิดสะเอียนเมื่อได้ยินแม่เลี้ยงเรียกบิดาของเธอที่มีอายุมากกว่าเจ้าหล่อนว่าคุณพี่ได้หน้าตาเฉย ถ้าอ้วกตรงนี้ได้เธออ้วกไปแล้วแน่ ขนกายลุกพรึบยิ่งกว่าเห็นผีเสียอีก “ขนมเบื้อง หยุดพูดจาก้าวร้าวน้าพิณเดี๋ยวนี้” เฮียมั่นเอ่ยกับลูกสาวเสียงเข้มอย่างเช่นทุกครั้งที่ขนมเบื้องแสดงอาการไม่ชอบภรรยาเด็กของตนเอง เขาไม่เข้าใจลูกสาวจริง ๆ จะจงเกลียดจงชังเพลงพิณทำไม ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้รักเมียใหม่มากกว่าลูกสาวเลย “ไม่เป็นไรค่ะ คุณพี่ใจเย็น ๆ ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพิณขอตัวก่อนดีกว่า” เพลงพิณ แม่หม้ายสาวสวยที่ได้แต่งงานกับเจ้าของร้านทองแสดงสีหน้าสลด เอ่ยด้วยความน้อยใจแล้วรีบก้าวเท้าออกจากห้องนั่งเล่นทำเหมือนเสียใจหนักหนาที่โดนลูกเลี้ยงวัยใกล้เคียงกันเห็นตัวเองเป็นคนนอก เมื่อพ้นรัศมีของสองพ่อลูก ใบหน้าเศร้าสร้อยก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดอยากจะจับลูกของสามีใหม่มาตบสักฉาดสองฉาดให้หายปากดี ก่อนที่จะเดินปึงปังขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อรอสามีวัยกลางคนมาง้ออย่างเช่นทุกครั้งที่เธอมีปากเสียงกับลูกเลี้ยง หลังจากคนนอกตามที่ขนมเบื้องเรียกออกไปจากห้องรับแขก เฮียมั่นเจ้าของร้านทองที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย ลูกสาวสุดที่รักไม่เคยลงรอยกับเมียใหม่เลยสักครั้งนับแต่เพลงพิณเข้ามาในบ้านหลังนี้ จะโทษลูกก็ไม่ได้ในเมื่อเขาเองก็ไม่เคยบอกลูกว่ากำลังดูใจกับม่ายสาว ขนมเบื้องรู้อีกทีก็ตอนที่เขาจะแต่งงานกับเพลงพิณแล้ว และจากนั้นมาเด็กน้อยที่เคยว่านอนสอนง่ายก็กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจอย่างกับคนละคน “ป๊าไม่เข้าใจหนูจะตั้งแง่กับน้าพิณไปทำไม น้าพิณเขาเป็นคนดี ดูแลป๊า ดูแลหนู” “คนดีต่อหน้าป๊า คนชั่วลับหลังป๊าน่ะสิ คนแบบนั้นแสดงละครเก่ง ป๊าไม่มีทางทันเขาหรอก” “แล้วเขาทำอะไรล่ะ หนูถึงได้บอกว่าเขาชั่ว” คุณพ่อเอ่ยถามลูกสาวจากใจจริง ถ้าเพลงพิณทำอะไรขนมเบื้องโดยที่เขาไม่รู้ละก็รับรองเลยว่าม่ายสาวได้กระเด็นออกจากบ้านหลังนี้แน่ นับตั้งแต่แม่ของขนมเบื้องเสียไปเฮียมั่นก็ไม่เคยชายตาแลผู้หญิงคนไหนอีกเลยจนกระทั่งมาเจอม่ายสาวสามีตายคนนี้ ด้วยความที่เพลงพิณหน้าตาสะสวย ผิวพรรณดี ขาวอมชมพู รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น คล้ายเมียเก่าทำให้พ่อหม้ายเมียตายหลายปีเกิดอาการหวั่นไหว และเห็นว่าลูกสาวโตพอที่จะเข้าใจความรักของพ่อจึงตกลงปลงใจแต่งงานกับเพลงพิณ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รักลูกที่สุด ใครแตะต้องลูกเขาไม่เอาไว้เหมือนกันต่อให้คนนั้นคือเพลงพิณก็เถอะ “พูดไปป๊าก็ไม่เชื่อเพราะหนูไม่มีหลักฐาน” ลูกสาวถอนหายใจแบบปลง ๆ เพราะไม่มีหลักฐานมัดตัวเมียใหม่ของพ่อ เธอโดนแม่เลี้ยงพูดจาไม่ดีใส่ตั้งหลายครั้ง และโดนกลั่นแกล้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ยามที่กลับมาอยู่บ้านในช่วงมหาลัยปิดเทอม แต่เธอไม่มีหลักฐานพูดไปบิดาก็ไม่เชื่อเพราะผู้หญิงคนนั้นเล่นละครเก่ง โยนความผิดให้เธอตลอด โชคดีที่บิดาแต่งงานกับนางปีศาจช่วงที่เธอขึ้นปีสี่พอดีจึงไม่ค่อยได้กลับบ้านนัก ไม่อย่างนั้นบ้านแตกไปตั้งนานแล้ว “งั้นเรื่องอื่นเอาไว้ก่อน แต่เรื่องแต่งงานป๊าอยากให้หนูคิดอีกครั้ง” “คิดกี่ครั้งหนูก็ให้คำตอบป๊าเหมือนเดิมค่ะ หนูจะหาสามีเอง” ลูกสาวตอบเหมือนเดิมทำให้คนเป็นพ่อต้องหาวิธีใหม่ที่จะทำให้ขนมเบื้องยินยอม “เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ป๊าให้เวลาหนูหนึ่งปี ถ้าหนูหาผู้ชายดีกว่าตาชัยได้ ป๊าจะตามใจหนู แต่ถ้าหนูหาผู้ชายที่ดีกว่าตาชัยไม่ได้ หนูต้องแต่งงานกับตาชัย ห้ามขัดคำสั่งป๊า ตกลงไหม” “ตกลงค่ะ หนูรับคำท้า คนอย่างขนมเบื้องต้องหาผู้ชายที่ดีกว่าชัยนนท์ได้แน่นอน ป๊าคอยดู” “แล้วป๊าจะคอยดู” นายมุ่งมั่นหรือเฮียมั่นยกยิ้มมุมปากที่ลูกสาวยอมรับคำท้าอย่างง่ายดาย เขาคิดว่าขนมเบื้องไม่มีทางหาผู้ชายที่ดีไปกว่าชัยนนท์หลานของภรรยาใหม่แน่นอน ภายในหนึ่งปีลูกสาวของเขาจะหาผู้ชายแบบนั้นมาได้ยังไง ไม่มีทางหรอก สุดท้ายลูกสาวสุดที่รักก็ทำไม่สำเร็จและแต่งงานกับคนที่ตัวเองไว้วางใจ โดยหารู้ไม่ว่าสวรรค์ไม่ได้กำหนดให้ขนมเบื้องมาเป็นคู่ครองกับชัยนนท์ แต่กำหนดให้เป็นคู่ครองของใครอีกคนที่มีโปรไฟล์ดีกว่าเป็นเท่าตัว ส่วนลูกสาวก็ยิ้มไม่ต่างจากบิดาเพราะมั่นใจมากว่าตัวเองจะชนะในการเดิมพันครั้งนี้ แค่หาสามีดี ๆ สักคนมันจะไปยากอะไร อย่างน้อยก็มีแล้วหนึ่งคนที่เข้าตาเธอและคนคนนั้นก็โปรไฟล์ดีกว่าอีตาชัยตั้งเยอะ คอยดูนะ เธอต้องลากผู้ชายคนนั้นมาหาบิดาในฐานะสามีให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม เพราะความมุ่งมั่นและอยากเอาชนะทำให้เช้าวันใหม่สาวน้อยร่างบางรีบลากกระเป๋าออกจากบ้านไปขึ้นรถโดยสารสาธารณะที่แล่นผ่านไร่ส้มของตระกูลอัครโภภาคินเพื่อเข้าไปสมัครงานในฐานะคนงานเก็บส้ม โชคดีที่เมื่อวานเธอออกมาเดินซื้อของในตลาดละแวกบ้านจึงได้ยินคนในตลาดพูดถึงการรับสมัครงานของไร่อัครโภภาคินซึ่งกำลังต้องการคนงานเก็บส้มเพิ่ม ขนมเบื้องจึงไม่ลังเลที่จะเข้าไปสมัคร ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าเจ้าของไร่หน้าตาเป็นอย่างไร นิสัยดีไหม หรือฐานะดีถึงขั้นไหน แต่เธอมั่นใจมากว่าเขาต้องหล่อ รวย และนิสัยดีกว่าอีตาชัยนนท์หลานชายของยัยแม่มดเพลงพิณแน่นอน ไม่อย่างนั้นเพื่อน ๆ ของเธอคงไม่เอ่ยถึงผู้ชายที่เป็นเจ้าของไร่ส้มนามว่า คิน อัครโภภาคินทุกครั้งเวลาที่เห็นผลส้มจากไร่อัครโภภาคิน แต่ละคนเพ้อฝันไปไกลอย่างกับคนดมกาว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม