เมื่อประตูห้องนอนปิดลงขนมเบื้องก็ทรุดอยู่บนพื้นอย่างคนอ่อนแรง เธอโดนเจ้านายหนุ่มจูบเอาเป็นเอาตายพอจูบเสร็จเขาก็เดินออกไปจากห้องของเธอโดยไม่พูดไม่จา ไม่มีคำอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้นถึงพฤติกรรมอันน่าสงสัยนี้
หญิงสาวได้แต่นั่งฮึดฮัดอยู่บนพื้นเพียงลำพังด้วยความไม่เข้าใจแต่คิดอีกทีมันก็ดีเหมือนกันการกระทำของเขาบ่งบอกได้ว่าการจับเจ้านายมาทำผัวมันไม่ใช่เรื่องยาก
ตกเย็นเจ้านายสุดหล่อก็มีคำสั่งให้ลูกจ้างสาวเข้าไปช่วยงานในครัวเป็นลูกมือป้ามะลิ ขนมเบื้องจึงรีบทำตามคำสั่งอย่างไม่อิดออด แต่เธอเกิดมาเป็นลูกคุณหนูจึงไม่เคยหยิบจับอะไรเลย ทำให้ห้องครัวอันแสบสงบสุขมีเสียงร้องวี้ดว้ายของหญิงสูงวัยเป็นระยะ ๆ ยาดมในมือจ่ออยู่ปลายจมูกตลอดเวลา
“พอ ๆ เลิกหั่นผักแล้วไปล้างจาน ป้าเห็นแล้วหวาดเสียว”
“อีกนิดเดียวเองจ้าป้ามะลิ หนูทำได้”
“จ้าแม่คุณ ป้าเห็นว่าทำได้… แต่ทำได้เละน่ะสิ”
“ก็หนูไม่เคยเข้าครัว งั้นหนูช่วยป้าทำอย่างอื่นก็ได้ค่ะ”
“งั้นล้างพวกจานแล้วกัน”
“ได้จ้า ล้างจานแค่นี้สบายมาก”
เธอตอบด้วยความมั่นใจถึงแม้จะไม่ค่อยได้ทำก็ตาม การล้างถ้วยล้างจานเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพราะฉะนั้นเรื่องแค่นี้ต้องสำเร็จและผ่านฉลุย
ขนมเบื้องคิดอย่างมาดมั่นก่อนจะเดินไปยืนตรงอ้างล้างจานแล้วเริ่มจับฟองน้ำกดน้ำยาล้างจานใส่ลงไป พลางขยำ ๆ ให้มันมีฟอง
จากนั้นก็เริ่มล้างจานใบที่หนึ่ง ใบที่สอง ต่อด้วยใบที่สามอย่างระมัดระวัง โดยมีสายตาของป้ามะลิและเจ้านายหนุ่มคอยสังเกต
คินเป็นห่วงกลัวขนมเบื้องจะทำให้ป้ามะลิทำงานช้าจึงแอบลงมาดู พอเห็นว่าหญิงสาวทำได้ก็เผยรอยยิ้มออกมาเหมือนคนกำลังถูกใจอะไรบางอย่าง และรอยยิ้มที่เผลอไผลก็ชวนให้คนที่บังเอิญหันไปเห็นเกิดความสงสัย
“อ้าว คุณคินมาทำอะไรตรงนี้คะ”
“มาดูความเสียหายครับ”
“แน่ใจนะคะ แค่มาดูความเสียหาย”
“แน่ใจครับป้ามะลิ”
“ยังไม่มีอะไรเสียหายค่ะ”
เพล้งงงงงงงงง ไม่ทันขาดคำ เสียงจานตกแตกก็ดังขึ้นมาแทรกการสนทนาของทั้งสองคนที่หันมามองทางขนมเบื้องเป็นตาเดียว
ป้ามะลิถอนหายใจเฮือกมองลูกมือคนใหม่สลับกับพื้นแล้วส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เพราะบนพื้นเต็มไปด้วยเศษกระเบื้องและฟองสบู่ ส่วนคนทำก็ยืนอึ้งด้วยความตกใจ คาดไม่ถึงว่าตนเองจะพลาดทำจานของเจ้านายแตกคาตาชายหนุ่ม
“หนูขอโทษค่ะ มันหลุดมือเดี๋ยวหนูเก็บให้เองค่ะ”
“หยุด คุณไม่ต้องขยับ”
“ทะ… ทำไมคะ”
“เท้าของคุณโดนบาด”
เขาพูดจบเธอก็ก้มลงมองที่เท้าของตัวเองทันที จึงเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบนเท้า ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังตกใจกับบาดแผล
ชายหนุ่มก็เดินมาถึงตัวเธอพอดี แล้วจับมือของเธอที่กำลังเปื้อนฟองไปล้างในน้ำจากนั้นก็อุ้มคนตัวเล็กขึ้นแนบอก ก่อนจะหันไปบอกให้ป้ามะลิช่วยจัดการเศษกระเบื้องแทนคนทำแตกที่ไม่พูดไม่จาสักคำ
เขาพาเธอออกมาทำแผลเสร็จก็สั่งให้ไปพักและห้ามทำงานจนกว่าจะหายดี ขนมเบื้องรู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง แค่ล้างจานยังพลาด แต่เรื่องจับเขาทำสามีเธอไม่พลาดแน่นอน หญิงสาวคิดอย่างไม่ยอมแพ้ในขณะเอนตัวนอนบนเตียงหลังจากที่ทำแผลเสร็จ
หลายวันผ่านไปอาการบาดเจ็บของขนมเบื้องดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบจะหายสนิท ทันทีที่เธอรู้ว่าเจ้านายหนุ่มจะออกไปในตัวเมืองจึงอ้อนขอติดรถไปด้วย เพราะเธออยากไปซื้อของใช้ส่วนตัว
คราแรกคินไม่อยากให้ไปเพราะเห็นว่าเท้ายังไม่หายดี เดี๋ยวไปเดินตะลอน ๆ เท้าจะเจ็บขึ้นมาอีก แต่ก็แพ้ลูกอ้อนจึงตอบตกลงอย่างจำยอม ในระหว่างที่ขับรถออกมาหญิงสาวก็ชวนชายหนุ่มคุยเจื้อยแจ้วไปเรื่อย มารู้ตัวอีกทีก็ถึงจุดหมายปลายทางเสียแล้ว
“ถึงแล้วครับ ผมทำธุระในร้านนั้น คุณไปรอผมก่อนแล้วเราค่อยไปซื้อของด้วยกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไปเองได้”
ด้วยความเกรงใจขนมเบื้องจึงปฏิเสธ แต่คินไม่อยากให้เธอเดินคนเดียว เขากลัวว่าเธอจะหกล้มแข้งขาหักแล้วลำบากตัวเขาอีก ไม่ใช่ว่าห่วงอะไรหรอก คนตัวโตให้เหตุผลกับตัวเองอย่างนั้นจึงพูดออกไปพร้อมกับใช้สายตาข่มขู่ให้ขนมเบื้องทำตามคำสั่ง
“ไม่ได้ เดี๋ยวเกิดเดินล้มแข้งขาหักผมก็ลำบากอีกสิ”
“คุณคินอะ ก็ได้ ๆ มองแรงจัง” หญิงสาวเกือบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของชายหนุ่มจึงตอบตกลงอย่างจำยอม แล้วเดินตามเจ้านายเข้าไปในร้าน
เมื่อเข้ามาในร้านกาแฟเขาก็สั่งให้เธอไปรอที่โต๊ะข้างในสุด ส่วนตัวเองจะไปคุยธุระกับเจ้าของร้านซึ่งเป็นเพื่อนกัน และในระหว่างที่หญิงสาวกำลังนั่งเขี่ยโทรศัพท์เพียงลำพัง จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคนทักจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง ตาทั้งสองข้างเบิกกว้างด้วยความตกใจทันทีเพราะคนที่มาทักเป็นคนที่เธอไม่อยากเจอ
“ชัยนนท์”
“ว้าว น้องขนมเบื้องของพี่ชัยจริง ๆ ด้วย” เขาทักพร้อมกับจับมือเธอขึ้นมากุมอย่างพวกผู้ชายที่ชอบฉวยโอกาส
“นี่ ปล่อยมือฉันนะ” ขนมเบื้องพยายามสะบัดมือออกจากการเกาะกุมด้วยความรังเกียจ และพยายามมองหาตัวช่วยแต่ก็ไม่พบ เพราะจุดที่เธอนั่งค่อนข้างส่วนตัว จึงภาวนาขอให้คินทำธุระเสร็จเร็ว ๆ
“ไม่ปล่อย เราเป็นคู่หมั้นกัน จับมือถือแขนแค่นี้ไม่เห็นอะไรเลย”
“หุบปากเน่า ๆ ของแกเดี๋ยวนี้ ฉันกับแกไม่ได้เป็นอะไรกัน ปล่อยนะ ปล่อย”
“ไม่ปล่อย น้องต้องไปกับพี่”
“ปล่อยมือคนของผมด้วยครับคุณ”
และแล้วเสียงสวรรค์ก็มีจริง ๆ คินคุยธุระกับเพื่อนเสร็จจึงเดินมาหาลูกจ้างสาว แต่ภาพที่เขาเห็นทำให้หัวใจเดือดไม่น้อย ผู้ชายคนนี้เป็นใคร กล้าดียังไงถึงมาจับมือเด็กของเขา ขนมเบื้องได้ยินเสียงคินก็ยิ้มกว้างก่อนสะบัดมือออกจากเกาะกุมอย่างแรงและวิ่งไปหลบข้างหลังเจ้านายทันที
“คุณคินช่วยหนูด้วย”
“มึงเป็นใคร”
ชัยนนท์ถามด้วยความเดือดดาลพลางจ้องคินอย่างไม่วางตา
“เขาเป็นผัวฉัน”
“ผัว! ไม่จริง น้องอย่ามาหลอกพี่เลย”
“จริง ใช่ไหมคะพี่คิน”
เธอเงยหน้ามองสามีปลอม ๆ แล้วอ้อนวอนทางสายตาเพื่อให้เขาสวมบทบาทเป็นสามีชั่วคราวหลอกชัยนนท์ แถมยังเรียกเจ้านายว่าพี่อีก ชวนให้คินจักจี้หัวใจไม่น้อย คนตัวโตเห็นดังนั้นจึงพยักหน้าตอบรับและเอ่ยเสียงเข้มเออออห่อหมกถือว่าช่วยลูกนกลูกกา กลับไร่เมื่อไหร่เธอโดนเขาซักฟอกแน่
“ใช่ ผมเป็นสามีของเธอ”
“พี่ไม่เชื่อ คุณลุงบอกพี่ว่าน้องออกไปหาประสบการณ์ชีวิต อยู่ ๆ จะมีผัวได้ยังไง”
“นี่แหละการหาประสบการณ์ชีวิต”
“พี่ไม่เชื่อ”
“แล้วแต่ ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ ไปกันเถอะค่ะคุณสามี”
เธอตัดบทเพราะไม่อยากเสวนาด้วย ในขณะที่กำลังดึงแขนชายหนุ่มให้ออกจากร้านก็เจอกับแม่เลี้ยงของตนเองที่กำลังเดินเข้ามาในร้านพอดี หญิงสาวถึงกับพ่นลมหายใจออกทางปากแล้วกลอกตามองบนหนึ่งทีด้วยความเซ็ง ไม่น่าเลย เธอไม่น่าขอตามเขาออกมาเลย
ดวงซวยชัด ๆ วันนี้
“อ้าวหนูขนมเบื้อง ไม่ได้เจอหลายวัน ไปอยู่ที่ไหนมาจ๊ะ”
“...” ขนมเบื้องไม่ตอบแล้วเชิดหน้ามองแม่เลี้ยงด้วยสายตาเกลียดชัง
“เห็นคุณพี่บอกว่าออกไปทำงาน หนูทำที่ไหนจ๊ะ”
“เขาไม่ได้ไปทำงานหรอกน้าพิณ เขาไปหาผัว”
“ว้าย คุณชัยพูดอะไรแบบนั้น เดี๋ยวน้องเสียหายนะคะ”
จริง ๆ ชัยนนท์ไม่ใช่หลานแท้ ๆ ของเธอ แต่เป็นหลานของสามีที่ตายไปจึงเรียกเขาว่าคุณ
“ก็ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นั่นไง น้องขนมบอกว่าเป็นผัว”
“จริงเหรอคะ ออกจากบ้านได้ไม่นานก็มีผัวแล้ว น้ารู้สึกสงสารคุณพี่จังเลยค่ะที่มีลูกแบบนี้”
“ฉันก็สงสารคุณพ่อเหมือนกันที่เมียแบบนี้ ไปกันเถอะค่ะพี่คิน”
“อย่าเพิ่งไปสิจ๊ะ หนูขนมจะไม่แนะนำสามีให้น้ารู้จักหน่อยเหรอ ยังไงน้าก็เป็นเมียของคุณพี่”
“ไม่จำเป็น”
“ที่ไม่กล้าแนะนำเพราะผู้ชายคนนี้จน ไม่มีหัวนอนปลายเท้า สู้คุณชัยไม่ได้สินะ”
“ใช่แน่นอนครับน้าพิณ น้องขนมเลิกกับมันตอนนี้ยังทัน เรื่องอดีตพี่ไม่ถือ”
“คงไม่ได้หรอกครับ เมียผมรักผมมาก ขนมเบื้องเป็นผู้หญิงฉลาด รู้ว่าอะไรควรเลือก อะไรไม่ควรเลือก ผมกับเมียขอตัวก่อนนะครับ เอ้อ ลืมแนะนำตัว ผมชื่อ คิน อัครโภภาคิน เจ้าของไร่ส้มอัครโภภาคิน หวังว่าเคยได้ยินมาบ้างนะครับ”
คินเอ่ยแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงราบเรียบน่าเกรงขามพลางใช้สายตาพิฆาตมองเพลงพิณกับชัยนนท์ ก่อนจะโอบเอวขนมเบื้องอย่างแนบชิดสนิทอย่างคนเป็นผัวเมียกันจริง ๆ แล้วพาออกจากร้านไป ปล่อยให้คนทั้งสองยืนตะลึงกับข้อมูลที่ได้ยิน
เพลงพิณกัดฟันกรอดด้วยความไม่พอใจที่เอาชนะลูกเลี้ยงไม่ได้ จากนั้นก็สะบัดตูดออกจากร้านอีกคน ชัยนนท์เห็นอย่างนั้นจึงรีบเดินตามน้าสาวไปทันที แล้วทั้งคู่ก็นั่งรถออกไปด้วยกัน
ทางด้านหญิงสาวตัวต้นเหตุ เมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยก็แสยะยิ้มตรงมุมปากและหัวเราะคิกคักด้วยความถูกใจที่คินพูดตอกกลับเพลงพิณกับชัยนนท์ให้หน้าหงาย
แต่ความสะใจก็เปลี่ยนเป็นความกังวลแทนเมื่อเจ้านายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้ม ๆ คาดโทษเธอ ก่อนจะขับรถกลับไร่ส้มอย่างรวดเร็ว
“กลับไปถึงไร่ ผมขอคำอธิบาย”
“คุณคิน”
ขนมเบื้องนั่งตัวเกร็งไปตลอดทางเพราะไม่รู้จะแก้ตัวแบบไหน หรือเธอจะพูดความจริงว่าทำไมถึงมาที่ไร่แห่งนี้เผื่อคินจะเห็นใจรับเธอเป็นเมียจริง ๆ แล้วถ้าเขาไม่เห็นใจไล่เธอออกจากไร่จะทำอย่างไรดี
‘ป๊าต้องจับแต่งงานกับอีตาชัยแน่’
‘ไม่ได้ ๆ เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด’
‘หึ ๆ รวบหัวรวบหางก็สิ้นเรื่อง’