แสนขวัญไม่ทักทายเนตรทราย เพราะจดจำหญิงสาวคนนี้ไม่ได้ แม้ตอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เนตรทรายเพียรไปเยี่ยมเยียนแทบทุกวัน พอกลับมาพักฟื้นที่บ้าน อีกฝ่ายก็แวะเวียนมาหาไม่ได้ขาด กระนั้นหญิงสาวก็ยังจำอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี
“แสน จำได้ไหมว่าวันนี้ของทุกปี พวกเราจะจัดงานเลี้ยงรุ่นกัน” เนตรทรายเอ่ยถามแสนขวัญพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ไม่! ฉันจำไม่ได้”
แสนขวัญตอบเสียงแผ่วเบา ก่อนจะหลุบสายตาลงไม่ให้ใครเห็นความรู้สึกที่ตนเองซุกซ่อนอยู่ในใจ ตอนนี้หัวสมองของเธอว่างเปล่าไม่ต่างจากแก้วไร้น้ำ ไม่มีความทรงจำใดๆ เหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว
“ไม่เป็นไรจ้ะ แสนจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเนตรพาแสนไปเองนะ”
“ฉันไม่อยากไป ฉันจำใครไม่ได้ แม้กระทั่งเนตรทราย”
เนตรทรายถึงกับหันไปมองสบตากับขวัญข้าว ต่างก็พาถอนหายใจยาวด้วยความหนักใจ ก่อนเนตรทรายจะเอ่ยขอร้องเพื่อนสาวต่อ
“ตอนนี้แสนอาจจำเราหรือเพื่อนคนอื่นๆ ยังไม่ได้ แต่การได้ไปเห็นบรรยากาศเก่าๆ ได้เห็นเพื่อนๆ ที่เราเรียนมหา’ลัยด้วยกันถึงสี่ปี อาจเป็นการช่วยฟื้นความทรงจำของแสนให้กลับมาทีละนิดก็ได้”
“ข้าวเห็นด้วยกับที่พี่เนตรพูด พี่แสนไปงานเลี้ยงรุ่นเถอะนะคะ”
แสนขวัญอยากปฏิเสธเหลือเกิน แต่พอถูกน้องสาวขอร้องจึงจำต้องพยักหน้ารับในที่สุด
“พี่ไปก็ได้จ้ะ แต่ไม่จำเป็นต้องไปซื้อเสื้อผ้าใหม่หรอก”
“อุ้ย! ไม่ได้นะแสน...เพราะงานเลี้ยงในคืนนี้ออกแนวเซ็กซี่นิดๆ และต้องใส่หน้ากากเข้าไปในงานด้วย เพราะจะมีการให้ทายว่าภายใต้หน้ากากนั้นคือใคร เราต้องไปหาซื้อเสื้อผ้าและหน้ากากให้เข้าชุดกันนะแสน”
“ใส่หน้ากากแล้วก็ทายว่าคนนั้นคือใคร”
แสนขวัญทวนคำ ไม่ได้ตื่นเต้นหรือนึกอยากไปงานเลี้ยงรุ่นที่ว่าแม้แต่นิดเดียว
“ใช่แล้วจ้ะ” เนตรทรายรับคำ ดวงตาไหวระริกขณะเอ่ยบอกต่อ “งานปีนี้จะสนุกกว่าที่ผ่านๆ มาก็ตรงนี้แหละจ้ะ ใครทายได้ถูกมากที่สุด จะมีรางวัลพิเศษให้ด้วยนะ”
“เนตรไปซื้อเสื้อผ้าคนเดียวเถอะ เดี๋ยวฉันหาเสื้อผ้าที่มีอยู่มาใส่ และทำหน้ากากใส่เองก็ได้” แสนขวัญบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงไม่อยากออกไปไหนกับเนตรทรายเพียงลำพังสองคน
“โอ๊ย! อย่างกนักเลย แม่เศรษฐี”
เนตรทรายร้องเสียงสูงต่อว่าเพื่อนสาว ก่อนจะเดินไปฉุดมือเล็กของแสนขวัญให้ผุดลุกขึ้นยืน
“ไปเร็ว ไปช้อปปิ้งกัน และก็ไปร้านเสริมสวย ขัดสีฉวีวรรณ ทำเล็บ ทำผมให้สวย ให้เริด เตรียมตัวไปงานเลี้ยงรุ่นในเย็นนี้”
แสนขวัญลอบถอนหายใจยาวเมื่อไม่อาจปฏิเสธได้ จำต้องรับคำในที่สุด
“ไปก็ได้จ้ะ”
ขวัญข้าวยิ้มให้พี่สาว พลางหันไปเอ่ยฝากฝั่งกับเนตรทราย “ฝากพี่แสนด้วยนะคะ สายมากแล้ว ข้าวต้องไปทำงานแล้วค่ะ”
“ข้าวไม่ต้องเป็นห่วงพี่แสนนะ...พี่จะดูแลพี่แสนให้เอง เพราะพี่แสนเป็นเพื่อนรักของพี่เนตร พี่ไม่มีทางทิ้งเพื่อนคนนี้อย่างแน่นอนจ้ะ”
คำพูดของเนตรทรายทำให้แสนขวัญต้องหันมามองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะเบือนหน้าหนีโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา เนตรทรายดีกับเธอมากถึงเพียงนี้ แต่ทำไมเธอกลับจำเพื่อนรักไม่ได้เลย
“ขอบคุณพี่เนตรมากนะคะที่ไม่ทิ้งพวกเราสองพี่น้อง” ขวัญข้าวเดินมาจับมือเนตรทรายไว้ คลี่ยิ้มหวานเป็นการขอบคุณอีกฝ่ายอีกครั้ง
“ข้าวไปทำงานแล้วนะคะ สายแล้วเดี๋ยวเข้าประชุมไม่ทัน”
“ไปเถอะ ข้าว...พี่จะพาพี่แสนออกไปช้อบปิ้งตอนนี้เลย เพราะกว่าจะแต่งหน้า ทำผม ทำเล็บเสร็จก็ปาไปเกือบครึ่งวันแล้ว”
“ค่ะ ช้อบปิ้งให้สนุกนะคะ พี่แสน พี่เนตร”
แสนขวัญถอนหายใจยาวอีกครั้ง ขณะมองตามร่างบางของน้องสาวที่เดินออกไปจากบ้านแล้ว พลางเอ่ยบอกเนตรทรายเสียงแผ่วเบาว่า
“รอสักครู่ ฉันไปหยิบกระเป๋ากับยาแก้ปวดหัวก่อน”
ได้ยินแสนขวัญแทนสรรพนามตัวเองเช่นนั้น เนตรทรายก็มองตาคว่ำ แสร้งตีเบาๆ ไปบนต้นแขนขาวเนียน พร้อมกับเอ็ดไปด้วย
“แสนนี่จริงๆ เลยนะ ทำไมพูดแทนตัวเองซะเหินห่างราวกับเราสองคนไม่ได้เป็นเพื่อนรักเพื่อนตายกัน พูดแทนตัวเองว่า ‘แสน’ เหมือนแต่ก่อนนะ เนตรจะได้อุ่นใจว่าได้แสนขวัญคนเดิมกลับคืนมาแล้ว”
“ก็ได้จ้ะ”
แสนขวัญพยักหน้ารับ พยายามฝืนยิ้มให้กับคนตรงหน้า ดันกายลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ แล้วบอกว่า
“แสนไปหยิบกระเป๋าก่อนนะ”
“จ้ะ เดี๋ยวเนตรนั่งรอแสนจ้ะ” เนตรทรายรับคำเสียงหวานพร้อมกับคลี่ยิ้มให้กับเพื่อนด้วย
แสนขวัญยิ้มบางๆ ให้เนตรทรายอีกครั้ง ก่อนจะบิดต้นแขนให้หลุดพ้นจากอุ้มมือของเนตรทราย เดินเร็วๆ เข้าไปในห้องนอนของตนเอง
เมื่ออยู่คนเดียวเพียงลำพัง แสนขวัญทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ยกมืออันเย็นเฉียบขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง หัวสมองเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่อาจหาคำตอบได้ว่า...เมื่อไรความทรงจำของเธอจะกลับคืนมา...
แสนขวัญกลับเข้าบ้านเมื่อเวลาล่วงเข้าไปตีสามกว่าจวนจะตีสี่ ร่างบางเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยท่าทีอิดโรย งานเลี้ยงรุ่นประจำปีไม่ได้ทำให้หญิงสาวสนุกแม้แต่นิดเดียว
พอเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นขวัญข้าวนั่งอ่านหนังสือรออยู่ในห้องนั่งเล่น แต่ไม่ทันได้เอ่ยทักน้องสาว ก็ถูกอีกฝ่ายเอ่ยถามซะก่อน
“พี่แสน กลับมาแล้วหรือคะ งานเลี้ยงรุ่นไม่สนุกหรือคะ พี่แสนถึงทำสีหน้าเหนื่อยๆ”
แสนขวัญทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกัน ส่ายหน้ารับช้าๆ เอ่ยตอบกลับอย่างอ่อนล้าเต็มที
“ไม่เลย...ข้าว พี่ไม่สนุกเลย และเหนื่อยมากด้วย นอกจากจะจำใครไม่ได้แล้ว ยังถูกเนตรลากให้ไปถ่ายรูปกับคนโน้นที คนนี้ที จนพี่แทบไม่ได้นั่งพักหายใจ”
“เพื่อนๆ คงคิดถึงพี่แสนมั้งคะ และรู้ว่าพี่แสนเพิ่งหายจากการบาดเจ็บ พวกเธอถึงได้ขอถ่ายรูปกับพี่แสน” ขวัญข้าวเอ่ยยิ้มๆ เพราะคิดว่าเป็นเช่นนั้น
แต่! แสนขวัญกลับปฏิเสธ “พี่ไม่ได้ถ่ายรูปกับเพื่อนผู้หญิงเลยสักคน เนตรลากพี่ไปถ่ายกับเพื่อนผู้ชาย บางคนโอบแขนมาบนบ่า บ้างก็กอดพี่ด้วย ซึ่งพี่ไม่ชอบเอาซะเลย”
ในขณะแสนขวัญบ่นด้วยความไม่พอใจ แต่ขวัญข้าวกลับคิดว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อบรรดาเพื่อนๆ ซึ่งหนึ่งปีได้พบหน้ากันที ก็ถ่ายรูปร่วมกันเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก