ข้อต่อรอง 1.2

1993 คำ
เป็นครั้งแรกที่องค์รัชทายาทยอมทำตามคำสั่งคนอื่น นอกเหนือจากฮ่องเต้ จะมีก็แต่แม่นางคนสวยตรงหน้าที่ทำให้ ‘ยอม’ อย่างไม่มีข้อแม้ เขารีบเดินไปมุมห้อง ยืนหันหลังให้ธิดาดอยตามคำสั่ง ธิดาดอยรีบหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ น่าแปลกที่เธอใส่เสื้อผ้าโดยไม่ต้องคิดว่าจะต้องใส่อะไรก่อนหลัง ระหว่างที่กำลังเปลี่ยนชุด ทำให้เธอไม่ทันรู้เลยว่า องค์รัชทายาทเหลียวหลังมาดูเธอเปลี่ยนชุด ดวงตาเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่เกิดความทรมานกาย อยากจะวิ่งเข้าไปจับร่างสวยทำเมีย ‘ทำไมต้องอดทนด้วยนะ’ องค์รัชทายาทคิดในใจ หากเขาปรารถนาสตรีคนใด แค่สั่งสาวนางนั้นก็จะเข้าถวายตัวกับตนอย่างง่ายดาย แต่นี่ของดีดีอยู่ตรงหน้า อยู่ในห้องของเขา แล้วทำไมเขาถึงไม่ทำตามความต้องการของตัวเอง หมิงหยางเต๋อคิดอย่างไม่เข้าใจตัวเอง “เสร็จแล้ว” ธิดาดอยเงยหน้าบอกองค์รัชทายาทที่แทบจะหันหน้ากลับไปมุมห้องแทบไม่ทัน “รอตั้งนานกว่าจะเสร็จ หิวด้วย หิวมาก” ปากบอกว่าหิว แต่ตาไม่ยักมองอาหารกลับมองธิดาดอยแทน แล้วด้วยความที่เขามองธิดาดอย ดวงตาเขานิ่งค้างกับภาพความงามของธิดาดอยที่ตอนนี้เสมือนสาวชาววังสูงศักดิ์ ความประณีตของอาภรณ์ที่สวมใส่ ส่งเสริมให้ธิดาดอยมีความงามเพลิดพริ้ง ถ้าหากเธอทำผมเหมือนสาวชาววัง เธอจะเพียบพร้อมมากกว่านี้ ชายใดได้ยลโฉมเป็นอันต้องหลงใหล ไม่ได้...เขาจะให้ใครเห็นความงามของเหมยเหมยไม่ได้ นอกจากเขาคนเดียว ความหึงหวงวิ่งพล่านในจิตใจทันทีที่คิดว่า มีสายตาบุรุษอื่นโลมเลียร่างกายแม่นกน้อยของตน “ก็กินสิ ข้าก็หิวแล้ว” ธิดาดอยไม่รอช้าทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ จับตะเกียบคีบอาหารใส่ปากทันที เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย ส่วนองค์รัชทายาทได้แต่นั่งมองเธอกิน เป็นเพราะหลิวกงกงจัดเตรียมตะเกียบมาเพียงคู่เดียว และนั่นทำให้คนที่กำลังทานอาหารจีนแบบโบราณที่ชาตินี้หากไม่เกิดเรื่องมหัศจรรย์กับตน คงไม่มีโอกาสได้ลิ้มรส ชะงักมือที่กำลังคีบเข้าปาก มองหน้าองค์รัชทายาทที่เอาแต่นั่งมองตน “อ้าว ท่านหิวไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่กินล่ะ” “หิวสิ หิวเจ้าน่ะ” ธิดาดอยมองหน้าคนหล่อที่ชอบพูดจาสองแง่สองง่ามใส่อยู่เรื่อย เขาจะรู้บ้างหรือไม่ว่า เธอก็เขินเป็นแล้วเขินถี่ด้วย “ถึงข้าจะหิวแต่ก็กินไม่ได้เพราะมีตะเกียบคู่เดียวซึ่งมันก็อยู่ในมือเจ้า”  ธิดาดอยมองตะเกียบในมือสลับกับมองหน้าเขา ก่อนก้มมองอาหารที่มีทั้งอาหารประเภทผัด ต้มและแกง ชามที่เป็นแกงจะมีช้อนวางอยู่ นั่นหมายความว่า อาหารประเภทผัดและต้มต้องใช้ตะเกียบที่ตนถืออยู่คีบใส่ปาก “ข้าขอโทษ ข้าหิว ข้าเลยไม่ทันคิดไม่ได้ทันมองอะไร กินอย่างเดียวเลย” ธิดาดอยยิ้มแห้ง พูดเสียงเบา คนที่หิวแต่ยังไม่ได้เสวยสักคำยิ้ม ไม่มีความโกรธในความรู้สึกเลย กลับเอ็นดูคนขี้หิวอีกด้วย “ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าหิวเจ้าก็กินไป” “แล้วท่านล่ะ ท่านจะกินยังไง” “เจ้าก็ป้อนข้าสิ เจ้ากินคำนึง ป้อนให้ข้าคำนึง คราวนี้เราจะได้กินพร้อมกันไง หรือเจ้าจะให้ข้าป้อนเจ้าก็ได้นะ ข้าให้เจ้าเลือก” องค์รัชทายาทเสนอวิธีแก้ไข ธิดาดอยยื่นตะเกียบส่งให้เจ้าของพระตำหนักโดยไม่คิด “ข้าให้ท่านป้อนก็แล้วกัน” “ได้สิ ข้าจะป้อนให้เจ้าอิ่ม อิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งใจเลย” “เอาเถอะจะอิ่มอะไรก็ช่าง ตอนนี้ข้าหิวรีบๆ ป้อนข้าเถอะ” คนหิวไม่สนใจความหมายในคำพูดของเขา เธออ้าปากรออาหารที่เขาป้อน เป็นครั้งแรกในชีวิตขององค์รัชทายาทที่ป้อนอาหารให้สตรี ปกติแล้วเขาจะได้รับการเอาใจใส่จากพระชายาทั้งสามของเขาหรือไม่ก็นางกำนัลที่ถวายตัว ทว่าธิดาดอยคือสตรีที่พิเศษกว่าใคร เขายินดีเอาใจใส่ ป้อนข้าว ป้อนน้ำให้ด้วยความเต็มใจและมีความสุข หลังจากอาหารมื้อพิเศษผ่านพ้นไปก็ถึงเวลาที่องค์รัชทายาทรอคอย แต่สำหรับธิดาดอยกลับรู้สึกกลัวสายตาหื่นจัดของเขาขึ้นมา คิดในใจว่าคืนนี้จะรอดมือเขาหรือไม่ “นอนกันเถอะ ข้าง่วงแล้ว...หาว” พูดจบคนเจ้าเล่ห์ก็แกล้งหาว “ท่านง่วงก็ไปนอนสิ ข้ายังไม่ง่วง อีกอย่างข้าเพิ่งกินอิ่ม นอนตอนนี้ได้อ้วนเป็นตุ่มกันพอดี ต้องรอให้อาหารย่อยก่อนข้าถึงจะนอนได้ ซึ่งมันก็ต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ๆ” ธิดาดอยให้เหตุผล แล้วเป็นเหตุผลที่เขาไม่สนใจด้วย “ถึงเจ้าจะอ้วนเป็นตุ่มเป็นไหข้าก็ไม่สน ข้ายิ่งชอบ จะพูดได้ว่าเจ้าเป็นยังไงข้าชอบทั้งนั้น” องค์รัชทายาทพูดจากใจ คนฟังเคลิ้มไปกับคำพูดระรื่นหู หากในยุคที่ตนจากมามีผู้ชายหล่อๆ ล่ำๆ หุ่นบึกบึนมาพูดเช่นนี้กับตน เธอคงหลงใหลเขาน่าดู “ไป ไปนอนกัน” เขาทำในเรื่องที่ธิดาดอยไม่คาดคิดและตั้งตัว อยู่ๆ ชายสูงศักดิ์ลุกขึ้นยืน ช้อนอุ้มธิดาดอยที่มัวแต่ตกใจจึงไม่ได้ดิ้นรดขัดขืน มารู้ตัวอีกทีร่างตนก็สัมผัสกับเตียงนอน “ข้าบอกว่าข้ายังไม่ง่วงไงล่ะ” ธิดาดอยดีดตัวลุกขึ้นนั่ง “เจ้าพูดเบาๆ สิเดี๋ยวคนข้างนอกได้ยินกันพอดี ไม่กลัวความแตกรึไง” เขาดุเธอไม่จริงจัง ยิ้มหวานแปลกๆ “ข้าง่วง ข้าต้องนอน แล้วเจ้าก็ต้องนอน” องค์รัชทายาททำในเรื่องที่เธอตกใจอีกรอบ เมื่อเขาดันร่างเธอไปบนที่นอนโดยใช้ตัวเองเก็บกักอิสรภาพธิดาดอยไว้ “ทะ...ท่านจะ...จะทำอะไร” ธิดาดอยถามเสียงสั่น มองเขาด้วยความหวั่นเกรง “ก็จะจับเจ้าทำเมียไง” เขาตอบตรงๆ เช่นเดียวกับสีหน้าที่ไม่ปิดบังความรู้สึก “ข้าต้องการเจ้าเหลือเกินเหมยเหมย ข้าไม่เคยปรารถนาใครเท่าเจ้า” “ไม่จริงหรอก ท่านมีเมียตั้งหลายคน แล้ววันนี้ยัง...ยังจะ...” ธิดาดอยนึกถึงภาพในห้องบรรทมพระชายารองแล้วขุ่นใจขึ้นมา “ถ้าเจ้าคิดว่า ข้าหลับนอนกับฮุ้ยเตียว เจ้าคิดผิดนะ ข้านึกถึงเจ้าขึ้นมา ข้าไม่มีอารมณ์ใดทั้งสิ้น รีบออกจากห้องนั้นแล้วสั่งให้คนตามหาเจ้า เจ้ารู้ไหมว่าข้ากลัวมาก กลัวจะไม่ได้เจอเจ้าอีก” องค์รัชทายาทพูดความจริง “เจ้าอย่าบินหนีข้าอีกนะ ข้าใจจะขาดเลยรู้ไหม ข้าทนไม่ได้แน่ถ้าขาดเจ้า” โอ้...ยิ่งเขาพูดใจเธอยิ่งยวบไหว ไม่รู้เพราะเหตุใด ธิดาดอยเชื่อคำพูดองค์รัชทายาท เชื่อว่าเขาพูดจริง อาจมองว่าเธอเชื่อเขาง่ายเกินไป เขาอาจพูดให้เธอตายใจเพื่อจะได้ยอมเป็นของเขาง่ายๆ แต่จะว่าไป การเป็นเมียองค์รัชทายาทในยุคเฟื่องฟูยุคหนึ่งของประวัติศาสตร์จีนก็ไม่ใช่เรื่องที่ธิดาดอยจะประสบได้ง่ายๆ เป็นชะตาฟ้าลิขิตที่ทำให้ตนย้อนมายุคนี้ ราวกับสวรรค์กำหนดให้เธอได้เจอกับองค์รัชทายาท ธิดาดอยก็ไม่รู้ว่า สวรรค์จะส่งตนกลับไปภพปัจจุบันหรือไม่และเมื่อไหร่ หากได้กลับไปจริงตนจะจำเรื่องราวที่นี่ได้หรือไม่ จะลืมใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้ไหม คำถามนี้ธิดาดอยยังหาคำตอบไม่ได้ เวลานี้เธอได้มีโอกาสอยู่กับเขา ชายหนุ่มที่ในจิตใจรู้สึกว่า เขาเข้ามาครองใจตนตั้งแต่แรกเห็น ธิดาดอยคิดต่อไปว่าจะลองเป็นเมียเขาสักชาติก็คงไม่เป็นไร “ท่านพูดดีจัง” ธิดาดอยกล่าว มองหน้าเขาไม่ขยับนัยน์ตา “ในยุคที่ข้าจากมา ผู้หญิงถือเรื่องหนึ่ง ไม่มีเมียคนไหนที่อยากให้สามีมีหญิงอื่น ข้าก็เช่นกัน ข้าคงไม่มีความสุขแน่ถ้าท่านมีหญิงอื่น หลับนอนกับหญิงอื่น ข้ารับไม่ได้เรื่องนี้ แม้ว่าในยุคของท่านจะไม่ถือสา ยิ่งตำแหน่งของท่านด้วยแล้ว ยิ่งไม่ถือสามากขึ้นไปอีก ข้าก็รับไม่ได้อยู่ดี” องค์รัชทายาทเข้าใจความหมายในคำพูดยืดยาวของธิดาดอย หากเป็นสามัญชนธรรมดา สามีภรรยามักเป็นผัวเดียวเมียเดียวที่ครองคู่กันจนแก่เฒ่า ไม่มีเล็กมีน้อยให้เกิดความระหองระแหงในครอบครัว แต่สำหรับองค์รัชทายาท เขาสามารถมีเมียได้หลายคน มีเป็นสิบเป็นร้อยก็ไม่เดือดร้อน และไม่มีเรื่องรำคาญใจเพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับตนเพียงคนเดียว สำหรับสาวสวยที่เปรียบเสมือนสาวมหัศจรรย์ของเขา องค์รัชทายาทพร้อมที่จะทำทุกสิ่งอย่างตามใจเธอปรารถนา “ข้าจะมีเจ้าคนเดียว” องค์รัชทายาทตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ฝ่ามือนุ่มลูบผิวแก้มเธอแผ่วเบา “ข้าจะไม่สัญญา เพราะคำสัญญาของข้าจะไม่มีความหมายหากข้าสัญญาเพื่อได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่า ข้าพูดจริงทำจริง ข้าจะทำเพื่อเจ้า” เป็นคำพูดที่เรียกความอึ้งให้เกิดขึ้นในใจธิดาดอย เป็นเช่นเคยที่เธอเชื่อวาจาเขา เชื่อว่าองค์รัชทายาทจะทำได้ตามที่เอ่ยออกมา “ข้า...” เสมือนมีคำพูดจุกในลำคอ ไม่สามารถเปล่งออกมาได้ และดูเหมือนเธอจะไม่มีโอกาสพูดคำใด เพราะตอนนี้ใบหน้าเขาขยับเข้าใกล้ตน ริมฝีปากบางสีชมพูเข้มสวยงามราวกับปากอิสตรีกำลังแนบลงบนกลีบปากของธิดาดอย เธอกำลังเสียจูบแรกให้ชายต่างภพ โอ้...เป็นความรู้สึกที่คล้ายกับมีพฤกษาเบ่งบานในจิตใจ เพียงแค่สัมผัสบางเบา องค์รัชทายาทรู้สึกได้ถึงขุมพลังทางอารมณ์ที่แผ่กระจายไปทั่วร่าง ยังรู้สึกอีกว่า ริมฝีปากคู่นี้เป็นสิ่งที่เขารอคอยมาเนิ่นนาน เขาจูบผู้หญิงมานักต่อนักแต่ไม่เคยมีอิสตรีใดสักคนที่ทำให้ตนรู้สึกเช่นนี้ เขาลงน้ำหนักปากมากขึ้น เคลียคลอช้าๆ บดเบียดเพิ่มความร้อนเข้าสู่กายเขาและเธอ เป็นความร้อนอาบซ่านด้วยไฟเสน่หา ธิดาดอยหลงอยู่วังวนพิศวาส ลิ้นเขาที่สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากตน กำลังสร้างความปั่นป่วนในจิตใจ หัวใจเต้นระส่ำด้วยความตื่นเต้น ยิ่งลิ้นเขาสอดลึกพันรัดลิ้นของตน เธองุนงง สมองว่างเปล่า ความคิดความอ่านคล้ายกระเด็นออกจากหัว ช่างเป็นจูบที่นุ่มนวล อ่อนหวาน มีความอ่อนโยนเข้าแทรก ความรู้สึกของเธอตอนนี้เสมือนตนเป็นขอนไม้ ไหลไปกระแสสวาทที่เพิ่มความเชี่ยวกรากทุกขณะจิต จูบแรกสะท้านไปทั้งทรวง ธิดาดอยรู้สึกราวกับว่าตนเองลอยอยู่ในอากาศ ร่างไร้น้ำหนัก ถูกเขาชักจูงด้วยเชือกแห่งสิเน่หา ฝ่ามือใหญ่สำรวจไปตามเรือนร่างสาว ผ่านชุดสวยที่เขารู้สึกว่าเกะกะเสียเหลือเกิน องค์รัชทายาทจึงคิดกำจัดมันทิ้ง เขาขยับตัวให้เธออยู่ในท่านั่งเพื่อสะดวกในการถอดเครื่องนุ่งห่ม ความช่ำชองบวกกับประสบการณ์ด้านกามารมณ์ที่มีมาก ทำให้เสื้อผ้าของธิดาดอยหลุดออกทีละชิ้น โดยที่เธอก็ไม่ได้ขัดขืน หนำซ้ำยังร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดี ไม่นานเขาก็ได้สัมผัสเนื้อแท้ของผิวกายเนียนนุ่ม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม