วันถัดมาหนิงลู่ซือฝากให้หลินจูกับเว่ยสงดูแลงานทางนี้ ส่วนนางกับน้องสาวจะขึ้นเขา ในตอนแรกหลินจูก็ห้ามอยู่หรอก แต่หนิงลู่ซือบอกว่านางเบื่อถ้าจะให้นางอยู่เฉยๆ เช่นเมื่อวาน สุดท้ายหลินจูก็ต้องยอมให้สองพี่น้องขึ้นเขา
สองพี่น้องไม่รอช้ารีบขึ้นเขาทันที ไม่พลาดที่จะพาต้าเป่ากับเสี่ยวเป่าไปด้วย เพราะถ้าเอาไว้ที่บ้านชาวบ้านคงใจไม่ดีแน่ๆ ที่มีลูกเสือเดินไปเดินมาภายในบริเวณบ้านอย่างสบายใจเช่นนี้ ในใจของหนิงลู่ซือได้แต่ภาวนาว่าขอให้เจอสมุนไพรล้ำค่าที่จะเป็นต้นทุนให้นางได้ในอนาคต
ระหว่างทางก็เจอสมุนไพรทั่วไป 2-3 ชนิดนางก็เก็บใส่ตะกร้า เดินมาถึงต้นซานจากับผิงกั่ว ก็นึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้ไม่ได้ขึ้นเขามาเก็บเลย หนิงลู่ซือไม่รอช้ากวักมือเรียกน้องสาวมาช่วยเก็บด้วย วันนี้นางจะทำถังหูลู่ในเด็กๆ ในหมู่บ้านกิน
“พี่ใหญ่ท่านดูเห็ดนี้สิเจ้าคะ ทั้งดอกใหญ่ ทั้งสีแดงเลยเจ้าค่ะ” หนิงลี่อินชี้ไปยังเห็ดที่อยู่ในปากของเสี่ยวเป่า
“ไหนๆ” หนิงลู่ซือได้ยินลักษณะของเห็ดแล้วก็รีบเดินมาดูด้วยความตื่นเต้น เมื่อไปถึงนางเกือบจะเป็นลมเสียให้ได้ นี่ นี่มัน ‘เห็ดหลินจือแดง’ ที่สำคัญดอกใหญ่มากอีกด้วย
“เสี่ยวเป่า เจ้าไปเอามาจากที่ใดพาพี่ใหญ่ไปเดี๋ยวนี้” เสี่ยวเป่าไม่รอช้ารีบเดินนำสองพี่น้องไปยังจุดที่มันคาบเห็ดมา ซึ่งมีต้าเป่ายืนคอยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อมาถึงจุดหมายหนิงลี่อินแทบจะเป็นลมเพราะมีเห็ดหลินจือแดงไม่ต่ำกว่า 10 ดอก และดอกเล็กๆ อีกหลายดอก
“พี่ใหญ่ตรงนี้ก็มีต้นคล้ายๆ โสมคนด้วยเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือหันไปมองน้องสาวที่ยืนชี้บางอย่างอยู่ไม่ไกล เมื่อนางเดินไปดูก็พบกับต้นโสมคนจริงๆ ด้วย ก้อนเงินอวบๆ ของข้า!
“อาอินเจ้านั่งให้กำลังใจพี่ใหญ่อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวพี่ใหญ่จะเก็บพวกนี้เอง เราจะมีเงินสร้างบ้านแล้ว ต้าเป่า เสี่ยวเป่า ข้าจะจัดเนื้อชุดใหญ่ให้พวกเจ้า!” หนิงลู่ซือหยิบผ้ามาปูให้น้องสาวนั่งรอใต้ต้นไม้ มีลูกสมุนนอนกระดิกหางอย่างสบายใจ ส่วนนางลงมือเก็บโสมคนและเห็ดหลินจือด้วยความระมัดระวัง ขายรอบนี้นางคงมีต้นทุนในการสร้างบ้านและสร้างกิจการของตนเองแล้ว
“อาอินเดี๋ยวเราลงเขาแล้วเตรียมตัวไปร้านท่านลุงเจากัน” ตอนนี้หนิงลู่ซือจัดการกับขุมทรัพย์หมดแล้ว และจะเอาขุมทรัพย์พวกนี้ไปแลกเป็นเงินก้อนเงินอวบๆ
“เจ้าค่ะพี่ใหญ่ แล้วซานจากับผิงกั่ว พี่ใหญ่จะเอาไปขายด้วยหรือไม่เจ้าคะ” เพราะเก็บผิงกั่วและซานจาได้แค่ 1 ตะกร้าเท่านั้น ถ้าจะนำไปขายคงขายได้ไม่เยอะ ต้องเก็บให้ได้เยอะกว่านี้เสียก่อนจึงจะนำไปขายได้
“ไม่ๆ วันนี้พี่ใหญ่จะทำถังหูลู่ให้เจ้าและเด็กๆ ในหมู่บ้านกินดีหรือไม่” นางกล่าวกับน้องสาว
“ดีเจ้าค่ะ” หนิงลี่อินกล่าวตอบ ทั้งยิ้มดีใจ
เดินมาถึงบ้านหนิงลู่ซือบอกให้หนิงลี่อินอาบน้ำแต่งตัว ส่วนนางเข้าครัวไปหาท่านป้าหลิน
“มาแล้วเหรออาซือ” หลินจูที่กำลังทำมื้อเที่ยงอยู่ร้องทักเมื่อเห็นหญิงสาวเจ้าของบ้านเดินเข้ามาในครัว
“เจ้าค่ะท่านป้า เดี๋ยวข้าจะเข้าไปในเมือง ไม่ทราบท่านป้าจะเอาอะไรเพิ่มอีกหรือไม่เจ้าคะ”
“ในครัวไม่มีสิ่งใดขาดหรอก”
“เจ้าค่ะ ท่านป้าเจ้าคะ ข้าขึ้นเขาแล้วเก็บผิงกั่วกับซานจามา เดี๋ยวท่านป้าช่วยแบ่งคนจากงานส่วนแผ้วถาง มาช่วยจัดการล้างและหั่นให้ข้าหน่อยนะเจ้าคะ แล้วก็จัดคนเหลาไม้เสียบและเสียบให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ เดี๋ยวส่วนที่เหลือข้าจะมาจัดการเอง” หนิงลู่ซืออธิบายและลงมือทำให้ทุกคนดู
“ได้ๆ เดี๋ยวป้าจะให้คนจัดการให้ เจ้ารีบเข้าเมืองเถิด”
“ข้าฝากด้วยนะเจ้าคะท่านป้า”
ออกจากครัวก็เห็นน้องสาวใส่ชุดสีม่วงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว หนิงลู่ซือจึงรีบเข้าไปจัดการตนเอง เสร็จเรียบร้อยก็เดินทางเข้าเมืองทันที คราวนี้เจ้าต้าเป่ากับเสี่ยวได้เข้าเมืองไปด้วย ซึ่งนางจัดการให้เจ้าตัวป่วนอยู่ในตะกร้าไม่อนุญาตให้ออกมาข้างนอกโดยเด็ดขาด ทั้ง 2 เป่าดีใจมากที่พวกมันจะได้เข้าไปเที่ยวเล่นในเมือง เมื่อไม่สามารถออกจากตะกร้าได้งั้นก็โผล่หัวน้อยๆ ออกมามองดูสิ่งรอบตัวแทนก็แล้วกัน
“สวัสดีเสี่ยวเอ้อร์เจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือทักทายเสี่ยวเอ้อร์ที่มักจะพบกันเป็นประจำเวลาที่นางมาที่ร้านของท่านลุงเจา
“คารวะแม่นางซือขอรับ”
“เจ้าค่ะ วันนี้ท่านลุงเจาอยู่หรือไม่เจ้าคะ”
“อยู่ขอรับ เชิญแม่นางหนิงที่ห้องเดิมได้เลยขอรับ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ นี่ซานจากับผิงกั่วข้านำมาฝากทุกคนในร้านเอาไปแบ่งกันกินนะเจ้าคะ” นางยื่นซานจากับผิงกั่วที่นำมาฝากไปตรงหน้าเสี่ยวเอ้อร์
“ขอบคุณแม่นางหนิงมากขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์พูดจบหนิงลู่ซือก็จูงมือน้องสาวไปยังห้องที่คุ้นเคย ส่วนต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า โดนสั่งให้อยู่ในตะกร้าไม่อนุญาตให้ออกมาเผยโฉมเด็ดขาด เพราะนางไม่ต้องการให้คนที่นี่แตกตื่น
“คารวะท่านลุงเจาเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือ
“คารวะท่านลุงเจาเจ้าค่ะ” หนิงลี่อิน
“ไอหยา พวกเจ้ามาแล้ว” เจาเจ๋อเห็นสองพี่น้องก็ออกอาการดีใจจนปิดไม่มิด คราวก่อนที่สองพี่น้องเอาโสมคนมาขายทำกำไรให้เขาไม่น้อย ไม่แน่วันนี้พวกนางอาจเอาโชคมาให้เขาอีกก็เป็นได้
“วันนี้ข้ามีสมุนไพรมาขายอีกเช่นเคยเจ้าคะ แต่ท่านลุงเจาต้องรับปากก่อนว่าจะไม่เป็นลมอีก” หนิงลู่ซือกล่าวบอกชายชราเจ้าของร้าน
เจาเจ๋อได้ยินเช่นนั้นก็คิดไปแล้วว่าสมุนไพรวันนี้ต้องเป็นสมุนไพรชั้นดีแน่ๆ “ลุงรับปากเจ้า” เขาตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด ตาก็คอยมองสองพี่น้องตลอดเวลา หนิงลู่ซือเป็นคนหยิบโสมคนต้นใหญ่ๆ ถึง 4 ต้นออกมา ส่วนหนิงลี่อินหยิบเห็ดหลินจือแดงดอกใหญ่ออกมาอีก 5 ดอก
เจาเจ๋อต้องใช้มือทั้ง 2 ข้าง ค้ำกับโต๊ะเพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ล้ม สองพี่น้องตระกูลหนิงต้องเป็นลูกรักสวรรค์แน่ๆ
“พวกเจ้าช่างเป็นลูกรักสวรรค์เสียจริง” ปากกล่าวเช่นนั้น แต่มือเอื้อมไปลูบสมุนไพรล้ำค่าทั้งสองชนิดอย่างหวงแหน “โสมคนทั้ง 4 ต้นน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี ข้าให้เท่ากับคราวที่แล้วคือ ต้นละ 100,000 ตำลึง ส่วนเห็ดหลินจือ 5 ต้นอายุก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 1,000 ปี ข้าให้ดอกละ 100,000 ตำลึงเช่นกัน ทั้งหมดรวมเป็น 900,000 ตำลึง ข้าจะให้คนเอาตั๋วแลกเงินมาให้” ไม่นานเสี่ยวเอ้อร์ก็เอาตั๋วแลกเงินมาให้เจาเจ๋อ
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านลุงเจา” หนิงลู่ซือยื่นมือที่สั่นน้อยๆ ไปรับตั๋วแลกเงิน วันนี้ขายสมุนไพรได้มากถึง 900,000 ตำลึง รวมกับครั้งก่อนอีก ตอนนี้นางมีเงินมากกว่า 1,000,000 ตำลึงแล้ว!
“ถ้ามีอีกก็เอามาขายอีกเล่า เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ อาอินเอาซานจากับผิงกั่วมาให้ท่านลุงเจาเร็วเข้า” หนิงลู่ซือหันไปบอกคนข้างๆ ที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา
“เจ้าค่ะพี่ใหญ่” ตอบพี่สาวของตนแล้วก็ก้มลงหยิบของบางอย่างในตะกร้า “นี่เจ้าค่ะท่านลุงเจา ซานจากับผิงกั่วเจ้าค่ะ”
“ขอบใจพวกเจ้ามากนะ”
“เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อนนะเจ้าคะท่านลุงเจา”
“ได้ๆ เดินทางกันดีๆ ละ”
“เจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือ
“ลาเจ้าค่ะท่านลุง”
หลังออกจากร้านของเจาเจ๋อสองพี่น้องตระกูลหนิงก็เดินไปที่โรรับงฝากเงิน เสร็จจากโรงรับฝากเงินก็ไปยังร้านรับเหมาก่อสร้าง ถึงเวลาที่นางจะสร้างบ้านแล้ว!!