บทที่3. กลับบ้าน

1107 คำ
ชายหนุ่มวัยสามสิบหกลุกขึ้นจากเตียงนอนที่ห่างเหินไปนานนับปี  ห้องนอนของตัวเองแท้ๆ แต่กลับไม่คุ้นเคยอาจเพราะเคยชินกับการนอนในบ้านพักชนบทที่เขาทำงานนานหลายปีก็เป็นได้ เขาลางานสามวันเพื่อเดินทางกลับมาเยี่ยมมารดาและเลือกเดินทางด้วยรถทัวร์ใช้เวลาราวแปดชั่วโมงเศษจึงมาถึงบ้าน แม่ดูอ่อนแอลงไปมากแต่เขาก็ยังบอกตัวเองว่าเป็นธรรมดาของคนวัยนี้     แม่ดีใจกับการมาโดยไม่บอกล่วงหน้า แต่เขาเกรงว่าแม่จะต้องพูดในเรื่องที่เขาไม่อยากฟังและเขายังไม่ได้ตั้งรับกับเรื่องราวเหล่านี้จึงขอตัวขึ้นมาพักผ่อนและหลับไปตื่นใหญ่    ขณะที่กำลังมองรอบข้างอย่างงุนงงก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงหญิงรับใช้    “คุณธันวาค่ะ  คุณหญิงเรียนเชิญห้องนั่งเล่นค่ะ”   “บอกท่านว่าผมเพิ่งตื่น อาบน้ำแล้วจะลงไป”   “ค่ะคุณธันวา”   ธันวา  กมลฉัตร ยันตัวขึ้นจากที่นอนเขายกมือนวดท้ายทอยเพื่อผ่อนคลาย  แล้วเดินหายเข้าไปในห้องอาบน้ำ ‘บ้าน’ กลายเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคยกับเขาไปแล้ว ก็กี่ปีกันเล่าที่เขาหนีแม่ไปทำงานเป็นแพทย์อาสาในชนบท แน่นอนว่าแม่ไม่เห็นด้วยเพราะต้องการให้เขาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนที่แม่มีถือหุ้นอยู่      ทว่าเขากลับหนีไปเสียดื้อๆ แม้จะมีประชุมในกรุงเทพฯ เขาก็ยังเลือกที่จะพักในโรงแรมมากกว่ากลับบ้าน แต่กระนั้นพี่ชายคนโตก็มักจะโทรศัพท์ตามตัวให้เขากลับบ้านมาปีละครั้งหรือสองครั้ง เขามีพี่ชายสองคน คนโตคือ กรกฎ กมลฉัตร ซึ่งแต่งงานแล้วมีลูกชายวัยสิบสี่กับลูกสาววัยสิบขวบ  ดูแลกิจการของครอบครัวทั้งหมด  ส่วนพี่คนรองคือ  กมลฉัตร แต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีลูกเขาทำงานอยู่ต่างประเทศ ส่วนเขาลูกชายคนเล็กที่ใครๆ มักพูดเสมอว่าแม่รักเขาที่สุด ตามใจเขาที่สุดยังครองตัวเป็นโสด จะว่าไปเขาก็ไม่ได้โสดนี่ เขามีคู่หมั้นแล้ว คู่หมั้นที่แม่จัดการให้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาไม่ค่อยอยากกลับมาบ้านนัก  แม้ว่าบ้านของเขาจะหลังใหญ่โตแบบที่คนทั่วไปเรียกคฤหาสน์ มันเป็นคฤหาสน์ที่ตกทอดกันมาหลายรุ่น ต่อเติมซ่อมแซมมาตลอดอายุเกือบร้อยปีน่าจะได้ พี่ชายคนโตมีเรือนส่วนตัวอีกด้านของบ้าน และเมื่อไม่กี่ปีมานี้แม่ก็ปลูกบ้านให้เขาอีกหลังใกล้เรือนหลังใหญ่เพื่อเป็นเรือนหอ แต่ในเมื่อเขายังไม่ได้แต่งงานเขาก็มาพักในห้องเดิมของเขาที่เรือนใหญ่หลังนี้  ชายหนุ่มเดินออกจากห้องส่วนตัวด้วยเสื้อยืดสีขาวคอกลมง่ายๆ กับกางเกงยีนสบายๆ เขาเดินผ่านห้องหับต่างๆ แล้วอดระลึกถึงวัยเด็กที่เคยวิ่งซนเล่นสนุกกับพี่ๆ ไม่ได้ ด้วยความที่เป็นลูกชายถึงสามคนแต่ละคนก็ซนและหามประสาเด็กจนแม่ต้องปวดหัว  ส่วนพ่อก็มักจะยิ้มปลื้มกับความห้าวของลูกๆ แม่อยากได้ลูกสาว ใครๆ ก็รู้เรื่องนี้แต่เมื่อมีเขาเป็นคนสุดท้องแม่ก็หมดหวัง การมีลูกสามคนทำให้สุขภาพของแม่อ่อนแอลงมากแต่กระนั้นคนที่จากไปก่อนกลับเป็นพ่อของเขาซึ่งจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อราวห้าปีก่อน            เมื่อเขาเดินมาถึงห้องนั่งเล่น ก็พบเด็กชายหญิงสองคนกำลังนั่งทำการบ้านอยู่โดยมีมารดาของเขานั่งดูอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าที่เคร่งเครียดก็คลายลงเป็นรอยยิ้ม คล้ายว่าเห็นภาพตัวเองในตอนเด็กอีกครั้ง เด็กชายตัวโตเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้เขา   “คุณอาธันวามาแล้ว”   “คุณอามาแล้ว เราได้กินขนมแล้วใช่ไหมคะคุณย่า”เด็กหญิงร้องท้วงคำสัญญา    “อ้าว... รอกินขนมพร้อมอาอยู่หรือครับ” ธันวายิ้มแล้วเดินไปนั่งข้างมารดา  เขาลอบมองแม่ของตนเองซึ่งดูซูบผอมลงไปมาก เขาไม่ค่อยกลับบ้านกลับมาแต่ละครั้งแทบไม่มองหน้ากัน  ก็เพราะแม่อ้าปากทีไรก็พูดเรื่องแต่งงานกับให้เขาย้ายกลับมากรุงเทพฯ เสียที “ก็ใช่นะซิ” คุณหญิงเพ็ญแขยิ้มที่มุมปาก “ไม่ใช่ความผิดย่านะ ความผิดอาของหลานต่างหากล่ะ”  “คุณแม่พูดให้ผมรู้สึกผิดเลยนะเนี้ย”   “รู้สึกผิดเป็นกับเขาด้วยเหรอ” คุณย่าของหลานๆ ค้อนเข้าให้  “โธ่คุณแม่ก็” เขาโคลงศีรษะไปมา  “อย่าเพิ่งทานขนมเลยค่ะ เดี๋ยวก็จะได้เวลาทานอาหารเย็นแล้ว” หญิงรับใช้เอ่ยแล้วยกน้ำผลไม้มาเสิร์ฟ “จริงด้วยซิ นี่จะได้เวลาทานข้าวเย็นแล้วนี่” คุณหญิงยิ้มออกมาได้ “ไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้ากันนานแล้วนะ”   “วันนี้ทำของโปรดคุณๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ” หญิงรับใช้รีบรายงาน    “ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นวันนี้กินข้าวเร็วกันหน่อยดีไหม เด็กๆ ก็คงหิวแล้ว” คุณหญิงหันไปบอกคนรับใช้ “ไปจัดโต๊ะได้แล้วไป”   “ค่ะคุณหญิง”  “กลับมาบ้านทั้งทีก็อยู่หลายๆ วันหน่อยซิตาธัน” คุณหญิงแม่เริ่มเปิดฉากสนทนา  ธันวาแอบถอนหายใจเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน “ขอเดินรอบๆ บ้านหน่อยนะครับ เดี๋ยวเจอกันที่โต๊ะอาหารนะเด็กๆ”   ชายหนุ่มรีบลุกแล้วเดินออกมาโดยไม่ฟังเสียงบ่นของแม่ที่ดังตามแผ่นหลังของเขา        เอาเถอะคราวนี้จะอยู่บ้านสักสามวันก็แล้วกันนานที่สุดเท่าที่เคยกลับมาบ้านเลย แต่ถ้าบอกก่อนอาจจะโดนล็อกห้องก็ได้ ธันวาหัวเราะน้อยๆ เมื่อนึกถึงสมัยเรียน เขาอยากไปออกค่ายอาสาแต่แม่ไม่อนุญาตโดนล็อกห้องนอน ก็ได้พี่ชายทั้งสองมาสะเดาะกลอนประตูให้เขาหอบเป้ไปตะลอนๆ เป็นครูดอยอยู่ครึ่งเดือน กลับมาถึงบ้านโดนแม่สวดจนหูชาไปหลายวันแต่อย่าหวังว่าเขาจะเข็ด เพราะเขาก็ยังแอบหนีไปเรื่อยๆ มีแต่พ่อเท่านั้นที่หัวเราะกับวีรกรรมของเขา ใครว่าเป็นลูกคนเล็กแล้วพ่อแม่ตามใจ เขาคนหนึ่งละที่แม่ไม่ตามใจเอาเสียเลย จนเขาอายุขนาดนี้แล้วยังจะบังคับให้เขาแต่งงานอีก   
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม