ตอนที่ 6 ไม่เจียมตัว

1966 คำ
ตอนที่ 6 ไม่เจียมตัว พ่อเลี้ยงไม่ได้หลับไปอย่างที่อีกคนคิดเขาแค่อยากรู้ว่าตื่นขึ้นพอส่างฤทธิ์ยาแล้วเมยาวีจะโวยวายหรือมีแผนการอื่นอีกแต่ทุกอย่างมันดันผิดคาดไปหมดผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่ลุกขึ้นจากฟูกลงฝีเท้าบนกระเบื้องเหมือนแมวย่องไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกนอกจากเธอจะเดินไปเพิ่มอุณหภูมิในห้องให้เขา ผู้หญิงคนนี้มีแผนอะไรกันแน่? ยืนมองจากตรงระเบียงหน้าต่างทำให้เห็นว่าเมยาวีเลือกที่จะใช้เส้นทางหลังบ้านออกไปจากตัวบ้านใหญ่ไม่ใช่ถนนเส้นหลักมันทำให้เขาเพ่งมองเธอเดินผ่านหญ้าแหลมคมไปตามพื้นซีเมนต์ไปจนสุดสายตา รุ่งสางเมยาวีก็ปั่นจักรยานมาทำงานท้ายไร่ตามปกติแม้จะแทบไม่ได้นอนครั้นเนื้อครั้นตัวเหมือนจะไม่สบายแต่ก็ลางานไม่ได้ลำพังเงินจะซื้อข้าวกินยังมีไม่พอถ้าหยุดงานล่ะก็เธอคงต้องอดตายแน่ ๆ ระหว่างปั่นจักรยานไปมือก็ยกขึ้นมาปัดน้ำตาออกจากแก้มไปพลาง รู้สึกน้อยใจโชคชะตาของตัวเองจนอยากจะจอดจักรยานนั่งร้องไห้ริมทางให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เธอปีนขึ้นเตียงพ่อเลี้ยงแล้วจริง ๆ มันน่าอายมากกว่านั้นก็คือเธอเป็นคนเริ่มทุกอย่างน้ำเสียงท่าทางออดอ้อนให้พ่อเลี้ยงเอาใจภาพฝังอยู่ในหัวไม่ว่าจะทำยังไงมันก็ไม่หายไปตอกย้ำให้เธอรับรู้ว่าเธอกลายเป็นนางบำเรอของพ่อเลี้ยงสิงห์ไปแล้วจริง ๆ รู้สึกเกลียดเนื้อตัวของตัวเองแต่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากก้มหน้ายอมรับกับโชคชะตาบัดซบครั้งนี้ พอตกเที่ยงก็ขึ้นมาทานข้าวที่โรงอาหารหญิงสาวไม่สุงสิงกับใครความจริงแล้วแทบไม่มีใครมาพูดด้วยนอกจากสายตาเกลียดชังมองมาเหมือนเธอเป็นสิ่งของน่ารังเกียจอย่างอื่นคือไม่มีเลย ก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบ ๆ ใช้ชีวิตคนเดียวเพราะเธอก็ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับใครเหมือนกัน ซ่า! “โอ๊ย!” หญิงสาวร้องเสียงหลงหลังจากถูกของร้อนราดลงมาตั้งแต่ศีรษะผ่านหน้าลงมาเปรอะเปื้อนไปถึงตัว “อีเมย อีกะหรี่ถ้าวันนี้กูไม่ได้สั่งสอนมึงอย่ามาเรียกกูอีรัมภาเลย” รัมภาคือคนที่เดินถือถาดข้าวมาเทราดเมยาวีข่าวคราวสุดร้อนแรงประจำไร่วันนี้ทำให้เธอต้องรีบตรงมาหาตัวต้นเรื่องอย่างหัวเสีย เมยาวีมองน้ำแกงเปื้อนชุดทำงานตัวเก่าไปหมดกลิ่นเครื่องแกงลอยตลบอวบอวนจนคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างถือถาดข้าวตัวเองลุกขึ้นถอยห่างออกไปแต่ยังไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้นก็รู้สึกเจ็บที่ศีรษะจากการกระชากจากทางด้านหลัง “มึงมานี่ แรดนักนะเอาตัวเองยกใส่พานไปให้พ่อเลี้ยงถึงที่!” รัมภามีอารมณ์โมโหอยู่เต็มเปี่ยมกระชากผมออกมาจากโต๊ะและแน่นอนแม้ว่าขนาดตัวจะเท่ากันแต่ใครจะสู้หล่อนได้ “วันนี้กูจะเอาเลือดมึงออกให้ได้!” “โอ๊ย ปล่อยนะคะ” พยายามจับกลุ่มผมตัวเองไว้จากการโดนกระชากจนรู้สึกแสบไปหมดเท่านั้นไม่พอน้ำแกงยังเริ่มออกฤทธิ์รู้สึกปวดแสบปวดร้อนตามช่วงบนไปหมด “พี่รัมภาใจเย็น ๆ ก่อนจ๊ะ ยังไงพ่อเลี้ยงก็ไม่ชอบให้คนงานมีเรื่องกันนะจ๊ะ” แม้จะสาแก่ใจแต่รู้ดีว่าถ้าเป็นเรื่องพ่อเลี้ยงพี่รัมภาเหมือนจะขาดสติเพราะเจ้าที่แรงสาว ๆ ในไร่จึงได้แต่มองยังเกรงกลัวพี่รัมภาแต่นี่มีข่าวจากคนงานว่าผู้หญิงคนนี้ไปนอนกับพ่อเลี้ยงพี่รัมภาก็เหมือนจะขาดสติลืมกฎของไร่ไปเสีย เพียะ! เพียะ! เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังไปทั่วโรงอาหารแต่ไม่มีสักคนที่กล้าเข้าไปห้ามแม้จะเห็นว่านางรัมภาทำเกินไปกว่าเหตุมากก็ตามยังไงอีกคนก็เป็นเพื่อนมนุษย์เหมือนกันทุกคนได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ บ้างก็รีบสลายตัวเพราะถ้าผู้จัดการไร่มาเห็นคนที่อยู่บริเวณนั้นก็ต้องพลอยโดนหางเลขไปด้วย เมยาวีล้มลงไปนอนกับพื้นดินทันทีเพราะยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็โดนหวดมาสองครั้งติดจนขาอ่อนแรงเซล้มไป ยังไม่ทันได้ยันตัวขึ้นดีรัมภาก็ตามมาจิกหัวต่อเป้าหมายคือแอ่งน้ำล้างมือของพนักงานข้าง ๆ “ฮื่ออ ปล่อยนะคะ” รู้สึกมึนหัวไปหมดโลกเหมือนจะเลือนลางไปทุกทีแรงจะยื้อตัวไว้ยังทำไม่ได้ “มึงมานี่อีเมย จำไว้ถ้ามึงกล้ายุ่งกับพ่อเลี้ยงอีกอย่าหวังว่ามึงจะได้อยู่ดี” รัมภาเหมือนคนบ้าไปทุกทีเพราะผู้ชายคนนั้นเธอทั้งรักทั้งหลงอยากครอบครองอยากเป็นแม่เลี้ยงของไร่พร้อมรักและตำแหน่งนั้นต้องเป็นของเธอคนเดียว แม้แต่แรงจะปัดมืออีกคนออกยังทำไม่ได้รู้ตัวว่าหน้าตัวเองถูกกดลงไปในน้ำเป็นเวลาหลายนาทีแต่เชื่อเถอะว่านาทีนั้นสติเธอเองก็เลือนรางเต็มทีเหมือนกัน ซ่า! รัมภากระชากผมหนามแทงใจขึ้นมาจากแอ่งน้ำใบหน้ายังแค้นไม่หายท่ามกลางเสียงห้ามของคนงานหลายคนแต่หูเธอเหมือนจะมืดดับจนไม่ได้ยินเสียงผู้จัดการไร่ดังเข้ามาในโสตประสาท “หยุดเดี๋ยวนี้! พวกมึงไม่แยกมันออกวะ” ชาลีเดินเข้ามาเห็นภาพคุณเมยหมดสภาพไปแล้วก็ได้แต่แอบขนลุกไม่กล้าหันไปมองคนด้านหลังแม้แต่น้อย เพราะเขารู้ดีว่าพ่อเลี้ยงไม่ชอบให้คนงานลงมือทำร้ายกันแม้ผู้หญิงคนนั้นพ่อเลี้ยงนำตัวมาแก้นแค้นโดยเฉพาะก็เถอะ แต่พฤติกรรมเกินงามของรัมภาอยู่ในสายตาของคนงานคนอื่นไปด้วย เมยาวีกระพริบตาไล่ม่านน้ำออกไปเบื้องหน้าคือผู้ชายใจร้ายคนนั้นช้อนตาอันหนักอึ้งขึ้นมองเขาเป็นจังหวะเดียวกันที่คุณชาลีขยับตัวออกทำให้บังเอิญได้สบประสานกับสายตาเย็นชาคู่นั้นก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับไป เมยาวีรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงดึกของวันเนื่องจากมองไปทางไหนก็มืดไปหมดเลยเดาว่าตัวเองเผลอหลับมาจนถึงตอนนี้ยกมือขึ้นมาคลึงขมับของตัวเองพลางนวดมันไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศยังคงฉุนจมูกแม้จะปวดหัวอยู่บ้างแต่จิตใต้สำนึกบอกว่าเธอต้องไปชำระกลิ่นพวกนี้ออกจากตัวได้แล้ว รู้สึกว่าซีกแก้มด้านซ้ายจะบวมอยู่ฝ่ามือรัมภาหนักเอาเรื่องเหมือนกัน ใช้เวลาชำระร่างกายอยู่นานสองนานก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูพันรอบตัวแต่สิ่งไม่คาดคิดดันเกิดขึ้นเมื่อใต้ถุนบ้านไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว “พะ...พ่อเลี้ยง” มือเล็กกำผ้าขนหนูไว้แน่นไม่คิดว่าพ่อเลี้ยงจะมาหายามวิกาลแบบนี้ “มะ...มีอะไรหรือเปล่าคะ” ถามออกไปเสียงตะกุกตะกักไม่ชินสักครั้งเวลาอยู่ด้วยกันกับผู้ชายคนนี้สองต่อสอง ทั้งประหม่า ทั้งระแวง หวาดกลัวเขาไปหมด “ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามทำตัวเป็นกาดำ” “แต่ว่าเมยไม่ได้หาเรื่อง...” “ยังจะมาเถียง” เมื่อเขาเลือกที่จะไม่ฟังเธอเลยก้มหน้างุดปิดปากไว้ดีกว่าเพราะต่อให้เธอพูดไปเขาก็ไม่เชื่อ คนงานที่เห็นเหตุการณ์ก็กลับดำเป็นขาวได้ไม่มีใครบอกว่ารัมภาผิดเป็นแน่ พลั่ก! ใบหน้าสวยสะดุ้งถอยหลังไปหนึ่งก้าวหลับตาปี๋โดยอัตโนมัติความรู้สึกชาที่ข้างแก้มทำให้ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาจุดโฟกัสตอนนี้อยู่ที่ปลายเท้าเพ่งมองสิ่งที่ตัวเธอเองก็รู้ว่ามันคือยาคุมฉุกเฉิน “อย่าคิดจะใช้วิธีต่ำ ๆ แบบนี้จับฉัน เพราะสิ่งที่เธอคิดอาจไม่ได้ลืมตาขึ้นมาบนโลกนี้ด้วยซ้ำ” ถ้อยคำร้ายเฉือนใจคนฟังให้แหลกได้เป็นชิ้น ๆ เธอไม่เคยคิดจะใช้วิธีปล่อยท้องจับพ่อเลี้ยงเลยสาบานได้แค่ลืมคิดไปและห่วงงานเกินไปก็เท่านั้น พ่อเลี้ยงสะบัดตัวเดินออกไปแล้วทิ้งไว้แต่เธอที่กำลังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เมื่อกี้พ่อเลี้ยงสะบัดแผงยาคุมมาโดนหน้าอาจจะเพราะแผงยาคมจัดเลยเฉียดเนื้อแก้มเธอไปด้วย เมยาวียกมือขึ้นมาแตะบริเวณที่ยังรู้สึกอุ่น ๆ นิ้วมือสั่น ๆ ค่อย ๆ ยกขึ้นให้อยู่ในระดับสายตาเลือดสีแดงติดอยู่ที่ปลายนิ้วทำให้รู้ว่าตัวเองไม่ผิด น้ำตาเม็ดใสร่วงเผาะผ่านแก้มยิ่งตอกย้ำความแสบตรงรอยแผลได้เป็นอย่างดีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิตตัวเองเข้ามาเล่นงานอย่างหนักจนต้องทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง เธอเป็นใครกันแน่ทำไมต้องมาอยู่ที่ไร่ส้มแห่งนี้แล้วไปทำอะไรให้พ่อเลี้ยงสิงหราชบาดหมางถึงขนาดเกลียดเธอเข้ากระดูกดำในสมองขาวโพลนคิดยังไงก็คิดไม่ออกสิ่งที่จำได้กลับมีแต่รอยยิ้มของเขาอยู่อย่างนั้นทุกอย่างมันดูสวนทางกันไปหมด ยิ่งคิดยิ่งห้ามน้ำตาไม่อยู่ ความเย็นระดับหน้าแข้งยังไม่สามารถฉุดสติกลับมาได้จนมาถึงระดับเอวไต่ระดับมาจนถึงระดับคอ ความน้อยเนื้อต่ำใจราวกับยืนเคว้งคนเดียวอยู่บนโลกทำให้เธอคิดไม่อยากจะมีชีวิตต่อไปแล้วแต่ก่อนที่ระดับน้ำจะท่วมหัวอยู่ ๆ ความทรงจำบางอย่างก็แวบผ่านเข้ามา ความคิดไม่อยากอยู่บนโลกกลายเป็นความอยากรู้ขึ้นมาว่าทำไมพ่อเลี้ยงในความเป็นจริงกับภาพเลือนลางอยู่ในหัวทำไมต่างกันขนาดนี้ทำให้เมยาวีลืมตาขึ้นมาระดับน้ำอยู่ขอบปากเห็นชัดว่าวันนี้พระจันทร์สวยงามขนาดไหน เธอยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครยังคงอยากเห็นพระจันทร์สวย ๆ แบบคืนนี้อีกจะยอมแพ้ต่อโชคชะตาไม่ได้เด็ดขาด “เฝ้าไว้อย่าให้คลาดสายตา!” “ครับพ่อเลี้ยง” ชาลีปล่อยมือจากแขนพ่อเลี้ยงไว้เพราะว่าจังหวะเมื่อกี้ที่คุณเมยหายลงไปในน้ำพ่อเลี้ยงพร้อมที่จะวิ่งลงไปในทะเลสาบจนเขาเห็นว่ามีฟองน้ำไล่ระดับมาทางฝั่งจึงยั้งพ่อเลี้ยงไว้ก่อน เขามองไปที่ทะเลสาปอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาจากจุดนั้นไม่คิดว่ายายบ้านั่นจะดำน้ำกลับเข้าฝั่งไม่พอยังไว้น้ำเล่นต่อในเวลาเกือบตีหนึ่งที่เขามาอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้คิดเป็นห่วงแต่ถ้าตายตอนนี้มันง่ายเกินไป เขายังไม่ได้เริ่มแก้แค้นจริงจังอย่าหวังที่จะไปโดยง่ายเพราะสิ่งที่เธอทำไว้ถ้าเขาไม่เอาคืนตายไปคงไม่มีหน้าไปหาน้องชายและน้องสะใภ้แน่นอน เขาจะเก็บเธอไว้ข้างตัวทำให้เธอรู้สึกอยากตายอยู่ตลอดแต่เขาจะไม่มีวันหยิบยื่นโอกาสนั้นให้พูดง่าย ๆ ผู้หญิงคนนั้นตายไม่ได้ถ้าเขาไม่อนุญาตให้เธอตายมันถึงจะสาสมกับสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ได้ทำไว้กับไร่พร้อมรัก อยากตายงั้นเหรอเธอคิดช้าไปเกือบสามปีนะเมยาวี!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม