บ้านสวนชาญเมือง
ช่วงสายของวันถัดมาชายชุดดำ ยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้หญิงสูงวัยก่อนที่เธอจะเปิดดู
" ใช่จริงด้วย " คุณหญิงอนงค์พึมพำ ก่อนจะนึกถึงเหตุการ์ก่อนที่เพื่อนสนิทของเธอจะได้จากไปอย่างสงบ
คุณหญิงอนงค์มีเพื่อนสนิทที่ชื่ออิงอร คุณหญิงอรมักจะมาปรับทุกเรื่องลูกกับคุณหญิงอนงค์เป็นประจำ ปรเมศท์ลูกชายคนโตได้คบหากับหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งก็คือราตรีและต้องการแต่งงานแต่เพราะทางครอบครัวของราตรีเองหวังแค่ทรัพย์สมบัติของทางปรเมศจึงทำให้คุณหญิงอรคัดค้านการแต่งงาน ปรเมศเองที่รู็กจักนิสัยของราตรีเองเป็นอย่างดีจึงไม่ยอมทำให้ปรเมศท์พาเมียไปอยู่ที่อื่นโดยไม่เอาสมบัติไปสักชิ้น ทั้งสองช่วยกันสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีฐานะ ด้วยความเป็ฯแม่คุณหญิงอิงอรก็ตัดลูกไม่ขาดยังให้คนตามสืบจนรู้ความเป็นอยู่เธอภูมิใจในตัวลูกชายและยอมรับในตัวของลูกสะใภ้ ยิ่งได้เห็นภาพหลานสาวตัวน้อยวิ่งเล่นในสวนหน้าบ้านใบหน้าก็ฉายยิ้มออกมา ความละอายทำให้คุณหญิงอรก็ไม่กล้าเข้าหาพวกเขา แค่เห็นลูกอยู่ดีมีความสุขก็เพียงพอแล้วของคนเป็นแม่ ปรเมศและราตรีจากไปเพราไวรัสร้ายเหมือนกับลูกชายและลูกสะใภ้ของคุณหญิงอนงค์ ทำให้คุณหญฺงอิงอรตรอมใจจนป่วยและไม่ยอมเข้ารับการรักษา ก่อนเธอจะจากไปอย่างสงบเธอได้ฝากเรื่องสำคัญกับคุณหญิงอนงค์ไว้
" ช่วยดูแลหลานสาวให้ฉันด้วยได้ไหม นงค์ " เสียงพูดแหบพร่าอย่างคนใกล้หมดแรง
" ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะดูแลให้ " คุณหญิงอนงค์รับซองสีน้ำตาลมาไว้ รอยยิ้มบางๆจากอิงอรส่งมาให้เป็นรอยยิ้มสุดท้ายก่อนจะจากไปอย่างสงบ
บริษัท
ฉันยังมาทำงานตามปกติแต่ยังไม่ได้พบท่านประธานหรอกนะ และไม่ลาออกด้วย อยากให้ออกก็ไล่ออกเลย แต่ถ้าถูกไล่ออกคราวนี้ไม่ทำงานแล้วและก็ล่วงเลยมากว่า1อาทิตย์ หลังจากที่ฉันไปบ้านสวนคุณหญิงอนงค์ในครั้งนั้น วันนี้ป้าน้อยแม่บ้านโทรมาบอกว่าคุณหญิงอยากพบฉันจึงรีบเคลียร์งานของตัวเองให้เสร็จ ถึงเวลาเลิกงานฉันจึงมุ่งหน้าสู่ห้างแห่งหนึ่งหาซื้อของไปฝากท่านซะหน่อย
พอมาถึงคราวนี้มีคนเปิดประตูให้โดยที่ไม่ต้องรอเหมือนรอบก่อน ฉันเดินหิ้วของเต็ฒไม้เต็มมือเดินตรงมาที่ซุ้มกุหลายอีกเหมือนเดิมก็พบกับคุณหญิงอนงค์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่
" คุณหญิงสวัสดีค่ะ " หญิงสาวทักทายอย่างมีมารยทา
" ซื้อะไรมาเยอะแยะ " คุณหญิงละสายตาจากหนังสือมองพีพีพร้อมกับเอ่ยถาม แต่สรรพนามที่ใช้เรียกแทนเปลี่ยนไปจนฉันสะกิดใจ
" ผลไม้ค่ะ พีเห็นคุณหญิงน่าจะชอบทานผลไม้เลยซื้อมาฝาก" รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาจนฉันรับรู้ได้
" เห็นป้าน้อยบอกว่าอยาเจอพีหรอคะ มีเรื่องอะไรให้พี่ช่วยไหมคะ " ฉันถาม
" กินข้าวด้วยกันก่อนค่อยว่ากันนะ " หญิงสูงวัยพูดขึ้นก่อนจะลุก ฉันช่วยประคองท่าน
" ได้ค่ะ " อาหารทำเสร็จใหม่ๆจากฝีมือคุณหญิงอนงค์ส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้องครัวโดยมีฉันเป็นลูกมือ ทั้งยังปอกพีชแช่เย็ฯๆไว้ทานหลังมื้ออาหารอีกด้วยจนลืมไปว่าที่นี่คือบ้านของท่านประธาน
บรืนนนๅ~~~
เสียงรถของใครบางคนแล่นเข้ามาขณะที่ตั้งโต้ะใกล้เสร็จ ก่อนจะนึกได้ว่าเป็นใครไม่ได้นอกจากท่านประธานพอคิดมาถึงตรงนี้แล้วใจก็สั่นขึ้นมา อยากจะวิ่งหนีออกไปตอนนี้ซะเลย
"สงสัยวันนี้คุณปริญจะกลับมาทานข้าวบ้านค่ะคุณหญิง" ป้าน้อยแม่บ้านเอ่ยขึ้น
"งั้นตั้งเผื่อตาปริญด้วยเลย" คุณหญิงท่านเอ่ยขึ้นพลางล้างมือไป
"คุณหญฺงคะ งั้นพีขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ" สถานการณ์ไม่ดีฉันคิดหาทางหนีก่อน ท่านประธานคงไม่พอใจแน่หากเห็นฉันอยู่ที่นี่
" เป็นอะไรไป กลัวตาปริญหรอ " คุณหญิงถามด้วยใบหน้าอยากขำ ฉันไม่กล้าตอบไปได้แต่ยืนเงียบเม้มปากแน่น คนตัวสูงเดินเข้าหยุดที่ประตูทางเข้าครัวที่มีโต๊ะอาการตัวกลมตั้งอยู่ฉันยืนหันหลังให้ไม่กล้าหันไปมอง
(ชะตาขาดแน่อีพีเอ้ย) คิดในใจตอนนี้อยากย่อส่วนได้แล้ววิ่งออกจากบ้านหลังนี้ไป
" ปริญมาแล้วหรอลูก ตั้งโต้ะเสร็จพอดีเลย มาทานกับย่า " คำพูดหวานอ่อนโยนเอ่ยออกมาทำชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย แต่ทว่าสบายตากลับไปมองหญิงสาวปริศนาอย่างสงสัย
" พีพี มานั่งๆ " ฉันสะดุ้งเฮือกทันทีที่ได้ยินเสียงคุณหญิงเรียก
" เอ่อออ ค่ะๆ " ฉันหายใจเข้าอึดใหญ่ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มหันกลับมาและสบเข้ากับสายตาของประธานและก้มหัวทักทายเล็กน้อย
มื้ออาหารเย็นเป็นไปด้วยความอึดอัดสำหรับฉัน กินข้าวได้น้อยมาที่สุดในประวัติ ปล่อยให้ย่าหลานเขาได้คุยส่วนฉันหนีเข้ามาในครัวเพื่อเอาผลไม้และหวังหลบหน้าโหดของท่านประธานด้วย
" เธอมาทำอะไรที่นี่ " เสียงทุ้มน่ากลัวพูดอยู่ด้านหลังทำเอาใจสาวตกไปอยู่ตาตุ่ม
" เอ่อ คุณหญิงบอกให้มาค่ะ " ฉันตอบออกไปโดยที่ไม่หันกลับไปมอง(กลัว) ก่อนจะหยิบจานผลไม้และจะเดินออกจากตรงนี้แต่ต้องชะงักท่านประธานยืนขวางประตูไว้ พร้อมยิงคำถามมา
" ไปลาออกรึยัง " เขาจ้องฉันนิ่งอีกแล้ว
" อ่ะ เอ่อ ยะ ยังค่ะ " ฉันตอบไปแบบเสียงกุกกัก ไม่ใช่อะไรหรอกนะรู้ว่าทำผิดกำลังทำโทษตัวเองอยู่ ปกติฉันไม่ใช่พวกที่ขี้กลัวอะไรแบบนี้แต่กับคนนี้ไม่ไหว กลัวๆๆๆ
" งั้นพรุ่งนี้ ผมจะออกคำสั่งเอง "
" ท่านประธาน " ฉันเรียกไว้พร้อมกับมืออีกข้างที่จับชายเสื้อตรงเอวเขาไว้อย่างถือวิสาสะ
" อย่าไล่ฉันออกเลยนะ เรื่องเค้กฉันก็ให้คุณหญิงทดแทนแล้ว เรื่องเสื้อฉันซื้อให้ใหม่ก็ได้ หรือจะให้ฉันซักก็ได้ อย่าไล่ออกเลยนะ " ฉันพูดพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนเหมือนแมวน้อย น่ารักมากมั่งเขาไม่พูดอะไรแต่เดินออกไปไม่แยแสคำพูดฉันเลยสักนิด ฉันก้มหน้ายอมรับความจริงและเดินออกไปที่โซฟากลางบ้านที่คุณหญิงนั่งดูทีวีอยู่
" คุณหญิงคะลองชิมดูค่ะ " ฉันวางจานผบไม้ลงพร้อมกับจิ้มพีชหวานชิ้นหนึ่งส่งให้ แต่แล้วเพียงครู่เดียวคนตัวสูงก็เดินมายืนเด่นอยู่หน้าทีวีบดบังการมองเห็นไปหมด เสื้อเชิ้ตสีดำที่เขาสวมใส่อยู่อย่างไม่เรียบร้อบกระดุมที่ถูกปลดออกเผยให้เห็นแผงอกแวบๆกับผิวขาวฉันลอบมองแวบหนึ่งก่อนจะหลบหน้าหันมองคุณหญิงแทนก่อนเขาจะพูดขึ้น
" ดึกแล้วคุณย่าเข้านอนได้แล้วครับ " เสียงนิ่งเย็นทำเอาฉันขนหัวลุก
หลังจากฉันส่งท่านเข้านอนก็ขับรถกลับออกมาทันทีเพราะกลัวเจอเข้ากับเขาคนนั้น
เรื่องที่คุณหญิงเล่าทำฉันเก็บมาคิดจนถึงคอนโด ถึงฉันจะไม่เคยเจอคุณย่าก็อดสงสารท่านและพ่อแม่ของฉันไม่ได้
" พีพี ต่อไปนี้เรียกย่าว่าย่านะ พีพีก็เหมือนหลานย่า คิดซะว่าย่าเป็นย่าของหนู " น้ำเสียงที่ท่านพูดกับฉันช่างอบอุ่นเหลือเกิน พร้อมกับสัมผัสกอดที่อบอุ่นจนรู้สึกได้
" จำไว้นะลูกหากมองไปข้างหน้าแล้วไม่เห็นใคร ให้มองกลับมาย่าจะอยู่ข้างหลังหนูเสมอ " ฉันกลั้นน้ำตาไหวไม่อยู่เมื่อได้ยินคำพูดของท่านความรู้สึกโดดเดี่ยวต่อไปนี้ไม่มีอีกแล้วเพราะคุณย่าที่เข้ามาทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นอีกครั้ง
หลายวันต่อมา
ท่านประธานมีงานด่วยเข้ามาทำให้ต้องเดินทางไปต่างประเทศกระทันหัน ฉันเลยทำงานต่อได้สบายเพราะไม่ได้มีคำสั่งให้ไล่ออกตามที่เขาพูดไว้
" แกไปกินข้าวกัน งานยุ่งมั้ย " ฉันถามยัยอิงเพื่อนซี้เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง
" ไปได้แก เคลียร์นี่เสร็จก็หมดละ "
ฉันกับยัยอิงมากินที่ร้านอาหารใกล้ๆบริษัท เป็นร้านสุกี้อาหารตามสั่งธรรมดา ถึงฉันจะมีเงินแต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างต้องแพงแล้วแต่โอกาสไป
" แกกินไรสั่งเผื่อฉันด้วย " ฉันเอ่ยบอกยัยอิง สักพักสุกี้แห้งก็มาเสริฟตรงหน้าพร้อมกับน้ำจิ้มสุตรเด็ดของที่นี่ ใช้เวลาไม่นานก็กินเสร็จจึงพากกันเดินกลับบริษัท
" แวะซ์้อกาแฟแปป เอาอะไรไหม " อิงอิงถาม
" อือ ไปดิ " เราสองคนเดินเข้ามาคาเฟ่ใกล้ที่ทำงาน
" อเมริกาโน่เย็น1แก้ว กับเค้กส้มค่ะ " ฉันเอ่ยสั่ง
ก่อนจะเข้าบริษัทสายตาฉันดันเหลือบไปเห็นร่างสูงคุ้นตาพลันขนกายก็ลุกขึ้นมาอีกก่อนจะรีบหันหลังแนบกับรถเพื่อบังสายตาจนอิงมองอย่างสงสัยแต่ว่าก็ไม่ได้ถามอะไรเมื่อเขาเดินเข้าตึกไปฉันจึงเดินออกมาซอก
" พีพี ท่านประธานเรียกพบนะ " ประโยคบอกเล่าที่ไม่อยากได้ยินบัดนี้มันออกมาจากปากของพี่สาหัวหน้าทีมคนสวย ฉันขึ้นลิฟท์ไปทันทีโดยถือเค้กกับกาแฟขึ้นไปด้วย
ก็อกๆๆๆๆ
" เชิญ " เสียงที่ไม่อยากได้ยินตอบรับออกมาก่อนที่ฉันจะค่อยๆเปิดประตูเข้าไป เขายื่นซองขาวให้พร้อมกับมองหน้า
" ท่านประธานใจร้ายจังเลยนะคะ " ฉันว่างแก้วกาแฟกับเค้กไว้ก่อนจะหยิบซองนั้นขึ้นมา
" กาแฟกับเค้กทานด้วยนะคะ พี่ซื้อมาฝาก " ฉันบอกเขาเสียงเศร้าก่อนจะเดินออกมาท่าทีอ่อนแรง