"แพรรรร ไอ้ฟ่งมันเอาอีกแล้วแบบนี้เฮียไม่ไหวนะ เฮียจะเอาลูกกลับ" ไคเกิดอาการหัวร้อน เมื่อภาพจากกล้องวงจรปิดในโรงฝึก
"เด็ก ๆ ไม่ได้คิดอะไรหรอกเฮีย ผิงผิงก็ทำแบบนี้กับทุกคน ลูกเราทำเพราะความเคยชิน" แพรไหมพยายามจะตบไหล่สามีที่อารมณ์ขึ้นสูงปี๊ดดดดด
"ไอ้ลูกเราอะทำเพราะความเคยชิน แต่ไอ้ฟ่งเนี่ยมันร้าย ไม่ได้แล้ว ต่อไปไม่ให้มันดูแลผิงผิงแล้ว ดาบเฮียจะสอนเอง เฮียจะไม่ให้มันแตะลูกเราอีกแล้ว" คนหวงลูกมีท่าทีของขึ้นเมื่อคนเป็นภรรยารีเพลย์ดูภาพจากกล้องวงจรปิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"ดูจากกล้องแล้ว ลูกเราอะหอมเค้า ต่างจากที่ไดคุงหอมลูกเราครั้งที่แล้ว นี่มันไม่ใช่เคสแรกที่รัก ที่รักต้องเข้าใจ ว่าลูกเราน่ารักเหมือนตุ๊กตา จะมาหัวร้อนทุกเคสไม่ได้นะ" แพรไหมมองภาพในกล้องแล้วไม่ได้รู้สึกอะไร ก็แค่พี่น้องเล่นกัน ก็น่ารักดี
"เอ่อออ ลูกชายผมพ้นคดีแล้วใช่ไหม" ชินที่หน้าชา เพราะลูกชายตัวเองก่อคดีที่คนเป็นพ่อต้องรับผิดชอบ
"ไอ้ชิน ลูกมึงอายุ 23 นะโว้ยยยยย นี่มันควรเล่นกันแบบนี้ไหม กูไม่เข้าใจเลย ทำไมเอาไปอยู่รวมกัน ลูกกูเสือกหัวอ่อนสุด โดนลูกมึงรังแกแบบนี้" ไคยังคงโหมอารมณ์ใส่คนเป็นพ่อของฝ่ายชาย เพราะในบ้านหลังนั้น ตัวเองยื่นมือเข้าไปไม่ได้
"มะ..มันก็จริงครับ แต่ผิงผิงหอมลูกชายผมเองน้า อย่างที่คุณแพรว่าครั้งที่แล้วเจ้าไดหอม มันก็อีกเรื่อง อันนี้ผิงผิงเป็นคนทำ คนที่โกรธควรจะเป็นผมสิ ใช่ไหมเมียจ๋า" ชินหันไปขอความช่วยเหลือจากคนเป็นภรรยา เพราะเรื่องนี้แม้ไม่ได้ยินเสียงจากภาพวงจรปิด คนเป็นพ่ออย่างเขาก็พอจะเดาได้ ว่าลูกชายตัวเองต้องพูดอะไรให้เกิดเรื่องแบบนี้แน่ ๆ
"หอมแล้วแต่งเลยไหม"
"จะบ้าเหรอ!!!! ฟ่งเทียนเจ้าชู้จะตาย ริวก็ว่าไป ดูดีมีอนาคต" แพรไหมผู้เป็นแม่ของเด็กสาวรีบค้านขึ้นมาทันที
"ไม่เอา จะผู้ชายคนไหนก็ไม่เอาโว้ยยยยยย ลูกฉัน เงินที่ฉันมีเลี้ยงลูกให้สบายไปทั้งชาติได้ เรื่องนี้ฉันไม่ยอมนะ ต่อไปบอกฟ่งเทียน ไม่ต้องยุ่งกับน้องแล้ว ปึงงง!!!! " ไค ตบโต๊ะเสียงดัง ด้วยความไม่พอใจ ทำให้ทุกคนต้องละเหี่ยใจไม่แพ้กัน
ไม่ใช่ว่าผิงผิงจะหัวอ่อนแต่อย่างใด แต่เพราะเป็นน้องน้อยคนสุดท้อง พี่ ๆ เลยประคบประหงมมาตลอด ทำให้เธอแทบไม่ได้มีความคิดเป็นของตัวเอง เลยทำให้เธอยังคงดูเป็นน้องน้อยของพี่ ๆ มาตลอด เธอมองโลกในแง่ดีเกินไปเหมือนแม่ของเธอไม่มีผิด แล้วก็ชอบเก็บปัญหาไว้คนเดียวไม่ต่างจากพ่อ ทำให้เธอดูเป็นเด็กแปลก ๆ ที่เหมือนจะแข็งแต่ที่จริงข้างในอ่อนนุ่มนิ่ม เหมือนจะโง่ยอมให้เขาหลอก แต่ที่จริงก็มีความคิดเป็นของตัวเอง
"ลูกก็แค่อายุ 18 นะคะท่านไค ช่วงเวลาที่เค้าจะลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ตอนนั้นก่อนฉันมาเจอท่านไค โลกของฉันมันคือโลกเล็ก ๆ ในรั้วมหาลัยจะสอนให้โลกของลูกเราใหญ่ขึ้น ลูกเราต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง เราจะมาหวงลูกแบบนี้ไม่ได้ สักวันลูกก็ต้องแต่งงาน มีครอบครัว ในวันที่เราแก่ ลูกเราจะได้มีคนดูแล ท่านไคอย่าลืมนะคะ ลูกสาวแต่งออก" แพรไหมผู้เป็นแม่พยายามพูดให้สามีของเธอเข้าใจ พร้อมกับประโยคสุดท้ายที่ทำให้สามีสะดุ้ง
"อะ!!!! "
"ค่ะ ตัวเลือกของเราคือ อี้ ฟ่งเทียน ริว ได ไร"
"อย่ามาเอาลูกชายคนอื่นเข้าไปรวมในความคิดของตัวเองได้ไหมครับ พวกคุณเป็นครอบครัวคุณหมอที่น่ากลัวจริง ๆ " ชินกุมขมับกับความคิดของแพรไหมที่จะรั้งลูกสาวเอาไว้กับตัว โดยการยัดเยียดให้ลูกชายคนใดคนหนึ่งของบ้านหลังนี้
"แต่ฉันทาบทามผู้ชายเค้าไปแล้ว ฉันอยากดองกับบ้านหนูอามู่ ตอนนั้นลูกชายตัวดีของฉันทำพลาด ฉันก็ไม่อยากจะพลาดอีก การผิดคำสัญญามันอาจจะทำให้คนแก่อย่างฉันตายตาไม่หลับ" หญิงชราเดินเข้ามาหาลูก ๆ ที่ยืนถกเถียงกันเสียงดัง
"เด็ก ๆ ควรมีสิทธิ์ได้เลือกเองนะหม๊า" ไคค้านคนเป็นแม่ของเขาและย่าของเด็ก ๆ
"พี่ชายไม่ให้น้องแต่ง พ่อไม่เอาพี่ชาย ลูกสาวไปไหนไม่ได้ หลานสาวบ้านนี้มองไปทางไหนก็ขึ้นคาน และฉันก็เสียดายความสามารถของอาคุน อนาคตไกลแน่ ๆ ตอนนี้น่าจะเรียนใกล้จบแล้ว" ไป๋จูผู้เป็นย่าพยายามพรีเซนเตอร์ ให้สองพ่อที่มีลูกสาวได้ฟัง
"ก็ดีนะหม๊า ให้แต่งกับเหม่เหม อายุใกล้ ๆ กันจะได้คุยกันรู้เรื่อง" ไคพยายามโบ้ยให้บ้านนู้นต้องรับสิ่งที่ตัวเองเคยทำผิดไว้ในอดีต
"แต่งกับผิงผิง แกต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่เหม่เหม แกบอกเองว่าแกรับผลที่ตามมาได้ทุกอย่าง ตอนนี้ถึงเวลาที่แกต้องทำตามสิ่งที่แกพูดแล้ว เธอคงเข้าใจนะแพรไหม ถึงเวลาที่ต้องทำตามสัญญาแล้ว เธอแย่งมันมา ถึงเวลาเธอก็ต้องคืน แค่ก ๆ แคก ๆ มันคงเริ่มใกล้ถึงเวลาของฉันเต็มที" ร่างกายที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงจากวัยชราของไป๋จูผู้เป็นแม่ ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยคำใดใดต่อ เพียงแต่เข้าไปดูแลสุขภาพของคนเป็นแม่เท่านั้น
.
อีกด้านทางเด็ก ๆ
กลางดึกที่เด็ก ๆ ไม่สามารถนอนกันได้เต็มตา เงามืดที่เข้ามาพร้อมจะทำร้ายพวกเขาได้ทุกเมื่อ พวกเขาต้องเสียเลือดเสียเนื้อไปเท่าไหร่แล้ว ทำให้เด็ก ๆ ทุกคนเฝ้ารอแม้ตัวเองจะนอนอยู่บนเตียง ตลอดเวลาเป็นสิบปีที่เขาได้แต่อดทนเพราะสู้บรรดาพ่อของตัวเองไม่ได้ แต่วันนี้จะไม่ใช่อีกแล้ว
ฟวับบบบ!!!! เสียงดาบที่ฟันเข้าอย่างจังกับที่นอน ก่อนจะโดนริวที่ใช้ BB Gun ยิงตอบโต้ เพื่อบอกว่าเด็ก ๆ อย่างพวกเขาจะไม่ยอมอีกแล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะลั่นไกล แรงจากวัตถุที่ยิงแสกเข้ากลางหน้าผากของริวทำให้ไฟทุกดวงในบ้านสว่างขึ้น สีแดงที่กลางหน้าผากของริว ทำให้คนที่โดนล็อกตัวยิ้มออกมา
"แพ้แล้วไอ้หนู แสดงว่าที่ฝึก ๆ กัน มันยังไม่พอ ปล่อยกู๋ได้แล้วเจ้าฟ่ง รอบนี้แกแพ้ ถ้าเป็นเรื่องจริงป่านนี้ไอ้ริวตายไปแล้ว ฉันก็มาเป็นทีม กู๋หลงของพวกแกเล็งมาจากที่บ้านยังยิงแม่นเข้ากระบาลเลย ริวตัดสินใจยิงช้าไป ฟ่งก็มองแต่ศัตรูตรงหน้ามากไป"
"ถือว่าเสมอกันนะเจ็ก ผมเอาอีกคนมาคืน" แล้วสองแฝดก็จับพ่อตัวเองมาโยนคืนคนเป็นลุง โดยที่มีลูกสาวของไคเองเดินมาด้วยรอยยิ้ม
"หนูก็ช่วยจับเจ็กโทร่าด้วยนะ หนูเก่งใช่ไหมคะป๊า" คนเป็นลูกสาววิ่งเข้าไปอ้อนคนเป็นพ่อ
"มึงไปทำอีท่าไหนให้โดนจับได้เนี่ย" ไคถามน้องชายที่โดนจับมัดเป็นมัมมี่ ก่อนที่ลูกชายของเขา จะมาแก้มัดให้
"มันให้เมียฉันโทรมาตามอะดิ พวกแกมันเป็นพวกขี้โกงเหมือนใครวะ แถมยังโดนลูกสาวแกเข้ามากอดอีก ทำอะไรไม่ถูกเลย ไปเป็นลูกสะใภ้บ้านเจ็กไหมคะ น่ารักจังเลย สวยได้แม่ ไม่ติดพ่อเลย แบบนี้เจ็กชอบ" โทร่าแหย่คนเป็นพี่ชายที่หวงลูกสาวเหลือเกิน
"ตลก!!! ลูกฉันเพิ่ง 18 ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ป๊าจะมาบอกว่า พรุ่งนี้อาม่าเค้าเชิญเฮียคุนมาทานข้าวที่บ้าน หนูอย่าลืมแต่งสวย ๆ ล่ะ"
"ทำไมคะ" ผิงผิงถามด้วยความสงสัย เพราะสีหน้าของพ่อเธอเศร้าเหลือเกิน
"มันเป็นการดูตัว" คำตอบของไค ทำให้ทุกคนตกใจไม่น้อย เพราะคนหวงลูกอย่างเขาไม่น่าจะยอมให้เรื่องดูเกิดขึ้นได้ แต่นี่กลับบอกให้ลูกสาวตัวเองแต่งตัว
"ค่ะ ที่จริงหนูเคยเจอเฮียคุนหลายครั้งแล้ว ก่อนเค้าจะไปฮ่องกง เค้าก็นิสัยดี ถ้าหนูปฏิเสธเค้าน่าจะเข้าใจ" หญิงสาวที่มองโลกสวยงามเอ่ยพูดกับคนเป็นพ่อ
"หนูนั่นแหละไม่เข้าใจ เจาะจงมาแล้ว ว่าหนูต้องแต่ง เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ครอบครัว" ไคมองหน้าคนเป็นลูกสาวที่แววตาแฝงไปด้วยความคิด
"งั้นเหรอคะ ก็อาจจะดีกว่าตอนนี้ก็ได้"
.
Ryu Say ::
"เอาไง มันจะมากไปแล้ว ฉันจะทำลายการดูตัวนี้ ใครเอาด้วยบ้าง" คำถามของผม ทำให้พี่ ๆ น้อง ๆ ยกมือขึ้นเห็นด้วยทุกคน
"เอาให้มันไม่กล้าเข้าบ้านไป๋อีกเลย" เฮียฟ่งพูดมาพร้อมแววตาที่ทอโทสะที่มันสุมอยู่ในอกน้อย ๆ
"ถามจริงนะ ฉันเนี่ยหวงน้องเป็นปกติ พวกเฮียเนี่ยหวงน้องเป็นปกติปะ พักหลัง ๆ ฉันเริ่มรู้สึกไม่ปกติแล้วนะ" ไร ถามขึ้น มันทำให้ผมสะอึกน้อย ๆ
"ฉันก็หวงหมด เหม่เหมฉันก็หวง ฉันเนี่ย เลี้ยงทุกคนมากับมือ น้ำก็อาบให้ ใครจะมาเอาไปง่าย ๆ ได้ไง" ผมจะยอมให้ใครมาเอาน้องของผมไปได้ยังไง ใครก็ไม่รู้ที่โผล่มากินข้าว แล้วคุยเรื่องแต่งงานเลย แบบนี้ผมรับไม่ได้
"ผู้หญิงแต่งออก คนบ้านไป๋ก็คือบ้านไป๋ไหม จะให้ไปที่อื่นได้ยังไง" เฮียฟ่งดูเหมือนจะหงุดหงิดไม่แพ้กัน แน่ละสิ รายนั้นหวงน้องมากกว่าผมเยอะ เฮียฟ่งถูกปลูกฝังมาตลอด ว่าต้องดูแลน้อง ๆ ยิ่งน้องสาว เฮียก็ยิ่งห่วงมาก
ผมมองหน้าเฮียฟ่งกับสองแฝดอย่างรู้กัน วันพรุ่งนี้สนุกแน่ ๆ คิดจะมาฉกไข่ ฝันไปเถอะ
.
เช้าวันถัดมา
การมาของอาคุนทำให้บ้านผมตื่นเต้น วันนี้เฮียฟ่งออกไปรับแขก แล้วให้ผมมาลักพาตัวน้องให้ห่างจากการดูตัวนี้ที่สุด ผมพาสาวน้อยที่แต่งตัวอย่างน่ารักเลย ตามที่พ่อเธอสั่ง
"หนีการดูตัวแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ แบบนี้เจ้เหม่เหมจะเดือดร้อนรึเปล่า"
"ไม่ต้องห่วงหรอก เฮียฟ่งดูแลอยู่แล้ว ห่วงแต่ตัวเองเถอะ อยากแต่งงานรึไง ที่เราหนี ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อฟัง แต่เราทำเพื่อบอกคนบ้านใหญ่ ว่าเราไม่เอาระบบคลุมถุงชนแบบนี้" สิ่งที่เราทำมันเป็นแค่การรักษาสิทธิ์ของเรา แค่ไอ้สิ่งที่เราเจอมันมาตั้งแต่เด็ก ตัวเราเองนั้นแทบไม่มีสิทธิ์เลือก เราต้องเสี่ยงตายอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ต้องมาอยู่รวมกันตั้งแต่ 5 ขวบ โดยไม่มีสิทธิ์เลือกว่าเราอาจจะอยากอยู่กับพ่อแม่มากกว่า
"งั้นฉันก็ควรมีสิทธิ์เลือกสินะ ฉันอยากกลับไปดูตัวค่ะ" ผมที่กำลังจะพาน้องสาวไปขึ้นรถต้องหยุดชะงัก เพราะน้องผมเองนั้นอยากกลับไปดูตัว
"ทำไม??? "
"ฉันเองก็เบื่อแล้วกับการที่ต้องรับผลที่ตามมา คิดบ้างไหมว่าฉันหนี เจ้เหม่เหมก็ต้องซวย พวกเฮียเอาแต่ใจจนลืมคนรอบข้างไปไหม อย่าลืมนะว่าเราทำอะไร มันจะมีผลตามมาตลอด" น้องสาวผมมีสีหน้าเศร้าลง
"เฮียยอมรับอยู่แล้ว ถึงบอกว่าเราแก้ปัญหาได้ไง" ผมพยายามพูดให้น้องเปลี่ยนใจ
"ไม่!! พวกเฮียจัดการแต่ปัญหาตัวเอง ตั้งแต่เด็กยันโต ฉันต้องรับสิ่งที่ตามมากับสิ่งที่พวกเฮียทำ ครูไม่ชอบฉัน เพื่อนไม่ชอบฉัน ทุกคนไม่ชอบฉัน แต่ไม่ใช่จากสิ่งที่ฉันทำ เค้าไม่ชอบฉันจากสิ่งที่พวกเฮียทำ พวกเฮียรับผิดชอบอะไรได้บ้าง??? " ประโยคของน้องทำผมสะอึก ผมไม่เคยรู้ว่าเธอต้องแบกรับอะไรที่ผมทำ แต่ฟังแล้วหดหู่ใช้ได้เลย ผมไม่รู้ว่าน้องเจออะไรมา
"จะกลับไป ทำตามที่ผู้ใหญ่บอกงั้นเหรอ เราต้องยอมทำตามใจเค้ารึไง" คำถามของผมทำให้น้องเกิดอาการชั่งใจ ถึงจะแค่ไปกินข้าวรู้จัก แต่ถ้าผู้ใหญ่คุยจะให้แต่งงานกันล่ะ ผมไม่ได้คิดว่าจะดูแลน้องตลอดไป แต่นี่น้องผมแค่ 18 ขวบเองนะ ชีวิตยังต้องเลือก ยังต้องเจออะไรอีกเยอะ
"ถ้าฉันไม่กลับไปแล้วเจ้เหม่เหมต้องแต่งแทนล่ะ" คำถามที่ทำเอาผมสะอึกอีกครั้ง กับเหม่เหมงั้นเหรอ ถ้าเหม่เหมต้องแต่งแทน ผมก็ไม่โอเคนะ น้องผม ผมก็หวงหมดแหละ ใช่ไหม?? เอาไงดีวะ
"เหม่เหมมีเฮียฟ่งเทียน"
"แต่ถ้าอาม่ากับอากงพูด ทุกคนก็ขัดไม่ได้แล้วนะ ไม่เอาละ ฉันจะกลับไป ฉันไม่ใช่พวกเฮีย ที่ทำอะไรแล้วจะให้คนอื่นมาเดือดร้อน จำไว้ นี่เค้าเรียกว่าสามัญสำนึกที่พวกเฮียไม่ค่อยจะมี" น้องวิ่งกลับเข้าบ้านใหญ่ แน่นอนผมก็ห้ามอะไรไม่ได้ ไม่เคยรู้เลยว่าน้องโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ผมกับน้องเดินมาร่วมโต๊ะอาหาร ที่ตอนนี้เป็นโต๊ะกลมใหญ่ การมาของเราทำให้ทุกสายตาหันมามอง
"ขอโทษค่ะ บ้านมันใหญ่หนูหลงทาง" ผิงผิงเอ่ยประโยคที่ทำเอาคนเป็นชายอย่างผมกุมขมับ หนูอย่าได้คิดโกหกใคร หนูโกหกได้แย่มาก
เรานั่งลงกับโต๊ะอาหาร น้องต้องไปนั่งข้างไอ้อาคุนอะไรนั่น ประหนึ่งสนิทชิดเชื้อ ผมมองหน้าเหม่เหมที่ดูเหมือนจะโล่งใจไม่น้อย ที่น้องกลับมา ทำไมผมต้องแอบโล่งใจเหมือนกันด้วยนะ เอาคนขี้ลืมแบบนี้ไปทำอะไรได้
"ผิงผิง ตักอาหารให้พี่เค้าหน่อยสิลูก" อาม่าขอให้น้องตักอาหารให้คนที่นั่งข้าง ๆ แต่ไม่ว่าน้องจะตักอะไร เฮียฟ่งก็แย่งหมด อ๋อ...ผมเข้าใจละ พูดไม่ได้ ก็ทำให้มันชัดเจนเลยสินะ วิธีโคตรเด็กเลย
"อะไรของเฮียเนี่ย" คนที่โดนแย่งอาหารในจานเกิดอาการหัวร้อน
"ไม่เป็นไรครับ น้องผิงผิงตักไม่ได้ พี่ตักให้เอง" แล้วอาคุนก็คีบอาหารใส่จานน้อง จนคนที่นั่งอยู่อีกด้าน หัวร้อนจนออกนอกหน้าเลยทีเดียว
"ขอบคุณค่ะ ขอโทษแทนเฮียด้วยนะคะ"
"ไม่เป็นไร ผมคีบให้เฮียน้องผิงผิงด้วยก็ได้" แล้วหนุ่มหล่อแขกที่พวกผมไม่ชอบขี้หน้า ก็คีบอาหารให้เฮียฟ่งอีกคนเป็นการแก้ปัญหา
ตอนแรกว่าจะมาช่วยน้อง ทำไมตอนนี้ผมถึงรู้สึกสนุกนักนะ งานนี้ไม่ใช่เล่น ๆ ซะแล้ว ไอ้นี่มันอาจจะเจ๋งพอตัวเลย ถ้ามันเป็นคนดีดูแลน้องได้ เราเป็นพี่ชายก็ควรจะโอเคไหม บนโต๊ะอาหารคุยกันสนุกสนาน จนถึงตอนที่จะเสิร์ฟของหวาน ผมถึงได้สังเกตเห็นสายตาที่มันแอบมองเหม่เหมอยู่ตลอดเวลา
มาดูตัวผิงผิง แต่มองเหม่เหมตลอดเนี่ยนะ มึงจะเป็นพญาเทครัวรึไง ผิงผิงยังคงตักของหวานให้ไอ้อาคุนนั่น หล่อดีจริง ๆ เลย แบบนี้เจ้าชู้แน่
"แฝด สืบประวัติมันมาที"
"ทำนานแล้ว ทายาทคนเดียวของตระกูลซือ ที่ส่งออกเครื่องมือการแพทย์ไปทั่วโลก เรียนจบบริหารธุรกิจตั้งแต่อายุ 20 ตอนนี้เรียนโทแล้ว ประวัติดีงามมาก สวยกว่าของพวกเฮียอีก ดูดีอนาคตไกลจริง ๆ ด้วย แบบนี้สินะอาม่าเลยอยากดอง" สองแฝดอ่านประวัติเสียงดังกลางโต๊ะอาหาร Ipad ถูกสไลด์ขึ้นลงด้วยความตื่นเต้นกับข้อมูลที่ได้
"เรื่องผู้หญิงล่ะ" ผมถามขึ้นมา จะได้รู้ ๆ กันไปเลย
"มีแฟนมาบ้างนะเฮีย ที่หาได้ ไม่เกิน 3 คน แต่ละคนนานซะด้วย" ไรพูดตามข้อมูลที่หาได้
ทำไมอะไรมันก็ดูสวยงามหมดวะ ไม่มีที่ติเลย แบบนี้จะหาช่องโหว่ไหนมาทำให้การดูตัวครั้งนี้พัง อายุน้อยกว่าผม แต่เรียนตามผมทันงั้นเหรอ
"พอดีผมต้องบินทำงานที่ฮ่องกงบ่อย ๆ โรงงานของเราอยู่ที่ฮ่องกงครับ ตอนนี้ผมต้องงานในบอร์ดบริหาร ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้คนรักสักเท่าไหร่ เป็นสาเหตุให้เลิกรากันไป ตอนนี้จะกลับมาตั้งใจเรียนสองปีนี้ให้จบ ตามที่ตั้งใจไว้ครับ หวังว่าพวกเฮีย ๆ จะชี้แนะ"
"รู้จักถ่อมตัว เป็นยอดดี เค้าเก่งขนาดนี้ยังถ่อมตัว พวกแกคงไม่รู้จักคำนี้สินะ เจ้าฟ่งทำไมเงียบไปเลย" อาม่าถามขึ้นกลางโต๊ะอาหาร
"ผมกำลังนับอยู่ ว่ามันมองหน้าเหม่เหม ไปกี่ครั้งแล้ว ผมไม่ปลื้มหรอกนะพวกโปรยปรายเสน่ห์"
"มองไป 37 ครั้ง ถ้ารวมเมื่อกี้ด้วย" ผมตอบคนเป็นพี่ชาย ก่อนจะหันไปมองหน้าแขก ที่ตอนนี้มีสีหน้าตกใจเล็กน้อย
"คือผม....."
ไปไม่เป็นเลยสิ พลาดมาแล้วต้องรีบขยี้ เอาให้ไม่กล้ามาอีก
"ขอโทษนะครับคุณอาจู แต่ผมไม่สามารถหยุดมองเธอได้เลย ถ้ามันเป็นการเสียมารยาทผมต้องขออภัย ผมไม่ได้โปรยเสน่ห์ แต่ผมแค่หยุดมองไม่ได้ ผมหวังว่าพวกคุณจะเข้าใจ เวลาผมพบใครผมจริงจังนะครับ"
ไอ้ประโยคสุดท้ายนี่มึงบอกใคร ทำไมเหม่เหมถึงก้มหน้าก้มตากิน ไอ้นี่มันวอนซะแล้ว เฮียฟ่งไม่ปล่อยให้แกจีบน้องตัวเองแน่ใช่ไหม ผมหันไปมองเฮียฟ่งว่าจะเอายังไงต่อ
"ชอบก็จีบดิ ห้ามจิ้ม ห้ามแตะเนื้อต้องตัว ห้ามพาน้องสาวฉันไปทำอะไรในที่ลับสายตา ห้ามพาออกจากบ้าน ไปไหนน้องฉันจะต้องมีผู้ติดตาม รับได้ไหม รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ถอดใจไป จำไว้ว่ามันจะไม่มีการเดต เพราะแกจะเจอพวกฉันไปทุก ๆ ครั้งเลย ไปได้แล้วผิงผิง เธอหมดประโยชน์แล้ว"
"อะ ฉันหมดประโยชน์แล้วงั้นเหรอ ไม่เห็นเข้าใจเลย"
ทำไมผมถึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับคำตอบแบบนี้เลย แม้จะเซฟเหม่เหมก็จริง แต่ผมก็ไม่โอเคอยู่ดี ทำไมนะ
.
==================