ผิงผิง Say ::
@วันที่สดใส
และฉันที่ห่อเหี่ยว การไปมหาลัยของฉันมันยากลำบากมาก เพราะฉันไม่มีเพื่อนเลย แม้จะอยากมีใจแทบขาด พยายามทำตัวน่ารัก ไม่โหดร้ายกับใคร แต่นามสกุลที่ฉันแบกเอาไว้ ทำให้ทุกคนรู้และรักฉันด้วยแปรงลบกระดาษบ้าง แก้วน้ำบ้าง เพราะลงกับพวกเฮียของฉันไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่ได้สู้หรอกนะ เพราะฉันกลัวพวกผู้หญิงจะไม่กล้าเป็นเพื่อนกับฉัน ก็ตอน ม.ปลาย ฉันดันทนไม่ไหว แล้วจัดการพวกที่มาแกล้งฉัน คนทั้งโรงเรียนก็กลัวฉันจนไม่กล้ายุ่งกับฉันอีกเลย ครั้งนี้ฉันยอมให้พวกเพื่อน ๆ แกล้งแก้เหงา เฮ้ออออ ทำไมการเป็นนิสิตมันยากแบบนี้นะ
"นั่นไง...ที่เค้าบอกว่า แกล้งเท่าไหร่ก็จะไม่ตอบโต้อะ"
"เออดี กูละโคตรเกลียดพี่ของมันเลย"
แล้วก้อนกระดาษกลม ๆ ก็ถูกขว้างมาใส่ฉัน เมื่อเขาเห็นว่าฉันยังไม่ตอบโต้ มันก็ตามมาด้วยอะไรที่หนักกว่า เช่นรองเท้า ฉันเห็นแล้วเลยเอี้ยวตัวหลบ แต่ไม่ทันที่รองเท้าจะมาถึงตัวฉัน มันก็ถูกหยุดอยู่กลางอากาศ
"นี่เอง พวกที่มันแกล้งกระต่ายน้อยของฉัน" มือใหญ่สำรวจรองเท้าในมือ ก่อนจะพยายามเข้าไปหาเรื่องคนที่เป็นเจ้าของรองเท้า
"ไม่เอานะเฮียฟ่ง" ฉันตรงเข้าไปแย่งรองเท้าจากมือเฮียฟ่ง แล้วเดินไปหาเจ้าของรองเท้าที่ตอนนี้หน้าเหวอไปหมดแล้ว เดี๋ยวเสียภาพพจน์คนเรียบร้อยของฉันหมด
"ขะ...ขอโทษครับ" แววตาของเจ้าของรองเท้าดูหวาดกลัว แย่แล้ว ฉันจะกลายเป็นคนน่ากลัวรึเปล่า
"ไม่เป็นไรค่ะ ต่อไปอย่าให้มันลอยออกจากเท้าอีกนะคะ" ฉันพยายามยิ้มหวาน เผื่อเขาจะอยากเป็นเพื่อนกับฉันบ้าง แต่เพราะคนที่เดินตามหลังฉันมา ทำให้พวกเขาวิ่งจู๊ดดดด หนีฉันไปเลย
อ่าววววว!!! หนีไปไหนอ่า มาคุยกับฉันก่อน............ฉันหันไปมองพี่ชายที่มาทำไม เฮียฟ่งยื่นหน้าเข้ามาหาฉันจากด้านหลัง
"เธอกำลังทำอะไร" เสียงของเฮียฟ่ง ทำให้ต้องผลักเขาออก เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยไอ้ชอบเอาหน้าเข้ามาใกล้ฉัน ฉันไม่มีความจริงอะไรจะพูดกับเฮียทั้งนั้น
"เฮียทำให้ว่าที่เพื่อนของฉันหนีไป" ฉันมองคนที่หนีไปแล้วถอนหายใจออกมา จริง ๆ เขาอาจจะอยากเป็นเพื่อนกับฉัน ฉันตั้งใจไว้แล้วน้าาา ว่าเทอมนี้ฉันจะมีเพื่อนให้ได้
"ว่าที่เพื่อนงั้นเหรอ ทำไมฟังดูตลก มันกำลังแกล้งเธอชัด ๆ "
"พอแล้ว ไม่เถียงด้วยแล้ว เฮียอย่ามายุ่งกับฉัน ฉันจะไปเรียนแล้ว" ฉันผลักคนเป็นพี่ชายออกอีกครั้ง ก่อนจะเดินหนีเฮียฟ่งไปเลย
ไม่ใช่ว่าฉันอยากทำตัวงี่เง่า แต่ตอนประถมฉันเคยฟ้องเฮียฟ่ง แล้วเฮียฟ่งจัดการพวกเด็กที่แกล้งฉันจนหมอบ ฉันก็ไม่มีเพื่อนอยู่ดี ฉันอยากมีเพื่อนผู้หญิงคุยกันกะหนุงกะหนิง ไปช้อปปิ้ง เมาท์เรื่องผู้ชาย ทำไมมันถึงได้หายากนัก
ฉันมีทักษะทางสังคมน้อยมากเลย จะไปนั่งเรียนด้วยยังไม่กล้า เพราะกลัวว่าสาว ๆ ที่ฉันไปนั่งใกล้จะโดนลูกหลง ฉันเลยต้องนั่งเรียนคนเดียวแบบนี้ทุกวัน มันเลยทำให้ทุกวันของฉันเป็นวันที่โคตรน่าเบื่อ เฉกเช่นวันนี้
.
ตกตอนเย็น
"อ๊ากกกกก ไอ้ชั่ว!!! ป้ากกกก!!!! " ดาบไม้ถูกเหวี่ยงอย่างแรงจนกระทบกับดาบอีกอันที่ฟ่งเทียนถืออยู่ แม้ดาบวันนี้ของน้องสาวเขาจะหนักกว่าทุกวัน จนทำให้ฟ่งเทียนที่ตั้งรับดาบต้องตวัดดาบไม้ในมือคืนบ้าง เพียงแค่ครั้งเดียว ดาบไม้ของผิงผิงก็หลุดออกจากมือแล้วกระเด็นไปไกล
"น้ำหนักดี แต่ไม่มีสมาธิเลย"
"ขอโทษค่ะ ขออีกที" ผิงผิงเดินไปเก็บดาบที่กระเด็นหลุดลอยออกไปจากมือขึ้นมาตั้งท่าใหม่เพื่อจะฟันอีกครั้ง แต่ฟ่งเทียนกลับเก็บดาบของเขา ทำให้คนเป็นน้องสาวต้องร้องขอให้คนเป็นพี่ชายจับดาบไม้ขึ้นมาอีกครั้ง
"ไม่ฝึกแล้ว เธอไม่มีใจ เธอใช้แต่แรง สมาธิไม่มีเลย ให้เฮียฝึกอะไร บทเรียนในวันนี้จบแล้ว พรุ่งนี้ดีขึ้นค่อยเริ่มใหม่" ฟ่งเทียนหรี่ตามองคนเป็นน้องสาว ที่มีอะไรในใจไม่ยอมบอกสักอย่าง ก่อนจะมาดึงดาบในมือของคนเป็นน้องสาวมาเก็บ แม้เธอจะไม่พอใจก็ตาม
"ขอโทษค่ะ งั้นฉันไปอาบน้ำเลยก็แล้วกัน" พอผิงผิงจะไปอาบน้ำ ฟ่งเทียนก็ดึงคอเสื้อของเธอไว้ เขาต้องการให้เธอเล่าสิ่งที่อยู่ในใจ เพราะแบบนี้เขาแทบจะช่วยอะไรน้องสาวไม่ได้เลย
"ดึงเอาไว้ทำไมอ่าเฮียฟ่ง ฉันจะได้ไปอาบน้ำ ปล่อยสิ จะมาดึงเสื้อฉันไว้ทำไม วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์ให้เฮียแกล้งหรอกนะ" คนตัวเล็กในมือดิ้นเร่า ๆ เพื่อให้เขาปล่อย แต่พอคนเป็นพี่ชายไม่ปล่อย คนที่ตากลมโตไม่ต่างจากกระต่ายก็เริ่มออกไม้ออกมือ
ฟ่งเทียนรู้ว่าน้องสาวของเขามีความสามารถแค่ไหน ไม่มีทางเลยที่เธอจะสู้คนที่มารังแกเธอไม่ได้ แต่เธอทนให้คนพวกนั้นรังแกทำไม เขาถามยังไงน้องสาวของเขาก็ไม่มีท่าทีจะบอกเลยแม้แต่น้อย เวลาอยู่ที่บ้าน เธอมีท่าทีปกติต่อต้านทุกคนเป็นปกติ แต่วันนี้เธอกลับมีแววตาที่เหมือนกับซ่อนอะไรไว้ในใจ
"อยากรู้ในหัวของเธอในนี้ มันมีอะไร" ฟ่งเทียนใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากของคนเป็นน้องสาว
"ถ้าฉันบอกว่า ที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะพวกเฮียทุกคน เฮียจะทำยังไง ช่างเถอะ ฉันอาจจะหงุดหงิดมากไป ปล่อยได้แล้ว ฉันจะไปอาบน้ำ" แต่นอกจากฟ่งเทียนจะไม่ปล่อยแล้ว เขายังใช้สองมือช้อนเข้าใต้รักแร้ แล้วอุ้มน้องสาวขึ้นมาอย่างกับเด็กตัวน้อย
"เป็นแค่กระต่าย อย่ามาดื้อกับเฮีย เราต้องคุยกัน ว่าแต่ เดี๋ยวนี้ตัวหนักขึ้นรึเปล่า" ประโยคที่บอกว่าเธอตัวหนัก ทำให้ผิงผิงดิ้นที่จะยืนบนพื้นราบ ทำให้ฟ่งเทียนต้องยอมปล่อยเธอลง แล้วดึงเธอให้นั่งลงกับโรงฝึกในบ้าน
สายตาของฟ่งเทียนที่จะจับจ้องไปที่น้องสาว เพื่อให้เธอคลายความหนักใจของตัวเองออกมา อะไรที่ทำให้เธอยอมโดนแกล้ง แม้เธอจะสู้คนพวกนั้นได้สบาย
"เป็นปลากัดฉันท้องไปแล้ว มองอะไรขนาดนั้น เลิกได้แล้วไอ้ชอบเอาหน้าเข้ามาใกล้เนี่ย" เด็กน้อยเอื้อมมือไปปิดตาคนเป็นพี่ชาย แต่กลับถูกมือใหญ่รวบมือของเธอออกจากตา แล้วจับมันเอาไว้แบบนั้น
"เล่ามา"
"ฉันอยากมีเพื่อนอะ" ผิงผิงตอบออกมาอย่างไม่ได้เต็มใจนัก
"พวกเฮียไง"
"พวกเฮียช้อปปิ้งไม่ได้ ไปเรียนกับฉันก็ไม่ได้ ถึงฉันจะไปนั่งกินข้าวกับเฮียช่วงกลางวัน แต่ฉันก็อยากมีเพื่อนของฉันไง เพราะพวกเฮียนั่นแหละ ไปแกล้งคนไว้เยอะ ฉันเลยไม่เคยมีเพื่อนเลย ฉันยอมให้คนอื่นแกล้ง เผื่อพวกนั้นจะได้รู้สึกว่าฉันน่ารักแล้วอยากเป็นเพื่อนกับฉันบ้าง"
"เป็นสิ่งที่น่าสมเพชที่สุดเลยตั้งแต่ฟังมา หนูของเฮียคงจะเข้าใจอะไรผิด เพื่อนไม่สร้างกันแบบนี้ สิ่งที่เธอทำมันเรียกว่าขี้แพ้ ยิ่งเธอโดนแกล้ง เธอก็จะยิ่งไม่มีเพื่อน เพราะคนรอบข้างกลัวจะโดนบูลลี่ไปด้วย"
"เฮียจะไปเข้าใจอะไร เฮียมีแต่คนล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ฉันไม่เคยมีเพื่อนเลย ตั้งแต่ประถม เพราะนามสกุลของฉันมันน่ากลัว ถ้าฉันไม่ใช้นามสกุลไป๋อะไรมันก็อาจจะดีกว่านี้ ยังไงไป๋ทางสายเลือด ก็มีแค่เฮียคนเดียวอยู่แล้ว" ผิงผิงพยายามจะดึงมือออกจากมือของคนเป็นพี่ชาย แต่เธอกลับโดนดึงคืนจนร่างเล็ก ๆ ไปกระแทกกับอกแกร่ง โดยมีแขนใหญ่รวบรัดเธอเอาไว้แน่น
"เธอกำลังพาล จำเอาไว้ เธอจะต้องใช้นามสกุลไป๋ไปทั้งชีวิต"
"มีผัวก็ไม่ได้ใช้แล้ว" คำตอบของน้องสาวทำเอาเป็นพี่ชายต้องขมวดคิ้วเป็นปม เพราะคำตอบของเธอมันช่างน่าหงุดหงิด เธอพยายามจะทิ้งตัวตน เพียงเพื่อคนอื่น จะให้แต่งงานกับคนอื่น พวกเขาทุกคนไม่ยอมแน่ ๆ
"ไอ้ริวได้ยินเธอโดนตีก้นแน่ ๆ เอาไปฟ้องดีกว่า"
"อ๊าาา ไม่เอา แค่คิดก็เจ็บตูดรอเลย ฉันพาลจริง ๆ นั่นแหละ ฉันอยากมีเพื่อนช้อปปิ้ง อยากมีเพื่อนเอาไว้เมาท์ อยากสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นบ้าง สักครั้งก็ยังดี เฮียฟ่งมีวิธีไหม" ผิงผิงนั่งพิงกับแผงอกกว้าง โดยมีแขนใหญ่โอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอด
"เริ่มจากตีพวกที่มันเข้ามาแกล้งเธอก่อน เมื่อเธอไม่มีคนแกล้งแล้ว เพื่อน ๆ อาจจะเลิกกลัว" มือใหญ่ยกมือเล็ก ๆ ของคนเป็นน้องสาวขึ้นมาดู
"จะดีเหรอ"
"ดีสิ ถ้าเธอไม่ทำอะไรเลย มันเหมือนเธอบีบให้พวกเฮียไปจัดการเอง" มือเล็ก ๆ ของผิงผิงถูกบรรจงจุมพิตโดยคนที่เรียกแทนตัวเองว่าพี่ชาย แม้น้องสาวของเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็ตาม
"ขอบคุณค่ะ โล่งขึ้นเยอะเลย"
"เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นหอมแก้มได้ไหม"
ฟอดดดดด ปลายจมูกเล็ก ๆ หอมเข้าที่แก้มของคนเป็นพี่ชาย เธอก็ทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก มันเป็นอะไรที่เธอทำได้แบบไม่ต้องคิดเลย เพราะยังไงเธอกับฟ่งเทียนก็เป็นพี่น้องกัน
"ขอบคุณค่ะ ไปอาบน้ำแล้วนะ เหม็นตัวเอง" ภาพของคนตัวเล็กที่วิ่งออกไป ทิ้งไว้แต่คนเป็นพี่ชายที่ยังนิ่งอยู่ที่เดิม
.
ฟ่งเทียน Say ::
"ที่ให้ไปสืบมาว่าไง สรุปน้องเป็นอะไร" ริวถามผมที่ดูอารมณ์ดีเกินเบอร์ วันนี้น้องหอมแก้มเลยนะ ปกติต่อต้านไม่ทำง่าย ๆ แบบนี้
"น้องอยากมีเพื่อน หาคนไปช้อปปิ้ง เมาท์หมอยฝอยตะเข็บ อ่อ เธอไม่ชอบที่จะใช้นามสกุลไป๋ เลยบอกว่ามีผัวก็ไม่ได้ใช้แล้ว" ผมฟ้องคนที่หัวโบราณอย่างไอ้ริว ให้มันไปมือเปื้อนเลือดแทนผม ผมตีน้องเอง น้องเกลียดพอดี
"ไร้ความเป็นกุลสตรีต้องโดนตี แต่ถ้าจะใช้ตระกูลจิน ที่จริงฉันก็ไม่ถืออะนะ" แล้วประโยคที่น่าหงุดหงิดก็ดังขึ้นโสตประสาท แกแค่ถือนามสกุลจินเอาไว้เพื่อรับมรดก ยังไงแกก็ต้องใช้นามสกุลไป๋อยู่ดี ใช่...เพราะธุรกิจท่าเรือของครอบครัวคุณแม่มัน ต้องส่งต่อในนามสกุลจินเท่านั้น ทำให้ตอนนี้ มันเลยถือนามสกุลจิน จนกว่าจะได้รับโอนหุ้นจากยายของมัน
"เฮ้ยยยย เฮียนั่นน้องนะ กินได้เหรอ" เหม่เหมถามคนที่หัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย
"ประเด็นมันคืออะไร" ไรถามขึ้น
"เพราะเราดันทำตัวดีไปหน่อย คนที่เราแกล้งไว้อยากเป็นเพื่อนกับเธอจัด เลยจัดการส่งรองเท้าผ่านฟ้ามา จะเจาะเข้ากลางกระบาลของเธอในวันนี้ เพราะเหตุการณ์วันนี้ เธอเลยบอกว่าเพราะพวกเฮีย คนอื่นเลยไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉัน" เธอบอกแบบนั้นจริง ๆ ผมจะต้องเลิกแกล้งชาวบ้านไหมนะ
"โคตรงี่เง่าเลย ห่วยเอง โทษพี่ชายได้ยังไง ฉันก็แกล้งคนอื่นเป็นปกติ เฮียฟ่งก็แกล้งคนอื่นเป็นปกติ" ไรพูดขึ้นมา โดยเอาผมเข้าไปรวมด้วย
"ไม่เหมือน ฉันแกล้งคนอื่นด้วยความรัก" ผมแก้ตัว
"รักตัวเองละสิไม่ว่า" ไดตอบออกมาพลางขยับแว่นที่ตัวเองใส่น้อย ๆ
"เออ แล้วไง ก็แกล้งเพราะมันสนุกไง พวกแกจะเอายังไงต่อ ไหนบอกอาอี้จะมาดูแลไง ไหงวันนี้ปล่อยให้น้องโดนแกล้งอีก" ผมถามคู่แฝดที่เมื่อวานมันไปดำเนินการแล้ว แต่วันนี้กลับไม่ได้เรื่อง
"หาเพื่อนไม่ได้ ก็สร้างเพื่อนให้เธอซะเลยสิ น้องสาวน่ารักแบบนี้ใคร ๆ ก็อยากเป็นเพื่อน" ไรยิ้มอ่อนออกมา แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
"มึงเป็นอะไรลูบแก้มอยู่นานเฮียฟ่ง" ไอ้ริวถามขึ้นมา
นั่งลูบตั้งนาน กว่าจะรู้ตัวแล้วทัก นึกว่าจะไม่ทักซะแล้วนะเนี่ย ฮ่าาา ๆๆๆ เอาสักหน่อย มันต้องมีคนร้อนรนกันบ้าง
"วันนี้น้องหอมแก้ม"
"ไอ้ชั่วให้ไปสืบ ไมมึงได้ความดีคนเดียววะ" คนที่มาดคุณชายเวลาโมโหนี่หยาบคายใช้ได้เลยนะ น่าสนุกจังเลย
"ตื่นเต้นทำไม น้องก็หอมแก้มฉันทุกวัน" เหม่เหมพูดขึ้นมากับความตกใจเกินเบอร์ของคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
"ที่จริง ไอ้ไดน้องก็หอมบ่อยนะ ทำไมต้องตกใจกันด้วย" ไรชี้ไปที่พี่ชายตัวเองที่นั่งเขิน นี่ก็คู่แข่งที่น่ากลัว มันใจดีกับผิงผิงมากกว่าใคร ใครก็รู้ ทำไมมันถึงถูกผิงผิงหอมบ่อยล่ะ ทำไม!!! จะมาอวดเขา ทำไมเป็นเราหงุดหงิดซะเอง
"ไรวะไม่ยุติธรรมเลย ทำไมมีแต่ฉันที่น้องเกลียดวะ" ริวยังคงโวยวาย ร้องหาความยุติธรรมจากใครบนโต๊ะนี้ได้เหรอ ก็กรรมการ มีอยู่คนเดียว
.