"หนีมานอนแบบนี้แม่ไม่ว่าเหรอ ฉันโทรไปบอกแม่เธอให้ได้นะ" ฉันหันไปถามคนที่นอนอยู่ตรงกลาง ข้างฉันบนเตียง
"ไม่เอาอะ แม่ฉันเนี่ยขยันขีดทางเดินให้ฉันจังเลย ฉันอยากใช้ความคิดของตัวเอง แต่แม่ก็พยายามจะชักนำทุกอย่างเลย โดยเหตุผลแค่ว่าสมัยก่อนแม่เชื่อฟังที่ยายพูดมากเลย แล้วก็ได้ดี เรียนจบหมอ แต่จบมาทำอะไร จบหมอมาเป็นเมียพ่อ หึ่ยยยย แบบนี้จะเรียนอะไรก็ได้มั้ง ทำไมต้องเป็นหมอ แม่พยายามพร่ำบอกฉันทุกวัน ว่าฉันควรจะเรียนหมอ ฉันเลยยื่นขอเสนอ จะเรียนหมอก็ได้ ถ้าฉันแพสชั่นไม่เจอ ฉันเดินทางไปนู่นไปนี่ไปนั่นมา 2 ปี โดยไม่กลับบ้านเลย แล้วหาตัวเองไม่เจอ เลยต้องมาเรียนหมอตามที่สัญญากับแม่ เล่าเรื่องของพวกแกบ้างดิ" อลิสเล่าเรื่องของตัวเองให้ฉันฟัง มันช่างแปลก แต่ก็นะ ของฉันก็ไม่ได้แตกต่างเท่าไหร่
"อากงฉัน ให้ฉันมาอยู่บ้านนี้ตั้งแต่ 5 ขวบ โดยที่ห้ามป๊าหม๊าเข้ามายุ่งเลย เราจะกลับไปนอนบ้านได้ในวันหยุด หรือจะไม่ไปก็ได้ เพราะอากงไม่อยากให้พ่อแม่มาบังคับเรา ว่าเราจะต้องเดินทางไหน แม้คนของตระกูลไป๋จะต้องสานธุรกิจของครอบครัวต่อ แต่อากงก็อยากให้เด็กทุกคนได้มีความคิดเป็นของตัวเอง ต่างกับเธอใช่ไหมล่ะ"
"เออ โคตรเฟี้ยวเลย"
"ไม่ เปล่าเลย ชีวิตฉันมีพี่ ๆ เป็นคนสอน แล้วเธอก็เห็นแล้ว ว่าพี่ของฉันเป็นยังไง มีใครเต็มบ้าง เฮียฟ่งหวงน้องมาก เฮียริวเจ้าระเบียบมาก เฮียไดเฮียไรแสบมาก ฉันควรจะเชื่อฟังใคร??? การที่เราถูกถักทอมาจากคนถึง 5 คน มันทำให้ฉันสับสนว่าอะไรคือความถูกต้อง" นี่คือสิ่งที่ฉันต้องเจอ คือการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง แม้จะผิดหรือถูก ก็ต้องลองมันด้วยตัวเอง
"แล้วถ้าคุณเลือกทางผิดละครับ"
"ยอมอ้าปากพูดแล้วเหรอ แกชื่ออะไร ถามไปสามชาติก็ไม่ยอมตอบ" อลิสหันไปถามคนริมอีกข้าง ที่นอนอยู่ที่พื้น
"คนที่บ้านเรียกผมว่าพีท คุณจะเรียกผมแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ผมสงสัย คุณถูกเลี้ยงมาโดยพี่ชาย จะรู้ได้ยังไงว่าอะไรผิดหรือถูก อายุอย่างเราต้องการผู้ปกครองในการอบรมสั่งสอน"
"ฉันอยากส่งแกไปเป็นลูกแม่ชั้นจังเลย" อลิสสบถออกมา จนฉันต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง
"เคยได้ยินคำนี้ไหม เราคือผู้ปกครอง ปกครองตัวเราเองไง การลองผิดลองถูกคือสีสันของชีวิต ผ้าขาวที่พ่อแม่แต้มสีให้ จะออกมาเป็นสีเดียวกับพ่อแม่ แต่อากงอยากให้ชีวิตของฉันเป็นเรนโบ ไม่ใช่แค่ฉันเป็นลูกเต่าดำแห่งไป๋กรุป แต่เป็นฉัน ที่เป็นฉัน" ฉันตอบพลางมองเพดาน ฉันไม่เคยรู้มีใครมาบอกว่าอะไรมันผิดหรือถูก ในชีวิตฉันมีพวกเฮีย ๆ มากกว่าพ่อและแม่อีก มันทำให้เด็กบ้านเราไม่เคยโดนพ่อแม่สปอยล์เลย
"อยากสมัครเป็นลูกบ้านนี้ บ้านนี้เคยมีเซ็กซ์หมู่ไหม ยังไงก็ไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดอยู่แล้ว" คำถามของอลิสทำเอาอารมณ์เปลี่ยนทันที
"เซ็กซ์งั้นเหรอ ไม่มี แต่ถ้าพวกเฮียพาสาว ๆ มาบ้าง ไม่บ้างอะบ่อยเลย บ่อยจนไม่รู้ว่าชาตินี้ฉันจะมีพี่สะใภ้ไหม ถ้ากินกันเองไม่มี เราแก้ผ้าอาบน้ำกันมาตั้งแต่เด็ก เห็นกันจะมีอารมณ์เหรอ"
"แล้วรอยที่คอแกใครทำ อย่ามาโกหกนะยะ บ้านฉันเปิดอาบอบนวด เรื่องแบบนี้ดูดแป๊บเดียวก็รู้เลย ว่านี่คือรอยดูด แกเอารองพื้นกลบไปเรียน แต่นี่อาบน้ำแล้วมันเห็นชัดเลย ว่ามันแดง อย่าโกหกนะ การเริ่มเป็นเพื่อน ไม่ควรเริ่มจากเรื่องโกหก"
"เฮียไดเป็นคนทำเพราะเค้าไม่มีสติ แล้วเฮียฟ่งก็ดูดซ้ำ บอกว่ารอยนี้เค้าจะรับผิดชอบเอง"
"ไอ้เฮียฟ่งอะไรของแกนี่มันร้าย เค้าคือคนที่มาชวนฉันไปกินข้าวร่วมโต๊ะกับแกใช่ไหม คนที่แกเดินจับมือตลอดทาง อย่างกับคนเป็นแฟนกัน" อลิสพูดออกรสออกชาติ
"บ้า!!! " ฉันรีบท้วงก่อนจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่
"เค้ามาบอกให้ผมอยู่ห่าง ๆ คุณผิงผิงด้วยนะ" คนที่ฟังเงียบๆ ก็ลุกขึ้นมานั่ง เพื่อสนับสนุนความคิดของอลิส
"ฉันทำแบบนี้กับพี่ชายทุกคนเลย" แค่กับเฮียฟ่งอาจจะพิเศษ เพราะเขาวนเวียนอยู่ข้างชั้นอยู่ตลอดเวลาอ่า
"เออจริง เหมือนที่แกดูดคอพี่ชายในห้องน้ำหญิงใช่ไหม มันเป็นความสัมพันธ์แบบไหนวะ" อลิสยังไล่บี้ เพราะฉันตอบไม่เคลียร์
"เค้ารู้สึกผิดที่ทำฉันคอแดง เลยตามติดไปทุกที ฉันทำแค่ความรำคาญอะ จะได้หาย ๆ กัน แล้วเลิกตามฉันสักที ตามเข้ามาในห้องน้ำหญิงคิดดูดิ มันเกินไปไหม ฉันก็ไปแบบนั้นเองไม่ได้คิดอะไร เฮียไดก็คงไม่คิดอะไรด้วย"
"เอ่อ ไม่มีใครเค้าทำแบบนี้กันหรอกนะครับ"
"เออ ความคิดแกโคตรประหลาด นอนดีกว่า พรุ่งนี้ยังต้องไปเรียน เรียนหมอนี่แม่งโคตรสยองเลย" แล้วอลิสก็ดึงผ้าห่ม ขึ้นมาปิดจนถึงคอ ก่อนจะปิดตัวเองลง เหมือนชัตดาวน์จากเสียงที่เจื้อยแจ้ว
ไม่เคยได้นอนเรียงกันกับเพื่อนแบบนี้เลย ได้คุยกับคนอื่น ในเรื่องที่คุยกับพวกพี่ ๆ ไม่ได้ เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าเฮียฟ่งไม่อนุญาต ตอนแรกฉันคิดว่าเฮียฟ่งไม่อยากให้ฉันมีเพื่อน แต่พออลิสมาถึงได้รู้ว่าเขาก็แค่เป็นห่วงเราเป็นปกติ แถมยอมให้พีทค้างที่นี่ด้วย บางทีฉันเองก็อาจจะเอาแต่ใจเกินไป ฉันเผลอเอามือขึ้นมาลูบริมฝีปากของตัวเอง เขาจูบเราทำไมนะ ตั้ง 2 ครั้ง
.
เช้าวันต่อมา......
"ชุดวอร์มอีกแล้ว เอาจริงดิ ชุดวอร์มแกให้ไอ้พีทใส่ แกใส่เสื้อผ้าให้มันดี ๆ หน่อยได้ไหม เป็นผู้หญิงภาษาอะไร ไม่ไหวเลยไม่มีสไตล์เอาซะเลย พี่แกอย่างกับเจ้าหญิง แกนี่คนใช้เลยนะ เปลี่ยนๆ "
ทำไมก็ใส่แบบนี้มาตลอด พวกพี่ ๆ ฉันก็บอกว่าสวยแล้ว ฉันส่งชุดวอร์มให้พีท ที่เอามือปิดตาที่เราเปลี่ยนเสื้อผ้ากันอยู่ เราไม่ได้โป๊นะ เราใส่กางเกงใน ชุดชั้นใน และเสื้อกล้ามด้านในแล้ว ฉันหยิบชุดอื่นที่ไม่ใช่ชุดวอร์มลองมาสวมดู ที่จริงชุดแบบนี้ ฉันมีเอาไว้ใส่ในวันสำคัญ แล้วมันก็มีน้อยนิดมาก เพราะทุกชุดฉันล้วนแต่เป็นชุดวอร์ม
"แบบนี้มันต่อสู้ลำบากนะจะบอกให้"
"แกคิดว่าแกอยู่ในสมัยอยุธยารึไง ที่ต้องพร้อมสู้รบอยู่ตลอดเวลา อุ๊ยตาย มุกนี้คนจีนน่าจะไม่เข้าใจ" อลิสกุมหัวตัวเองน้อย ๆ ฉันก็ต้องกุมหัว ในความพูดไม่หยุดของเธอเช่นกัน
แล้วจู่ ๆ อลิสก็เอามือมาจับหน้าอกของฉัน แล้ววัดกับหน้าอกของตัวเอง แล้วทำหน้าเซ็งออกมา เซ็งอะไรน่าอกก็ออกจะใหญ่โต ใหญ่กว่าของฉันอีกมั้ง
"พวกนมธรรมชาตินี่มันดีจังเลยนะ นุ่มนิ่มจังเลย ของฉันแม่ให้มาน้อย ฉันรู้ตัวตั้งแต่มัธยม ว่าฉันจะต้องทำนมแน่นอน พอปี๊ฉันอนุญาต ฉันก็ไปทำนมทันที" อลิสเล่าถึงอกอวบของตัวเอง ที่มันไม่ได้มาจากธรรมชาติ แต่ของฉันเพราะแม่มีเยอะ เลยได้อานิสงส์จากแม่มามากพอสมควร
"ขอจับบ้างได้มะ มันเป็นยังไง" ฉันขอออกไปแบบหน้าด้านๆ เลย
"เอาดิ บอกเลยมันต่างกันนิดหน่อย"
คำอนุญาตจากอลิสทำให้ฉันลองจับที่เต้าอวบของเธอ แล้วออกแรงบีบเบา ๆ แม้มันจะไม่นิ่มเท่า แต่ก็ให้สัมผัสที่ดีอยู่น้า ดึ๋งดั๋งมือดีออก อลิสส่งสายตาให้ฉันหันไปมอง พีทที่ตอนนี้นั่งปิดตาทั้งสองข้าง กับสิ่งที่เราทำ แค่จับนม ต้องปิดตาด้วยเหรอ???
"ขอสักนิดเถอะ" อลิสเดินเข้าหาพีทก่อนจะดึงมือที่ปิดตาของพีทออก แล้วเอามาจับที่หน้าอกของเธอแทน ทำให้พีทต้องชักมือกลับทันที
"กลัวนมผู้หญิง เป็นผู้ชายแบบไหนเนี่ย" อลิสถามชายหนุ่มตรงหน้า
"เค้าก็ต้องจับของคนที่รักไม่ใช่เหรอครับ แล้วนี่มันก็เป็นการข่มขืนนะครับ เพราะผมไม่เต็มใจ"
"เกย์ชัด ๆ ไม่มีแมนผสมเลย เอาเถอะ สำหรับพวกเรา มันอาจจะไม่ใช่ของสวยงามสำหรับแกก็ได้" อลิสเดินมาเอาชุดวอร์มที่ตัวใหญ่ที่สุดของฉัน ส่งให้พีท แต่พีทกลับนั่งบิดอยู่แบบนั้น ไม่กล้าเปลี่ยนเสื้อผ้า
อะไรพวกเราเป็นผู้หญิง ยังไม่อายเลย แต่เค้าเป็นผู้ชาย กลับอายเรางั้นเหรอ แบบนี้ได้เหรอ ตลกจัง ฉันชี้ไปที่หลังตู้เสื้อผ้า ให้พีทได้มีพื้นที่แต่งตัว การแอบใส่เสื้อผ้าของพีท ทำให้อลิสหัวเราะออกมาคิกคัก
"สงสัยจะจู๋แข็งเลยไม่กล้าให้เห็น" เสียงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู ทำให้ฉันต้องหันไปมองคนที่กลัวเห็น จนต้องไปแอบหลังตู้เสื้อผ้าจนมิด
เคยอ่านในอินเทอร์เน็ต ว่าในกลุ่มเพื่อนจะมีคนหนึ่งที่จะพาเราเลี้ยวเข้าเรื่องอย่างว่า ตอนนี้ฉันเจอแล้ว เพราะตอนนี้เธอยังจับนมฉันอยู่เลย แต่มันก็ อื้มมมม รู้สึกดีเหมือนกันแฮะ ไม่ได้ ๆ จะมาเคลิ้มได้ยังไง ฉันหรี่ตามองคนที่จับนมฉันอยู่ให้เลิกจับสักที
"หรี่ตาทำไม ก็มันนุ่มอ่า พ่อแม่ให้มาเยอะโปรดเข้าใจด้วย"
ฉันกับพีทแต่งตัวเสร็จมีแต่อลิสที่หาชุดไม่ได้ เลยจะขอกลับไปเปลี่ยนที่บ้าน แล้วจะตามไปมหาลัย ทำให้ฉันกับพีทต้องนั่งรถไปกลับเฮียฟ่ง แต่อลิสไปกับเฮียอี้ที่โดนบังคับให้นอนบ้านด้วย
"เป็นยังไง เมื่อคืนหลับสบายไหม" เฮียฟ่งถามขึ้นมา ในตอนที่เราเงียบกันอยู่นานแล้ว เฮียฟ่งเลือกที่จะทำลายความเงียบลงก่อน
"สบายค่ะ"
"ดีแล้ว"
"เฮีย เมื่อวานขอโทษนะ ที่ทำนิสัยไม่ดีและเอาแต่ใจ ฉันรู้แล้ว เฮียแค่เป็นห่วง" ฉันเป็นเด็กควรจะพูดมันออกไปก่อน มันเป็นมารยาท เมื่อวานฉันทำปึงปังใส่เฮียจริง ๆ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เด็กไม่ควรทำเลย
"ทั้งห่วง และหวงด้วย" มือใหญ่ยื่นมาลูบหัวฉันเบา ๆ
งี้แหละนะพี่น้อง ทะเลาะกันบ้าง แต่ก็กลับมาดีกันทุกครั้ง ฉันหันไปมองหน้าพีทที่ตอนนี้มีแต่รอยช้ำ เป็นผู้ชายที่ใส่สีชมพูขึ้นนะเนี่ย เมื่อเรามาถึงมหาลัย ฉันก็เปิดประตูลงรถด้วยความเคยชิน แต่พอฉันลงรถ รถก็ล็อกทันที เฮีงฟ่งหันมาคุยอะไรบางอย่างกับพีท ด้วยรอยยิ้ม แต่ฉันอยู่นอกรถไง เลยไม่รู้เค้าคุยอะไรกัน แกล้งเพื่อนฉันอีกรึเปล่า ฉันพยายามจะช่วยพีทลงจากรถ แต่มันกลับไม่มีการตอบรับจากคนเลย
อยากรู้เค้าคุยอะไรกัน!!!!! ฉันเอาหูแนบลงไปกับรถ แต่ก็ไม่ได้ยินอะไร ทุบกระจกเลยดีไหมเนี่ย ฉันยืนรออยู่นอกรถด้วยอารมณ์เซ็ง ๆ ก่อนจะไปเห็น กระดาษมากมาย ที่มีหน้าของอลิสติดเต็มไปหมดเลย เลยไปหยิบมาดู
.
นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!!!! ใครเป็นคนทำ ต้องรีบเก็บแล้วสิ ฉันพยายามเก็บกระดาษมากมายที่โปรยอยู่ทั่วบริเวณ มันเยอะมาก เก็บเท่าไหร่ก็เก็บไม่หมด
"ทำอะไรผิงผิง" ชายหนุ่มในชุดวอร์มสีชมพูเดินมาหาฉัน แล้วต้องตกใจที่มีใบหน้าของอลิสมากมาย โปรยอยู่บนพื้นถนนของมหาลัย
"รีบเก็บก่อนที่อลิสจะมาเห็นดีกว่า ไม่มีใครอยากโดนขุดคุ้ย หรือโดนบูลลี่หรอก นายไปคุยอะไรกับเฮียฟ่งมา ทำไมถึงห้ามฉันเข้าไป"
"ก็เค้าห้ามฉันจีบเธอ ฉันก็ตอบชัดเจนไปแล้วว่าฉันไม่ได้จีบ เค้าก็เลยปล่อยฉันออกมา" พีทยิ้มให้ฉันแห้ง ๆ แม้เราจะไม่ได้สนิทกัน แต่ฉันก็ไม่อยากให้เขาถูกรังแก แม้แต่กับพี่ชายฉัน
เรารีบเก็บกระดาษบนพื้นแล้วไล่เก็บมาเรื่อย ๆ จนมาถึงโรงอาหารที่มีใบปลิวแผ่นนี้แปะเต็มทางเดิน เยอะจนฉันรู้สึกว่า 2 คนคงเก็บไม่หมด
"นี่ไม่ใช่แกล้งกันเล็ก ๆ แล้วนะ ดูดิ พวกนั้นเอาภาพของอลิสที่ใส่ชุดว่ายน้ำมาลงทั้งนั้น แบบนี้มันใจร้ายมากเลย กะให้คนเข้าใจผิด ๆ " พีทชี้ให้ดูภาพในใบปลิว ที่มีแต่ภาพอลิสใช่ชุดว่ายน้ำ ไปเอาภาพพวกนี้มาจากไหนกันนะ
เรายังคงเก็บใบปลิวตามกำแพง โดยต้องต่อสู้กับคนมากมายที่ถือโทรศัพท์มาเพื่อถ่ายแล้วแชร์กันออกไป
"แกะ รีบแกะเร็ว ถ้าอลิสมาเห็นอาจจะเสียใจ" เสียงของกลุ่มหญิงสาว ที่มาแกะใบปลิวตามกำแพงเหมือนฉัน ทำให้ฉันต้องหันไปมองแล้วยิ้มให้ ดีจังเลยที่มีคนมาช่วยแล้ว
เรากับพวกแก๊งสาวแกะใบปลิวกันคนละฝั่ง แล้วมาเจอกันตรงกลางของทางเดิน เธอตรงดิ่งเข้ามาหาฉัน แล้วยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร
"วันนี้ แต่งตัวน่ารักจังเลยผิงผิง จำเราได้ไหม เพื่อนของอลิสไง เราชื่อจีน่านะ ไม่รู้ว่าใครทำเรื่องแบบนี้ ทุเรศสิ้นดี ทำแบบนี้ได้ยังไง คนที่โดนแกล้งจะเสียหายแค่ไหน" จีน่าแสดงท่าทีโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด
"นั่นสิ ร้ายกาจมาก อาจจะเป็นพวกไอ้ยักษ์ ที่อยู่ชมรมอเมริกันฟุตบอลที่เรามีเรื่องอยู่ แย่ที่สุดเลย" ฉันเองที่พาอลิสมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้
"เรามาช่วยกันเก็บเถอะนะ อย่าให้อลิสต้องมาเป็นอะไรแบบนี้เลย ยังไงเราก็ต้องไปคณะทางเดียวกันอยู่แล้ว" จีน่าชวนฉันไปช่วยกันเก็บใบปลิว จนฉันต้องหันไปมองหน้าพีทที่มาด้วยกัน
"ไปเถอะครับ ผมเรียนคนละคณะ พักเที่ยงค่อยมาเจอกัน" คำตอบของพีททำให้ฉันต้องจำใจ ไปกับพวกของจีน่า
"ผิงผิง เราชื่อเมย์นะ ส่วนนี่แคร์" สมาชิกในกลุ่มแนะนำตัวเป็นการใหญ่ ช่วงนี้พอจะมีเพื่อนก็มีเยอะเลย อิอิ ดีใจจัง เราช่วยกันเก็บใบปลิวไป พูดคุยกันไป นี่สิเขาถึงเรียกว่าเพื่อนผู้หญิง เมาท์เรื่องผู้ชาย แต่งหน้า ช้อปปิ้ง
.
อลิส Say ::
ทำไมวันนี้คนมองฉันแปลก ๆ เสื้อขาด หรือซิปไม่ได้รูด ช่างเถอะสายแล้ว เข้าคลาสดีกว่า ฉันเดินผ่านทางเดินของโรงอาหาร ก็เจอแก๊งทีมอเมริกันฟุตบอลนั่งเรียงราย มองฉันยกใหญ่
"Big Milk Big Milk" แล้วพวกมันก็หัวเราะชอบใจใหญ่
"นังลูกโสเภณี ครั้งที่แล้วฉันยังไม่ได้คิดบัญชี วันนี้ต้องเอาให้เข็ด ไม่มีใครมาช่วยแกได้อีกแล้ว" พวกชมรมทีมอเมริกันฟุตบอลเดินกรูเข้ามาหาฉัน ทำให้ฉันต้องเตรียมที่จะวิ่งหนี แต่กลับถูกพวกมันล้อมเอาไว้ ทำยังไงดี ทำยังไงดี
ฉันใส่เกียร์หมา วิ่งหน้าตั้ง แต่ฉันใส่ส้นสูงจะวิ่งตามพวกนักกีฬาได้ยังไง ฉันไม่น่าแส่หาเรื่องเลย ฉันวิ่งอย่างไม่ได้มองทาง จนสะดุดล้มลงไปกับพื้น ทำให้พวกมันจับฉันได้
"แกหนีฉันไม่พ้นแล้ว" มือใหญ่ของชายร่างยักษ์ กระชากหัวของฉันขึ้นมาจากพื้น
"แกจะทำอะไรกับฉัน พ่อฉันเอาแกตายแน่" ฉันเอาพ่อขึ้นมาขู่ คิดว่าพวกมันจะกลัวขึ้นมาบ้าง
"พ่อแกมันแค่พ่อเล้า พ่อฉันเป็นทหาร ที่สั่งปิดซ่องของพ่อแกได้อย่างสบาย ๆ "