Chapter 11 : โคแก่เจ้าเล่ห์
“อยากเป็นอะไรก็เป็นครับ... แต่ถ้าเธออยากเป็นสิ่งของมากกว่าเป็นมนุษย์ ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ก็ต้องเป็นของอาหมดน่ะสิ” พลันรอยยิ้มแสนจริงใจแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปาก
“ล้อเล่นน่ะ”
หญิงสาวกะพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงง เพราะเอาใจเจ้าของบ้านไม่ถูก ยังอกสั่นขวัญแขวนกับรอยยิ้มน่ากลัวชอบกล ขณะที่เขาผละมือออกจากการลูบหัวเธอเป็นเด็ก เดินนำไปถึงห้องครัว
“ปกติโอโต้ซังอยู่ยังไง? มีคนดูแลตลอดไหม...”
“ค่ะ... มีแม่นวลป้าแสงมาสลับ แม่ของรินเป็นบ้านประจำเวลาท่านเรียกใช้ มีพ่อครัวคนสวนอยู่อีกสามคน ท่านขอไว้ว่ามีผู้ชายอยู่ด้วยแล้วอุ่นใจบางทีมีงานยกของหนัก ๆ”
ร่างสูงหยุดยืนกลางห้องกว้างขวาง มองไปรอบ ๆ ห้องโทนสีขาวสะอาดตา เคาน์เตอร์ครัวฝังติดผนัง มีเครื่องดูดควัน ระบบอากาศถ่ายเทด้วยหน้าต่างบานสูงใหญ่จรดเพดาน มีความเป็นส่วนตัวเพราะผ้าม่านผืนโตสีน้ำตาลแก่ ทั่วทั้งห้องดูใหม่เหมือนมีคนดูแลมันเป็นอย่างดีหรือไม่มีใครเข้ามา...
“อานึกว่าโอโต้ซังจะจ้างพยาบาลมาอยู่เป็นเพื่อน...”
“มีค่ะคุณอา คุณหมอคุณพยาบาลเข้ามาดูอาการทุกอาทิตย์ ช่วงไหนท่านไม่สบายหนักมีพยาบาลประจำสามคนมาผลัดกันดูแลยี่สิบสี่ชั่วโมง แม่บ้านประจำที่นี่ทุกคนจบหลักสูตรดูแลผู้สูงอายุขั้นพื้นฐาน มีใบประกาศฯ รินก็เรียนมาค่ะ”
ไอรีนตอบชัดถ้อยชัดคำ เธอเตรียมคำตอบไว้แล้วเพื่อไม่ให้ใครต้องมามีปัญหาทีหลัง อันที่จริงทุกคนเรียกประชุมหมูกระทะบ้านแม่นวลกันด้วยซ้ำว่าหากโดนถามจะตอบว่าอะไรด้วยความสามัคคีสุด ๆ
“อ้อ... เช้านี้มีอะไรให้อาทานล่ะ? ปกติเห็นวางแค่ข้าวต้ม ขนมปัง”
“ลุงอ๊อดน่าจะทำข้าวต้มไว้นะคะ เอ่อ... ลุงทำอาหารญี่ปุ่นไม่เป็น กำลังไปเรียนค่ะ คุณท่านจ้างลุงเชฟคนนี้เพราะว่าท่านชอบทานอาหารไทย ท่านบอกว่าเบื่อ ออกไปข้างนอกประชุมกับเพื่อนร่วมงานก็กินแต่อาหารญี่ปุ่น”
เธอหน้าเจื่อนไป พอคุณลุงเดินผ่านมารีบวางอาหาร โค้งคำนับท่านพร้อมบอกว่าทำสุดฝีมือ
เจ้าของบ้านคนเก่าว่าดุจนลุงกลัวตัวงอแล้วคนใหม่ยังรู้ด้วยอีกว่าลุงพยายามหลบหน้ามาหลายวันหากว่าเขาไม่ถามหาว่ามีอะไรให้ทานบ้าง คงเป็นโชคดีของลูกจ้างที่นี่ งานมากมายก่ายกองทำให้เขากลับบ้านดึกทุกวัน มาถึงก็เข้าห้องนอนเลย ได้พูดคุยมากที่สุดคงเป็นนายสารถีที่ชื่อลุงเพิ่ม ที่คอยไปรับไปส่ง
ชายหนุ่มปรายตามองอาหารฝรั่งบนโต๊ะ มีขนมปัง ชีส ยังมีอาหารไทยอย่างข้าวต้มทรงเครื่องและผลไม้ เบเกอรี่หน้าตาน่ารับประทานบนโต๊ะอาหารตัวยาวเหยียด กระจกสีดำสนิทเข้ากับตัวบ้านทรงประยุกต์ พื้นหินอ่อนเงาสะอาดสาดสะท้อนแสงจากโคมไฟระย้าทำให้บ้านนี้ดูอลังการงานสร้างรวมถึงอาหาร
แต่จะมีประโยชน์อะไร อาหารเลิศหรูคงไม่อร่อยถ้าต้องทานคนเดียว...
“อาว่ายังไม่หิวเท่าไร ยังไงก็ขอบใจนะ...” ปลายเสียงหันไปทางหนุ่มใหญ่วัยหกสิบโค้งคำนับให้!
“ครับคุณท่าน...”
ด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงของทุกคนในบ้าน คงเพราะศรัณย์วริศทำให้พวกเขาวางใจได้ว่าไม่มีการเปลี่ยนพนักงานใหม่
“ไหนพาอาไปชมบ้านหน่อยตรงไหนมีอะไรใครทำอะไร ปล่อยเจ้าของเดินงงตั้งแต่มาเนี่ย นึกว่าคฤหาสน์ผีสิง ออ... ไม่ต้องให้ใครเรียกอาว่าคุณท่านนะ เรียกว่าคุณศรัณย์ก็พอ”
“ค่ะคุณ... ศรัณย์”
“อาไม่ใช่รุ่นเดียวกับเธอนะนังหนู”
“คุณอาศรัณย์” เธอตอบอย่างคนไร้ความมั่นใจ โค้งศีรษะลงเล็กน้อยอย่างรักษากิริยาเขาก็ยิ้มตอบบอกว่าเธอต้องเรียกเขาว่าคุณอาไปตลอดนั่นแหละ
ไอรีนพยายามที่จะควบคุมสติให้ดี เดินนำทางไปบอกเจ้าของบ้านว่าท่านทากะชอบทำอะไรเป็นพิเศษในแต่ละมุมบ้าน หากท่านไม่ใช้เวลาทั้งหมดไปกับฟิกเกอร์ นั่งอ่านมังงะในห้องสมุด ท่านชอบงานชงชา นั่งจิบมันไปเรื่อย ๆ อย่างคนญี่ปุ่นกับเพื่อนฝูงที่แวะมาเยี่ยมเยียน ท่านชอบที่จะนั่งฆ่าเวลาในสวนหลังบ้านที่มีน้ำพุและม้านั่งหินยามเหนื่อยล้าจากการทำงาน ด้วยระบบหายใจของท่านยังมีปัญหามาแต่กำเนิด นอกจากโรคหอบหืดแล้วท่านแพ้เกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง แพ้ทุกอย่างขนาดกลิ่นน้ำหอมท่านยังจาม
สองหนุ่มสาวเดินมาถึงสวนหย่อมที่ขนาบข้างด้วยสระว่ายน้ำในชั้นลอย ซึ่งคงจะต้องแหงนหน้ามองขึ้นไปเหนือม่านน้ำตกที่ไหลลงมาให้พื้นที่จิบกาแฟกลายเป็นมุมพักผ่อนสุดส่วนตัว โดยมีห้องเก็บไวน์สำหรับงานสันทนาการข้างหลัง
“คุณอาแพ้อาหาร แพ้ฝุ่นหรือแพ้อะไรไหมคะ? รินจะได้บอกคุณแม่กับคนในบ้านไว้”
“กีฬาเป็นยาวิเศษ... อาแข็งแรงเพราะออกกำลังกาย” คนคุยโม้ยกแขนขึ้นเบ่งให้เธอดูอีกต่างหาก
“ลองจับได้...”
เขาคิดว่าสาวน้อยคงหวังดี ดันนึกสนุกเวลาเห็นหน้าสวย ๆ มีอารมณ์สงสัย โกรธ หรือไม่พอใจ ไม่ใช่ทำตัวเป็นตุ๊กตาตอบรับคำสั่งอย่างว่าง่าย ซึ่งเขาเห็นอยู่ว่าแก้มสีแดงค่อยกลายเป็นสีซับเลือด
“ไม่ดีกว่าค่ะ... ไม่เป็นไรเลยค่ะ คือ... ไม่ได้รังเกียจนะคะแต่รินว่ามันไม่เหมาะเท่าไร...” เธอละล่ำละลักบอกพลางโบกมือปฏิเสธ คุณอากล้ามโตก็ยังยื่นต้นแขนเป็นล่ำสันที่มีมัดกล้ามเป็นลูก ๆ มาให้จนเธอต้องก้าวหนี
เพราะว่าเขาเหมือนจะแกล้ง ไอรีนเลยสะดุดหินกรวดเม็ดเล็ก ๆ ข้างสระว่ายน้ำให้ขายขี้หน้าอีก เธอแค่ร้องวี้ดว้ายตกใจหลังรองเท้าส้นเตี้ยเหยียบหินเม็ดเล็ก ๆ คงไม่ได้จะล้มแต่วงแขนกว้างกำยำกลับรีบคว้าไว้หมับ!
“ขอโทษค่ะคุณอา” พูดพลันเลื่อนมือไปจับต้นแขนของเขาเพื่อประคองตัวเองไว้ หัวใจสาวเต้นตึกประหลาด เมื่อกล้ามแขนที่เจ้าตัวอยากโชว์ออฟเสียเหลือเกินอยู่ในมือเธออย่างบังเอิญ
“เอ้า... อยู่บ้านนี้มาตั้งหลายปีแท้ ๆ ทำไมซุ่มซ่ามเดินชนนู่นนี่ไปได้”
ชายหนุ่มลืมมือลืมตัวไปสักหน่อยพอจับแล้วเลยบีบเข้าเต็มเปา ร่างบางสะดุ้งเฮือกตาเบิกกว้างมองเขา
“เอ่อ... คุณอามือไว... จังนะคะ”
“อาเป็นคนประสาทไวครับ”
“คือ... คุณอาจับ... ก้นรินอยู่ค่ะ”
คราวที่แล้วได้มือ คราวนี้ได้ก้น... ยังไงก็กำไร!
ศรัณย์วริศหมดมาดมุกผู้ดีแสนสุภาพบุรุษ เขาออกแรงกอดกระชับสาวน้อยในอ้อมแขน แล้วบีบก้นเข้าอีกที พลันจรดดวงตาเป็นประกายบนใบหน้าเห่อร้อน
“สมบัติของพ่อแต่เป็นของลูกไปแล้ว... เธอต้องเป็นตุ๊กตาโลลิต้าน่ารัก ๆ สิ ไม่ดื้อนะ... อาไม่ดุหรอกครับ ของของอา อาจะจับตรงไหนก็ได้ไม่ผิดใช่ไหม?”
เธอได้ยินเต็มสองหู! เพิ่งรู้เจตนาแท้ ๆ ของโคแก่เจ้าเล่ห์ก็ตอนนี้ เธอวางพักมือไว้บนบ่าของเขา พยายามรั้งผู้ชายตัวโตด้วยกลัวว่าเขาอาจไม่หยุดแค่จับก้น และก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเลื่อนลงหาเส้นผมของเธอ พูดใกล้ ๆ ทีละถ้อยคำ
“อาถามน่ะตอบด้วยครับ”
ไอรีนก้มหน้างุด ๆ หนีแต่รีบตอบ “ไม่ผิดค่ะ... คุณอาจับตรงไหนก็ได้”