เสียงสิงโตขู่คำรามทำให้ชายหนุ่มเหลียวมองต้นเสียง ร่างสูงของบุรุษวันสิบแปดปีหยัดกายขึ้นจากการนอนเอกเขนกบนเตียงนอนยาวใหญ่ในสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ดวงตาสีดำนุ่มลึกใบหน้าเรียบตึงไร้อารมณ์ใดๆ เครื่องประดับผมทำจากทองคำบริสุทธิ์บ่งบอกถึงฐานะที่ส่งสูง
“เจ้าชายเนเฟอร์คาเร” เสียงสั่นๆ ของนายทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างขลาดกลัวเจ้าสิงโตตัวใหญ่ยักษ์ที่ทำหน้าที่ปกป้องผู้เป็นนาย
“นาฟ...กลับมานี่” เนเฟอร์คาเรสั่งราวกับสิงโตเป็นลูกแมวน้อยๆที่แสนเชื่อง เมื่อสิงโตคู่ใจเดินอ้อมมาอยู่ด้านหลังแล้วนายทหารจึงรายงาน
“องค์ฟาโรห์รับสั่งเรียกหาพ่ะย่ะค่ะ”
เนเฟอร์คาเรพยักพระพักตร์เล็กน้อยเป็นการรับรู้ เมื่อนายทหารผู้นำคำสั่งมาถอยหลังจากไปแล้ว องค์รัชทายาทดีดนิ้วเรียกองครักษ์ เพียงชั่วกะพริบตาชายหนุ่มร่างใหญ่ก็เข้ามาทันที
“โมตูพานาฟไปพักก่อน” เนเฟอร์คาเรออกคำสั่งแล้วเดินนำหน้าอย่างไม่รีบร้อน
“จะให้กระหม่อมตามเสด็จไหมพ่ะย่ะค่ะ”
โมตูเอ่ยถามขณะพาสิงโตหนุ่มเดินตามเพื่อไปที่พักนอกจากองค์เนเฟอร์คาเรแล้ว มีเพียงโมตูเท่านั้นที่สามารถใกล้ชิด ‘นาฟ’ ได้มากขนาดนี้ ทว่าคนเดียวที่นาฟให้ความซื่อสัตย์คือองค์รัชทายาทแห่งแผ่นดินไอยคุปต์เท่านั้น
“ไม่ต้องหรอก” ชายหนุ่มเสยผมยาวดำขลับที่ยาวถึงไหล่ของตนเอง “ข้ากับเจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเรื่องใด”
โมตูก้มรับคำสั่งของเจ้าชายที่เขาเฝ้าถวายการรับใช้มาตั้งแต่จำความได้ บัดนี้เขากลายเป็นหนุ่มฉกรรจ์อายุยี่สิบเอ็ดปีที่ฝึกฝนการต่อสู้ทุกรูปแบบเพื่อเป็นองครักษ์พิทักษ์องค์รัชทายาท นอกจากนั้นยังต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของเจ้าชายเนเฟอร์คาเรอีกด้วย
“มาซินาฟ...เจ้าก็อย่าทำให้ข้าเหนื่อยนักเลย”
องครักษ์หนุ่มเอ่ยบอกกับสิงโตวัยสี่ขวบที่สะบัดโซ่ตรวนไปมาอย่างหงุดหงิด ทว่ามันก็จำใจยอมเดินตามกลับไปที่พักของตนเองราวกับเข้าใจในสิ่งที่โมตูพูด เขาได้แต่ถอนหายใจเบาๆ นอกจากจะเป็นองครักษ์ข้างกายเจ้าชายแล้วยังเป็นคนเลี้ยงสัตว์อีกด้วย แต่คาดว่าชีวิตเขานับจากนี้ต่อไปคงมีอะไรวุ่นๆ อีกเยอะ
ในพระราชตำหนักของฟาโรห์เตติมีหมอหลวงจากทั่วทุกแขนงเข้ามาถวายการรักษาพระประชวรขององค์ฟาโรห์เตติ โดยมีพระมเหสีคูอิและเจ้าชายอูเซอร์คาเรคอยดูพระอาการอย่างใกล้ชิด
“พวกเจ้าเป็นหมอหลวงประสาอะไรทำไมพระอาการของฟาโรห์ยังไม่ดีขึ้นอีก” พระนางคูอิเกรี้ยวกราดใส่ด้วยเสียงที่แหลมสูงทำเอาบรรดาแพทย์หลวงสะดุ้งโหย่งกันเป็นทิวแถว
“ฟาโรห์ทรงติดโรคประหลาดมาจากที่ไปตรวจเยี่ยมการสร้างมหาวิหารที่เมืองซัคคาราพ่ะย่ะค่ะ” คันเชนแพทย์หลวงรายงาน
“ตอนนี้ที่เมืองซัคคาราก็มีผู้ป่วยด้วยโรคประหลาดหลายสิบคนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“คนพวกนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง! แต่พวกเจ้าต้องรักษาองค์ฟาโรห์ให้ได้! ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าก็อย่าคิดว่าจะมีลมหายใจอยู่ได้!”
“จะกล่าวเช่นนั้นก็หาเป็นเรื่องที่ควรไม่ พระมเหสีคูอิ” ทุกสายตาจับจ้องมายังวรกายสง่างามที่ก้าวเข้ามาในห้องบรรทมของฟาโรห์เตติ เจ้าชายเนเฟอร์คาเรแย้มสรวลน้อยๆ ก่อนจะถวายการเคารพพระบิดาแล้วเข้าไปดูพระอาการ โดยไม่ปรายตามองเจ้าชายอูเซอร์คาเรผู้เป็นอนุชาต่างมารดาเลยสักนิด
กิริยายโสโอหังของเนเฟอร์คาเรทำให้อูเซอร์คาเรเผลอขบฟันแน่นจนเป็นสันนูน แต่พระหัตถ์ของพระมารดาแตะหลังมือเบาๆ เป็นเชิงเตือน ทำให้เจ้าชายอูเซอร์คาเรฝืนสะกดกลั้นอารมณ์ที่เดือดพล่านของตนลง
“เสด็จพ่อ...ทรงเป็นเช่นไรบ้าง” เนเฟอร์คาเรกระซิบถามเบาๆ
ดวงเนตรของฟาโรห์ก็ปรือตาขึ้นเหลือบมองโอรสจากมเหสีอิพูร่าทรงเสน่หามากที่สุด
“ข้า...ไม่...เป็น...ไร”
“เทพเจ้าทั้งมวลจะปกป้องเสด็จพ่อ” เนเฟอร์คาเรกล่าวเหมือนคำประกาศ “ลูกให้คนสืบเสาะหาตัวยาที่จะมารักษาโรคประหลาดนี่แล้ว”
“จะแพร่งพรายให้คนนอกรู้มิได้เป็นเด็ดขาด” มเหสีคูอิหวีดร้องขึ้นมา “หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไปอาจจะมีศัตรูฉกฉวยโอกาสนี้เข้าตีอียิปต์ของเราก็เป็นได้”
“นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง” เนเฟอร์คาเรลากเสียงยาวเหมือนคนเกียจคร้าน
“แต่การถวายการรักษาเสด็จพ่อก็เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด ข้าได้ส่งคนไปสืบเสาะที่เมืองซัคคาราแล้ว ซึ่งหมอที่นั่นย่อมรู้อาการดีกว่าหมอหลวงที่ยังไม่เคยรู้จักโรคนี้มาก่อน ซึ่งความจริงนั้นโรคประหลาดที่ระบาดอยู่นี่ก็กินเวลามาเกือบเดือนแล้ว มีบางคนที่อาการทุเลาลง”
“แต่ส่วนใหญ่แทบไม่มีใครรอดชีวิต ” อูเซอร์คาเรพึมพำในลำคอ
“แล้วเจ้าจะทำอย่างไร เนเฟอร์คาเร เจ้าจะมองดูพระบิดาของเจ้าสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตารึ” มเหสีคูอิ ถลึงตาใส่ “คนของข้ารายงานว่าหมอวิเศษที่รักษาได้ทุกโรคอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต้องใช้เวลาเดินทางราวสามวันจึงจะไปถึง” รัชทายาทหนุ่มเอ่ย
“เรื่องนี้มีจริงรึหมอหลวง”
“จริงพ่ะย่ะค่ะ พระมเหสี” คันเชนรายงานไปตามจริง “แต่ก็ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นหน้าตาที่แท้จริงของหมอวิเศษคนนี้”
“แล้วเจ้าจะให้เอาใครที่ไหนไม่รู้มารักษาองค์ฟาโรห์เรอะ”
“ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยไม่ใช่หรือพระมเหสี” เนเฟอร์คาเรปรายตามองอนุชาร่วมบิดา “ข้าเห็นว่าควรให้อูเซอร์คาเรไปค้นหาหมอวิเศษคนนั้น”
“ข้านะเหรอ” อูเซอร์คาเรสะดุ้งแต่ฝืนเก็บอาการไว้
“ไม่ได้หรอก อูเซอร์คาเรของข้าร่างกายมิแข็งแรงจะออกไปในนอกวังในยามที่โรคประหลาดระบาดอย่างนี้ได้อย่างไร”
นางแทบจะปราดเข้ามาปกป้องบุตรของตน แต่แล้วแวบหนึ่งก็มีความคิดหนึ่งพุ่งตรงมายังสมองของพระนางคูอิ
“ข้าเห็นสมควรว่าเป็นหน้าที่ขององค์รัชทายาทที่ต้องทำ”
เนเฟอร์คาเรกระตุกที่ยิ้มที่มุมปากราวกับคาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้ว
“ที่ข้าเข้ามาวันนี้ก็เพื่อขอพระราชทานอนุญาตจากพระบิดาออกไปตามหาหมอวิเศษคนนั้น”
“ให้...คน...อื่น...ไป...เถิด...” สุรเสียงช่างแหบแห้งและโรยรา
“ข้าจะไปเองเสด็จพ่อไม่ต้องเป็นกังวล ที่นี่จะมีพระนางคูอิและน้องชายอูเซอร์ฯ คอยดูแล”
“ถูกแล้ว ข้าควรจะต้องแลบริหารราชการแทนเสด็จพ่อ” อูเซอร์คาเรไม่อาจซ่อนแววยินดีได้
“การเดินทางไปกลับใช้เวลาหกวัน ถ้าอย่างไรหมอหลวงต้องพยุงอาการของเสด็จพ่อให้นานที่สุดจนกว่าข้าจะกลับมา” เนเฟอร์คาเรสั่งกับคันเซน
‘หรือเจ้าอาจจะไม่ได้กลับมาเลยก็ได้’
อูเซอร์คาเรกระซิบบอกหัวใจตนเอง “ข้าจะดูแลทุกเรื่องในวังแทนเจ้าเอง”
“ตกลงตามนี้” เนเฟอร์คาเรยกพระหัตถ์ของพระบิดาว่างบนศีรษะของตนก่อนจะขยับตัวออกมา “ข้าจะรีบไปรีบกลับหวังว่าเจ้าจะดูแลเสด็จพ่อเป็นอย่างดี”
“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อูเซอร์คาเรน้อบรับคำสั่งแต่แสยะยิ้มอยู่ในใจ
“ข้าจะสวมมนต์อ้อนวอนเทพเจ้าให้ปกปักษ์รักษาองค์พาโรห์และ...เจ้า” พระนางคูอิแย้มโอษฐ์แต่ในใจนั้นตรงข้าม
เนเฟอร์คาเรหมุนตัวแล้วเดินออกมาไม่สนใจสายตาของมเหสีคูอิและอูเซอร์คาเร เพราะเขารู้ดีอยู่แล้วว่าในรอยยิ้มนั้นเคลือบยาพิษร้ายกาจปานใด ขณะที่เนเฟอร์คาเรก้าวพ้รนห้องบรรทมได้ไม่ไกลนัก แม่ทัพคนสนิทของฟาโรห์ก็วิ่งตามหลังมาอย่างรวดเร็ว
“ให้ข้าติดตามพระองค์เสด็จเถิด”
“ท่านแม่ทัพโมเรส” เนเฟอร์คาเรทำเสียงเครียด “สิ่งสำคัญคือปกป้องพระบิดาของข้าและอาณาจักรนี้ต่างหาก”
“แต่อาจมีอันตรายกับพระองค์ได้นะพะยะคะ” แม่ทัพโมเรสเป็นนายทหารที่ซื่อสัตย์ และจงรักภักดีกับฟาโรห์เตติกับองค์รัชทายาทมากที่สุด
“อันตรายมีอยู่ทุกทีแม้กระทั่งในวังนี้ก็ตาม”
เนเฟอร์คาเรเอ่ยขึ้นพร้อมก้าวเดินออกมา ทำให้แม่ทัพโมเรสเดินตามหลังมาช้าๆ “ข้าให้คนสืบเรื่องราวทุกอย่างแล้ว คิดว่าใช้เวลาไม่นานนักหรอก เจ้าอยู่นี่ดูแลเสด็จพ่อของข้าก็พอแล้ว”
“หากเป็นพระประสงค์กระหม่อมก็ขอรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทวัยสิบแปดชันษาพยักพระพักตร์รับ ร่างสูงสง่าเร่งเดินไปที่ตำหนักของตนเพื่อเตรียมตัวเดินทางยังมีอะไรอีกมากที่รออยู่
มเหสีคูอิและโอรสอูเซอร์คาเรเดินออกมาจากห้องบรรทมของพาโรห์ พระพักตร์ของทั้งสองพระองค์ต่างเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อไม่มีผู้อื่นอยู่ในห้องแล้วทั้งสองพระองค์ก็หัวเราะเสียงดัง
“เทพเจ้าทรงเมตตาเข้าข้างเราแล้ว”พระนางคูอิประคองใบหน้าลูกรักไว้
“เสด็จแม่จะทำเช่นไร” อูเซอร์คาเรเอ่ยถามทั้งที่ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์
“มันจะจากที่นี่ไปแล้วไม่ได้กลับมาอีก” พระนางประกาศกร้าว “เสี้ยนหนาวชิ้นนี้ต้องทำลายให้สิ้นซาก แม่จะส่งคนไปลอบสังหารมัน”
“ไอ้เจ้าเนเฟอร์ฯจะไม่ได้กลับมาเหยียบที่นี่อีก”
“ใช่แล้ว...แล้วบัลลังก์ไอยคุปต์ก็ต้องเป็นของลูกแม่ ทุกสิ่งทุกอย่างในแผ่นดินอียิปต์ต้องเป็นของเจ้าเท่านั้นอูเซอร์คาเร”.