บทที่2.อังค์เนส

1529 คำ
มือเรียวพยายามเอื้อมมือเพื่อหยิบเถาวัลย์ชนิดหนึ่งที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป ร่างบอบบางภายใต้เสื้อคลุมสีกระสอบยาวรุ่มร่าม แถมยังมีตะกร้าใส่สมุนไพรอีกนานาชนิดสะพายอยู่ด้านหลัง แม้ว่าร่างกายจะบอบบางอย่างเห็นได้ชัด ทว่าความพยายามนั้นเต็มเปี่ยมที่จะเอาในสิ่งที่ปรารถนา   “อังค์เนส! เจ้าอยู่ไหน! อังค์เนส” “ว๊าย”    ร่างเล็กภายใต้เสื้อคลุมสีกระสอบมอมแมมกรีดร้องอย่างตกใจจนเสียการทรงตัวหงายหลังลง โชคดีที่ชายหนุ่มร่างบึกบึนกระโจนเข้ามารับไว้ได้ทันเวลาก่อนที่ร่างเล็กจะตกจากต้นไม้ “เจ้าทำอะไรของเจ้า” น้ำเสียงทุ้มต่ำตวาดด้วยเสียงอันดังจนคนตัวเล็กสะดุ้ง แต่เมื่อทรงตัวยืนได้เองก็สะบัดหน้าหนีทันที “ก็เพราะท่านนั้นแหละพี่ดังชี! ที่ทำให้ข้าตกต้นไม้อย่างนี้”     เสียงหวานใสราวนกน้อยจากสวรรค์ เอ่ยอย่างกระเง้า กระงอด เธอก้มหน้าก้มตาเก็บสมุนไพรที่หล่นจากตะกร้าหลังของตนเอง “อีกนิดเดียวข้าก็เอื้อมถึงอยู่แล้ว” “เจ้าจะเอาอะไร” ดังชีผ่อนเสียงลง กี่ปีแล้วที่เขาเฝ้ามองเด็กหญิงเล็กๆ เติบโตเป็นสาวงามดุจดอกบัวแห่งลำน้ำไนล์ เขาไม่อาจโกรธทุกการกระทำที่แสนใสบริสุทธิ์ของเธอได้เลยสักนิด       “ข้าจะเอาเถาวัลย์นั่น” นิ้วเรียวชี้ไปที่เถาวัลย์เหนือศีรษะขึ้นไป    “เจ้าคงไม่คิดว่ามันเป็นยาหรอกใช่ไหม” ดังชีเลิกคิ้วอย่างฉงน “เป็นอย่างที่ท่านคิด” อังค์เนสยิ้มรับ “เพียงแต่ข้ายังไม่ได้ลองทดสอบดูเท่านั้น” “เจ้าคงไม่เอาตนเองเป็นหนูลองยาหรอกนะ”           ดังชีหลิวตามองอย่างรู้ทันก่อนที่จะกระโดดตัวลอยปีนป่ายต้นไม้ใหญ่แล้วไปนั่งบนกิ่งไม้ด้านบน “ช่างเป็นพี่ชายที่รู้ใจน้องสาวดีเหลือเกิน” หญิงสาวพูดประชด “ชิ้นไหนเล่าที่เจ้าต้องการ” “ซ้ายมือพี่ไงละ” ดังชีหัวเราะร่าคว้าเถาวัลย์ที่อังค์เนสต้องการได้แล้วก็ปีนป่ายลงมาอย่างรวดเร็ว ผิดกับหญิงสาวที่ต้องเขย่งตัวพยายามปีนป่ายเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ ชายหนุ่มฉวยตะกร้าสมุนไพรของหญิงสาวมาถือเอง “กลับเข้าบ้านเถิดท่านปู่เลจูต้องการพบเจ้านานแล้ว” ดังชีบอกจุดหมายที่มาตามหาเธอ  “ได้เวลาแล้วเหรอพี่ดังชี” หญิงสาวเงยหน้ามองฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีตามกาลเวลา “ต้องรอให้ฟ้าไร้แสงก่อนหรือไร”  เขาถอนหายใจ    หากใครต้องการพบ ‘อังค์เนส’ ก็ไม่ยากนัก เพียงแต่หญิงสาวมักอยู่ในที่ที่ไม่มีใครอยากมาเท่าไหร่นัก เมื่อใดก็ตามที่อังค์เนสเข้าหาป่าหาสมุนไพรเธอมักหายไปเป็นวันๆ บางค่ำคืนก็ค้างในป่าราวกับเป็นบ้านเกิด   แม้ว่าที่นี่จะอุดมไปด้วยพืชสมุนไพรที่สามารถนำไปทำเป็นยารักษาโรคได้สารพัด ทว่าที่นี่ก็ชุมไปด้วยงูพิษร้ายกาจมากมายและนี่เองที่ทำให้ใครต่อใครไม่กล้าที่แถบนี้นัก “ข้าก็บอกท่านปู่เลจูแล้วนี่ วันนี้ข้ามาหาสมุนไพร” อังค์เนสขยับผ้าคลุมกายให้เรียบร้อยผมยาวของเธอถูกถักเปียเก็บอย่างมิดชิด “คราวหน้าคราวหลังหากเจ้าจะมาเช่นนี้อีกต้องให้พี่มาด้วย”เขาบ่นเหมือนดุแต่น้ำเสียงแสนห่วงใย          ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ดังชีเฝ้าทะนุถนอมอังค์เนสยิ่งกว่าไข่ในหิน ตั้งแต่ครั้งแรกที่อังค์เนสปรากฎต่อหน้าเขา แม้ว่าขณะนั้นเขาจะเป็นเพียงเด็กชายวัยสิบขวบเท่านั้น มันไม่ใช่เพียงคำมั่นสัญญากับมารดาของอังค์เนสเท่านั้นหรอกที่ว่าเขาจะต้องดูแลปกป้องอังค์เนสยิ่งดวงใจ        แต่ความน่ารักสดใสดุจดวงตะวันฉายแสงยามเช้าของอังค์เนสเองที่ทำให้จิตใจของเขาอยู่ร่ำร้องหาเพียงเธอ แม้เขาจะรู้ดีว่าความผูกพันที่มามาเนิ่นนานกว่าสิบปีนี้ ในสายตาของเด็กหญิงตัวน้อยที่เขาเคยโอบอุ้มนั้นมองเขาเป็นเพียงพี่ชายเท่านั้น แต่เขาก็เชื่อว่าวันหนึ่งเมื่อหญิงสาวรู้จักความรัก เมื่อนั้นเธอจะเปิดใจรับเขาอย่างไร้เงื่อนไข “อาจจะเป็นเรื่องข่าวโรคระบาดที่เมืองซัคคารา” อังค์เนสเดาขณะที่เท้าเล็กๆ ก้าวตามร่างบึกบึน “เจ้าก็รู้เรื่องนั้นรึ” ดังชีมีร่างกายสูงใหญ่กว่าอังค์เนสหลายเท่านัก เขาต้องก้าวให้สั้นและช้าลงเพื่อที่หญิงสาวข้างๆ จะได้เดินตามเขาทัน “สมกับหมอวิเศษรู้ไปหมดทุกเรื่อง” “ข้ามิได้รู้ทุกเรื่องเสียหน่อย” อังค์เนสแลบลิ้นใส่ “ท่านปู่เลจูต่างหากที่เป็นหมอวิเศษ มิใช่ข้าหรอก พี่ดังชีก็อย่าพูดเล่นไปเดี๋ยวคนอื่นจะมองข้าไม่ดี” “ความรู้ของท่านปู่เลจูก็ถ่ายทอดมาที่เจ้าจนหมดสิ้น  แถมระยะหลังนี้เป็นเจ้าที่ทำการรักษาทั้งนั้น จนแทบจะไม่มีโรคใดที่เจ้ารักษาไม่ได้ แม้กระทั้งงูพิษที่ร้ายกาจเจ้ายังสามารถถอนพิษงูได้” “มันก็เป็นความรู้ของท่านปู่เลจูทั้งสิ้นเพียงแค่ข้าเป็นผู้นำมาใช้ประโยชน์เท่านั้น”         เท้าเล็กๆ ของอังค์เนสสะดุดก้อนหินเข้าให้จนมือเรียวต้องคว้าแขนใหญ่ของดังชีไว้เพื่อพยุงตัว หญิงสาวจึงคล้องแขนเขาแล้วเดินต่อไป โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนทำสร้างระลอกคลื่นความหวั่นไหวในใจดังชีมากเพียงใด เมื่อทั้งคู่ออกมาพ้นป่าก็มีอาชาสีน้ำตาลแดงตัวใหญ่ผูกไว้รอเจ้าของ ดังชีอุ้มร่างเล็กๆ ที่เบาดุจขนนกนั่งบนหลังม้าเรียบร้อยแล้วจึงเหยียบโกลนขึ้นบนหลังมาแล้วสั่งให้ม้าคู่ใจออกเดินทางกลับหมู่บ้าน           “เจ้าหัดจับบังเ**ยนซิอังค์เนส” “พี่ดังชีก็รู้ว่าข้าไม่ชอบ ข้ามีพี่ดังชีคอยบังคับม้าแบบนี้ก็ดีแล้ว” “ใครๆ ก็พากันขี่ม้าเป็นทั้งนั้น” “ยกเว้นข้าไง” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ดังชีหัวเราะเบาๆ แล้วเร่งอาชาให้มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเร็วขึ้นเมื่อใกล้ถึงที่หมายเขาก็รั้งบังเ**ยนให้ม้าผ่อนฝีเท้าลงจากที่ห้อทะทานฝ่าสายลมจากแนวป่ามาสู่หมู่บ้าน เมื่อถึงกระท่อมของท่านปู่เลจูก็มีชายหนุ่มรุ่นน้องมารอรับม้าของดังชี    “อย่าแตะต้องสมุนไพรของข้านะ ข้าจะไปพบทานปู่เลจูก่อนแล้วเดี๋ยวข้าจะกลับมาจัดการเอง” อังค์เนสเอ่ยบอกก่อนกระชับผ้าคลุมของตนให้เรียบร้อยแล้วก้าวเร็วๆ จนเกือบเป็นวิ่งไปโรงหมอของท่านปู่เลจู “พูดอย่างกับจะมีใครกล้ายุ่ง”                     เด็กหนุ่มผู้รับตะกร้าสมุนไพรมาบ่นอุบอิบ  แต่เรียกเสียงหัวเราะให้คนที่ได้ยิน ทุกคนต่างรู้ดีว่าสมุนไพรของอังค์เนสเป็นสิ่งต้องห้ามยิ่งกว่าสมุนไพรที่ท่านปู่เลจูหามาเสียอีก หญิงสาวที่แตกต่างจากหญิงอื่นในหมู่บ้าน นอกจากจะเชี่ยวชาญวิชาการรักษาไม่ด้อยกว่าท่านปู่เลจูเลยสักนิดเธอมักแต่งกายประหลาดๆ ด้วยเสื้อคลุมตัวยาวใหญ่ปกปิดร่างกายตนเองจนมิดชิด แถมอังค์เนสยังชอบทำตัวซุกซนเหมือนหนุ่มน้อยอีกด้วย ทว่าผู้ที่รู้ดีว่าอังค์เนสซุกซ่อนความงามไว้ก็เพียงแค่ดังชีเท่านั้น และใครต่อใครในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ก็ทราบดีว่า อังค์เนสเป็นยอดดวงใจของบุรุษหนุ่มผู้แสนบึกบึนคนนี้ “ท่านปู่เลจู” “ไปเล่นซุกซนที่ไหนจนเลยเวลาอีกละอังค์เนส” น้ำเสียงที่สงบนิ่งประดุจน้ำที่ผนึกจนแข็งตัวของชายชราวัยเจ็ดสิบปีทำให้หญิงสาววัยสิบหกปีอย่างอังค์เนสเดินไหล่ห่อเข้ามาใกล้ๆ  “ข้ามิใช่ลิงน้อยที่จะซุกซนเล่นไปวันๆ” อังค์เนสแก้ตัว         “ข้าก็บอกท่านปู่แล้วว่าไปเก็บสมุนไพร” “เจ้าช่างมีเหตุผลมากมายที่จะแก้ตัว” เลจูโบกมือไปมาเหมือนจะตัดบท อังค์เนสจึงเพิ่งสังเกตเห็นข้างกายท่านปู่เลจูมีตัวยาหลายขนาดถูกจัดเตรียมไว้เหมือนจะออกเดินทาง “ท่านปู่จะไปซัคคาราเหรอ”           “อะไรทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น” แม้จะไม่เงยหน้าขึ้นจากกองสมุนไพรตรงหน้าแต่คนฟังก็รู้ดีว่าน้ำเสียงนั้นมีแววอารมณ์ดีขึ้น “พวกพ่อค้าเร่พูดคุยกันว่าที่นั้นมีโรคประหลาดระบาดอยู่” อังค์เนสเดินเข้ามาใกล้ “สำหรับคนเป็นหมอแล้ว การได้พิชิตโรคภัยได้ถือเป็นความสำเร็จอย่างสูงสุด” “ผิดแล้วหลาน” เเลจูหันมาสบตากับหลานสาว “สำหรับคนเป็นหมอแล้วการรักษาชีวิตคนได้เป็นความสำเร็จอย่างสูงสุด” “ความตายเป็นสิ่งที่เทพอานูบิสเป็นผู้มอบให้ มนุษย์อย่างเราจะขัดพระประสงค์ขององค์เทพได้หรือ” อังค์เนสเอ่ยถามดวงตากลมโตเป็นประกายสดใส    
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม