หญิงเล็กมาส่งผู้กองดนัยที่สถานีตำรวจเพราะเขาติดรถเธอกลับมาด้วย เธอเหลือบสายตามองนาฬิกาเป็นเวลาเกือบเที่ยงก็เอ่ยถามทันที
“จะเที่ยงแล้วไม่พักกินข้าวก่อนเหรอจ๊ะ”
“ต้องไปเคลียร์เรื่องของนายกำจอนก่อน เดี๋ยวพี่จะส่งข้อความบอกนะถ้าเกิดว่าเสร็จแล้ว”
เขาหยีผมหญิงสาวเล่นก่อนจะเดินลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว เธอมองตามชายหนุ่มไปก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เขาแทบไม่มีเวลาอยู่กับเธอเลยทุกวันนี้มีงานเยอะมากทั้งที่เพิ่งมารับตำแหน่งเอง แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะตอนอยู่ดอนไม้หวานก็เป็นแบบนี้
“ไปทำอาหารให้ผู้กองดีกว่า”
เธอยิ้มออกมาก่อนจะขับรถเดินทางกลับไปที่ร้านอาหารของตัวเอง จากนั้นก็เตรียมเมนูพิเศษให้ชายหนุ่มในระหว่างที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่
“ทำพิซซ่าดีกว่า”
เธอคิดหาของแปลกใหม่มาให้เขาทานเพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเขาทานแต่อาหารตามสั่งทั่วไปแบบง่ายๆ ไม่ค่อยเห็นไปกินของอร่อยดีๆกับเขาบ้างเลยคงเพราะภารกิจเยอะแยะมากมายแหละ
ทางด้านของผู้กองดนัยเขามาถึงในโรงพักก็เดินเข้าไปในห้องขังที่ตอนนี้มีจ่ากำลังพยายามทำให้นายกำจอนฟื้นอยู่ ยานอนหลับไม่ได้แรงขนาดนั้นหรอกกินไปแป๊บๆก็ควรจะตื่นได้แล้ว และไม่นานเขาก็เริ่มขยับตัวก่อนจะลืมตาขึ้นมองไปโดยรอบ นายกำจอนมองตำรวจอย่างตกใจจำได้ว่าเขาอยู่กับภรรยาและลูกที่บ้านแต่ทำไมถึงมาอยู่ในห้องขัง
“เมียกับลูกผมอยู่ที่ไหน”
“ปลอดภัยดีไม่ต้องห่วง ห่วงตัวเองก่อนดีกว่ามั้ยนายกำจอนสร้างเรื่องราวไม่หยุดหย่อนแบบนี้พ่อแม่ที่ไหนเค้าอยากจะให้นายไปอยู่ใกล้ลูกเค้า”
ผู้กองดนัยเอ่ยออกมาอย่างรู้ดี เขาฟังมาจากคุณป้าและหญิงเล็กที่พอรู้จักนายกำจอนและเสียงเล่าของชาวบ้านว่าเขาเป็นคนรักครอบครัวมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ เขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา มันคงถึงที่สุดถึงได้พึ่งพาแอลกอฮอล์และทำอะไรโง่ๆแบบนั้น
“ผมทำดีที่สุดแล้ว ฮึก! แต่ว่ามันเหมือนไม่พอสำหรับครอบครัวของเธอ เมื่อก่อนผมทำงานมีเงินมากมายพอถูกจ้างออกแล้วไม่มีงานทำทุกคนก็ทำเหมือนผมไม่มีความหมาย”
เขาปาดน้ำตาร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น เอาจริงเวลาไม่เมาดูพูดรู้เรื่องมากแถมยังดูมีความรับผิดชอบสูงอีกด้วย คงไปเจออะไรมาถึงได้กลายเป็นแบบนี้
“คนเรามันต้องสู้สิ นายเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เองการที่ใช้เหล้าแก้ปัญหามันไม่ช่วยอะไรเลยนะ ที่สำคัญเลยคือนายจะทำให้ครอบครัวพังลงด้วยน้ำมือของตัวเอง หยุดดื่มเหล้าแล้วไปตั้งใจหางานทำหาเงินเยอะๆมาเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียดีกว่า ตอนนี้นายไม่มีทางเลือกมากนักหรอก”
“ผมจะทำได้ใช่มั้ย”
เขาเอ่ยถามเสียงสั่น ผู้กองดนัยตบบ่าเขาอย่างให้กำลังใจก่อนจะยิ้มกว้างออกมา
“นายทำได้แน่นอนกำจอน ตั้งใจหางานทำหาเงินมาดูแลครอบครัวให้มากที่สุด แล้วภรรยากับลูกของนายจะกลับมาเอง”
เขาให้กำลังใจชายหนุ่มเพราะดูแล้วเขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลย อีกอย่างเรื่องของผัวเมียเราเป็นคนอื่นถ้าภรรยาเขาให้อภัยเราทำอะไรไม่ได้ ถ้ามีปัญหาก็ต้องช่วยเหลือแต่เรื่องพวกนี้เขาควรคุยกันเอง
“จ่าพาตัวนายกำจอนออกมา”
“ได้ครับผู้กอง”
จ่าดึงตัวนายกำจอนให้ลุกขึ้นก่อนจะพาออกมาจากในห้องขังแล้วให้นั่งอยู่หน้าโต๊ะของร้อยเวร และไม่นานคุณป้าก็พาภรรยาและลูกของนายกำจอนมาที่โรงพัก
“สมศรี ลูกพ่อ แม่”
“เอ็งได้สติแล้วเหรอไอ้กำจอน รู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรลงไปบ้าง”
“ฉันขอโทษนะจ้ะแม่ ขอโทษที่เอาแต่กินเหล้าจนทำอะไรโง่ๆแบบนั้นลงไป สมศรีพี่ขอโทษเอ็งด้วยนะต่อไปนี้พี่จะไปหางานทำตั้งใจหาเงินมาเลี้ยงดูเอ็งกับลูก พ่อขอโทษนะลูก”
เขายกมือไหว้ทั้งสามคนอย่างรู้สึกผิด สมศรีมองแม่ของตัวเองก่อนจะกำมือบีบเบาๆเพื่อให้ท่านอภัยให้สามีของเธอ และยังเชื่อเสมอว่าเขาจะกลับมาเป็นคนเดิมได้อีกครั้ง
“ข้าให้อภัยก็ได้แต่ขอเอาลูกกับหลานไว้ที่บ้านก่อน เอ็งต้องพิสูจน์ตัวเองว่าจะเลี้ยงดูทั้งสองคนได้ ตอนนั้นข้าจะปล่อยกลับไปอยู่กับเอ็ง”
“ได้จ้ะแม่ ขอบคุณมากนะจ้ะ พี่สัญญานะสมศรีว่าจะรีบปรับปรุงตัวเองให้เร็วที่สุด”
“ฉันจะรอพี่นะ”
สมศรียิ้มกว้างออกมาอย่างให้กำลังใจสามี ผู้กองดนัยนั่งลงที่โต๊ะก่อนจะถามทั้งสามคนย้ำอีกครั้ง
“ตกลงว่าจะไม่เอาเรื่องกันใช่มั้ยครับ ทุกอย่างจบลงด้วยดีนะ”
“ไม่เอาเรื่องแล้วจ้ะ ขอบคุณมากนะจ้ะผู้กองดนัยที่ช่วยเป็นธุระให้ตั้งหลายชั่วโมง ขอบคุณทุกคนด้วยนะจ้ะ”
คุณป้ายกมือไหว้ทุกคนในนั้นและทุกคนรับไหว้แทบไม่ทันเพราะด้วยอายุไม่ควรจะมายกมือไหว้แบบนี้
“ไม่เป็นไรเลยครับมันเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องรับใช้ประชาชน มีอะไรให้ช่วยเหลือก็แจ้งมาได้เลยนะครับ ได้โอกาสแล้วก็อย่าทำมันพังอีกล่ะนายกำจอน”
“ขอบคุณนะจ้ะผู้กองฉันมีกำใจขึ้นเยอะเลย”
เขายกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้งก่อนจะได้รับการปล่อยตัวออกไปเพราะไม่มีเจ้าทุกข์แจ้งความก็ถือว่าไม่มีความผิดอะไร ผู้กองถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันไปชวนคนอื่นๆกินข้าวเพราะเลยเวลามามากแล้ว
“ไปกินข้าวกันเถอะผมหิวมาก”
“ผมก็หิวครับผู้กอง งั้นไปกันดีกว่า”
“ผมไปด้วย”
ตำรวจห้านายเดินตามกันไปขึ้นรถก่อนจะขับออกไปทันทีใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่ร้านอาหารเพราะมันใกล้ที่โรงพักมาก เมื่อเข้ามาในร้านทุกคนก็ได้กลิ่นหอมของพิซซ่าและเมนูอิตาเลียนอย่างอื่น
“อ่าว… มากันแล้วเหรอจ้ะนั่งลงสิหญิงเล็กทำของกินไว้เยอะมากเลย”
เธอยิ้มกว้างออกมาก่อนจะกวักมือเรียกทุกคนให้มานั่งที่ประจำ เธอยกพิซซ่าหลายถาดและมีสปาเกตตี้ ไก่ทอด ผักโขมอมชีส และซีซ่าร์สลัดอีกเยอะแยะมากมายจนทุกคนร้องว้าวไปตามกัน
“นี่มันวันอะไรเนี่ยทำไมถึงมีแต่ของดีๆแบบนี้ ที่อำเภอเราหากินยากมากเลยนะแบบนี้อ่ะ นี่น้องหญิงเล็กทำเองเหรอจ๊ะ”
“ใช่จ้ะทำเองเลยลองชิมดูนะ”
หญิงเล็กให้ทุกคนลองชิมฝีมือของตัวเองหลายอย่างและมื้อนี้เธอเลี้ยงเองด้วย เผื่อว่ามันเวิร์คก็จะเอาไปเป็นเมนูพิเศษเพิ่มเข้าไปในอนาคต ผู้กองดนัยตักชิมก่อนจะเอ่ยชมทันที
“อร่อยมาก พิซซ่ารสต้มยำกุ้ง”
“อร่อยมั้ยจ๊ะเพิ่งเคยลองทำหวังว่าพี่ไฟท์จะชอบนะ”
เธอกระซิบชายหนุ่มก่อนจะขยับออกห่างไม่ให้คนอื่นสงสัย แก๊งคุณครูที่มาหาอะไรกินก็ร้องว้าวออกมาทันทีเมื่อเห็นโต๊ะอาหารของตำรวจน่ากินมาก
“ร้านนี้มีเมนูอิตาเลียนด้วยเหรอทำไมเพิ่งรู้ เดินเข้ามาก็หอมแล้วอ่ะ”
“ไม่มีขายหรอกจ้ะทำกินเฉยๆ”
เธอปฏิเสธเสียงเบา แต่ว่าตรงข้ามกับชายหนุ่มที่เอ่ยชวนทุกคนมาลองชิมดูจะได้ช่วยกันติชมเธอได้หลายทางแต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบ
“มาลองชิมมั้ยครับนั่งด้วยกันได้”
“จะดีเหรอคะเกรงใจจัง”
ปากพูดแบบนั้นแต่ว่าเธอก็ตกลงนั่งลงตรงข้ามกับเขาทันที หญิงเล็กที่เห็นแบบนั้นก็ใบหน้างอง้ำไม่พอใจก่อนจะกระทืบเท้าหนีอย่างเสียอารมณ์
‘จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย ได้!’