“พริกหวาน ออกมากินข้าวนะคะ มีกุ้งกับไก่ฉีก บรอกโคลีหวานๆ ของโปรดพริกหวานก็มีด้วยนะ คุณแม่ทำมาให้เยอะเลยค่ะ”
พริกหวานได้ยิน แต่ไม่ยอมพูดตอบ ขังตัวเองในบ้านเป่าลมขนาดปานกลาง ในนั้นมีลูกบอลผิวเรียบจำนวนมาก เปิดพื้นที่โล่งให้เด็กนำของเข้าไปเล่น ถ้าผู้ใหญ่จะเข้าไป ต้องก้มตัวลงคลานเข่าเข้าสถานเดียว พริกหวานอยู่ในนั้นนานกว่าครึ่งชั่วโมง คราบน้ำตาแห้งยังเขรอะบนหน้า ก่อนหน้านี้พริกหวานร้องไห้หนัก งอนคุณพ่อขั้นรุนแรง เขารับปากจะพาไปซื้อของเล่นหลังลูกตื่นจากนอนกลางวัน ทว่าเมื่อตื่น กลับพบว่าคุณพ่อไปแล้ว พริกหวานน้อยของคุณแม่แผดเสียงร้องไห้หน้าแดงตาแดงจะเป็นจะตายให้ได้ ธารธาราปลอบอยู่นานจนใบหน้าเลอะคราบน้ำตา เพราะเผลอร้องไห้ตามลูก
มุดตัวเข้าไปหาลูกสาว เด็กตัวน้อยวัยสองขวบหกเดือนนั่งเหยียดขา มือกำลูกบอลโยนเล่นตามลำพัง
แม่แม่ของหนูน้อยเข้ามานั่งพับเพียบข้างๆ แบมือขอรับลูกบอล
“ขอคุณแม่เล่นด้วยได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ” เสียงเล็กร้องบอก
พริกหวานต้องการพ่อมากขึ้นทุกวัน ไม่ได้อยากมีพ่อแค่หนึ่งถึงสองวันต่อสัปดาห์ แต่อยากอยู่กับพ่อทุกวัน
ธารธาราปวดแสบปวดร้อนกลางอก สงสารลูก อยากให้ลูกเติบโตในครอบครัวสมบูรณ์ มีพ่อแม่คอยผลัดกันอุ้ม จูงมือลูกไปทุกที่จนถึงวัยที่ลูกเติบโตดูแลตัวเองได้ แต่จะเป็นไปได้เหรอ ความหนักใจถ่ายเทมาทางคนเป็นแม่ เพราะหากเลือกความสุขของลูก เท่ากับว่าธารธาราต้องตกอยู่ในสถานะเมียลับจนหาทางออกไม่ได้
ธารธาราเข้าใจความเจ็บปวดของลูกสาวมากที่สุด เลือกได้ ลูกต้องอยากมีพ่อแม่พร้อมหน้า อ้างอิงจากประสบการณ์ตรง ที่เติบโตมาโดยมีแม่ทำงานหาเงินหามรุ่งหามค่ำเลี้ยงลูกตามลำพัง นับจากลืมตาดูโลกจนแม่เสียชีวิต แม่ไม่เคยพาไปหาคุณตาคุณยาย ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมแม่ในคอนโดฯ ขนาดเล็กที่เช่าอาศัย
จนแม่เสียชีวิตก็ไม่มีญาติมาร่วมงานศพ ธารธาราสงสัย แม่ไม่มีใครเลยจริงเหรอ ทำไมถึงไม่มี คนเหล่านั้นหายไปไหนหมด น่าจะมาอยู่เป็นเพื่อน คอยอยู่ข้างๆ ในงานศพแม่ ช่วงเวลาที่ธารธาราแทบบ้า หาทางออกจากความเศร้าหมองไม่ได้
เงินประกันชีวิตแม่หลักแสน ธารธาราทุ่มไปกับการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากคู่กรณี ถูกปั่นหัวสารพัดจากทนายความคู่กรณี ทางฝั่งตัวเองก็ใจร้าย เรียกร้องให้จ่ายค่าจ้างหลายครั้งจนเงินไม่เหลือ แต่คดีความก็ยังไม่คืบหน้า อายุแค่สิบแปดย่างสิบเก้า กลับต้องเจอเรื่องราวร้ายแรง เสียแม่เท่ากับเสียเสาหลักในการดำรงชีวิต ซ้ำร้ายมาพลาดท้องพริกหวาน จากชีวิตที่พังเละเทะ กลายเป็นว่าไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย ความฝันจะเรียนให้จบระดับปริญญาตรีก็ไม่มีให้ธารธาราฝันถึง
ภารนัย หนุ่มหล่อในฝัน คือผู้ซ้ำเติมและผู้ช่วยชีวิต เขายื่นมือเข้ามาดึงหล่อนที่กำลังจะจมน้ำตายขึ้นมาหายใจบนขอบฝั่ง แทรกซึมเข้ามาในหัวใจหล่อนทีละเล็กทีละน้อยจากการดูแลจนคลอดพริกหวาน ซื้อบ้านดีๆ ให้อาศัย ให้เงิน ให้การศึกษา จ้างแม่บ้านมาช่วยทำงานบ้าน และเลี้ยงลูกเพื่อให้ธารธารามีเวลาว่างกลับไปตั้งใจเรียนปริญญาตรีให้จบ เรื่องคดีก็ได้เขาช่วยเหลือ โดยเขาส่งทนายความคนใหม่มาช่วย จนดำเนินการฟ้องร้องเสร็จสิ้นได้รับเงินก้อนใหญ่ ถึงมันจะแลกกับชีวิตแม่ไม่ได้ แต่สีหน้าคนผิดที่ย่ำแย่เพราะต้องติดคุก ก็ช่วยให้ธารธาราก้าวผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมาได้ หล่อนอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น เลี้ยงลูก ตั้งใจเรียน ทำตัวดี อยู่ในร่องในรอยไม่ให้ภารนัยผิดหวังที่ชุบเลี้ยง
เขาให้เงินมาเท่าไหร่เก็บไว้เป็นทุนตั้งต้นชีวิต เรียนรู้การลงทุนจากเขา ทั้งในตลาดหุ้นและเทคนิคการขายของ สถานะเด็กเลี้ยง อยู่ด้วยกันเพราะเซ็กส์ ไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยว ตระหนักเสมอว่าอาจถูกเขาทิ้งวันไหนก็ได้ จึงใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังตัว ไม่ประมาทด้านการเงิน
ทุกวันนี้ธารธาราอยู่ได้สบายๆ ถ้าเขาจะจบความสัมพันธ์ น่าจะเหลือแค่ บ้าน สิ่งสุดท้ายที่ต้องการจากเขา และเขาสัญญาว่าจะยกให้ หล่อนไว้ใจเขา เชื่อใจว่าเขาจะให้จริงๆ ไม่ได้พูดโกหก ตัดปัญหาเรื่องเงินค่าที่อยู่อาศัยไปได้ ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้น่าจะมีความสุข
“คุณแม่เล่นเป็นเพื่อนพริกหวานนะคะ เล่นอะไรดี นับเลขไหม”
พริกหวานกดหน้าลง คุณแม่วัยสาวอุ้มลูกมานั่งบนตัก นับลูกบอลภาษาไทยสลับกับภาษาอังกฤษ ให้หนูน้อยเพลิดเพลินไม่กลับมาทำหน้าเศร้า แม่พาเล่นซนจนเหนื่อย อุ้มออกมาป้อนข้าว พริกหวานยังดื้อกับแม่เหมือนเดิม สะบัดวงหน้าหนีไม่ยอมกิน วิ่งเตาะแตะกลับไปเล่นบ้านบอลต่อ จนธารธาราต้องยกถ้วยอาหารตามมาป้อนตอนลูกเล่น
“พ่อพ่อ” กลืนข้าวคำหนึ่งถามหาพ่อ กลืนอีกคำก็ยังถามหาพ่อ
“คุณพ่อไปทำงาน พรุ่งนี้คุณพ่อถึงจะมาหาพริกหวานนะลูก”
“พ่อพ่อ ซื้อของเล่น ให้พริกหวาน” นัยน์ตาคู่หม่นหมองมองออกไปหน้าบ้าน อยากให้รถคุณพ่อขับเข้ามา ธารธาราเศร้าตามลูก ป้อนข้าวอีกคำแกก็กิน แต่ลักษณะท่าทางของลูกไม่สดใสเอาซะเลย
“ให้คุณแม่พาพริกหวานไปซื้อไหมคะ กินข้าวหมดถ้วยนี้เราไปซื้อของเล่น คุณแม่พาพริกหวานไปเล่นม้าโยกด้วย อยากเล่นไหมคะ”
“อยากเล่นค่ะ” เสียงใสๆ ตอบรับด้วยรอยยิ้มขยายมาถึงแก้ม
“ถ้าอยากเล่นต้องกินข้าวให้หมด แล้วไม่ร้องไห้ สัญญานะคะ”
“พริกหวาน สัญญาค่ะ” นิ้วก้อยเล็กเกี่ยวเข้ากับนิ้วก้อยของคุณแม่ พริกหวานอ้าปากรับอาหารบดฟันน้ำนมเคี้ยวข้าว
“ต้องกินให้หมดนะคะ คุณแม่ตั้งใจทำให้พริกหวานกินนะลูก”
หนูน้อยกดหน้าลงรับรู้ว่าแม่ตั้งใจทำมาให้ แล้วอ้าปากกินอีกคำ พริกหวานเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นทุกวัน ว่าภารนัยตามใจลูก ถึงเวลาลูกงอแงหนักๆ ธารธาราไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ตามใจลูกเหมือนเขา
อุ้มลูกออกจากบ้านรอโดยสารรถกอล์ฟตรวจตราความสงบเรียบร้อยของ รปภ. ไปหน้าหมู่บ้าน เรียกแท็กซี่ไปส่งบิ๊กซีซูเปอร์เซนเตอร์ พาลูกสาวเล่นม้าโยกตามสัญญา ก่อนพามาเลือกซื้อของเล่น
จำกัดให้เลือกได้แค่ชิ้นเดียว พริกหวานได้ตุ๊กตาราพันเซลล์มูลค่าเกือบหนึ่งพันบาท ราคาแพงจนต้องปาดเหงื่อ แต่สัญญากับลูกสาวไว้ว่าจะซื้อให้หนึ่งชิ้น ก็ต้องกัดฟันสแกนจ่ายเงินซื้อให้ลูก
เข็นรถที่มีลูกสาวนั่งกอดตุ๊กตาออกจากช่องจ่ายเงิน หามุมเล็กๆ พักรถชั่วคราว ค้นหาโทรศัพท์จากในกระเป๋ามาดูคนโทรเข้า ‘คุณนัย’ ไม่ใช่แค่ลูกสาวที่งอนพ่อ แม่ของลูกก็งอนพ่อของลูกเหมือนกัน
“พริกหวาน คุณพ่อโทรมา คุยกับคุณพ่อนะลูก”
“พ่อพ่อ ไม่รัก พริกหวาน”
กอดกล่องตุ๊กตา สะบัดหน้าใส่เสมือนว่าคุณพ่ออยู่ตรงนี้
ธารธาราเลิกงอนเขา เปลี่ยนมาขำ ที่มีคนงอนแทนหล่อนแล้ว เชียร์หนูพริกหวานในใจบอกลูกสาวให้งอนคุณพ่อเยอะๆ
‘รับสายคุณพ่อ คำแรกพริกหวานก็บ่นคุณพ่อเลยเหรอคะ’
“พริกหวาน ร้องไห้ แง... พ่อพ่อ ไม่ซื้อ ของเล่น ให้พริกหวาน”