#11

1567 คำ
ปิ๊ด นับดาวยังจัดของไม่เสร็จ ก็มีสัญญาณเรียกจากคนในห้องเสียแล้ว และเมื่อเธอเข้ามาในห้องเธอก็นึกได้ว่าตัวเองลืมเสื้อสูทของเขาที่ส่งซัก งั้นไว้ตอนเที่ยงค่อยไปเอามาคืนแล้วกัน “ค่ะ” “ขอบคุณมากที่มาช่วยกัน” ทิวาพูดพร้อมรอยยิ้ม “แผลหายดีแล้วหรือยัง” นับดาวทำท่าคิด แต่เมื่อมองตามสายตาเขาที่มองไปที่ขาของเธอ โถ่ว แผลเท่าแมวข่วน “หายแล้วค่ะ”  ทิวาลุกจากเก้าอี้ เดินมายืนพิงโต๊ะตรงหน้าเธอพอดิบพอดี เขากอดอกและมองพิจารณานับดาวไม่ปิดบัง นับดาวไม่เข้าใจการกระทำของเขาที่ดูโจ่งแจ้งเกินไป “แค่แปลกใจ เพราะผมพึ่งรู้ว่าบริษัทเราไม่ได้ตอบรับรับเด็กฝึกงานมาหลายปีแล้ว” นับดาวควรบอกเขามั้ยว่าทุกอย่างนี้เป็นการจัดการของคุณลุงประธานที่ทำตามคำสั่งของเจ้าสัวเทวัญก่อนที่ท่านจะสิ้น และตอนนั้นพวกเธอก็ไม่คิดว่าเขาจะกลับมา เธอตั้งใจจะมาฝึกงานกับเจ้าสัวต่างหาก แววตาของทิวาค่อยๆเปลี่ยนไป เมื่อจู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าความอดทนของตัวเองเริ่มจะหมดลง ผู้หญิงคนนี้ไร้เดียงสาจริงๆเหรอ “ไม่ทราบเช่นกันค่ะ” นับดาวที่เงียบไปนานคิดว่าตนควรตอบอะไรออกไปดีกว่า เพราะบรรยากาศมันอึดอัด ที่เขาเงียบและเธอก็เงียบด้วยแบบนี้ “ไหนๆเราก็ครอบครัวเดียวกัน คุณก็ย้ายเข้ามาที่บ้านเสียเถอะ” !!!! ประโยคที่ไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย ทำเอาคนที่ร้อนตัวเข้าใจจนขนอ่อนตามร่างกายลุกไปทั่วในทันที  ทิวาเลิกคิ้วยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนที่มองตาค้างเห็นแต่ความบริสุทธิ์ใจ นับดาวรู้ดีว่าตัวเองตื่นตระหนกไม่น้อย “คุณแม่...” ตุ๊บ เพล้ง โทรศัพท์ในมือของนับดาวล่วงกระทบพื้นหินอ่อนแตกในทันที ประโยคก่อนหน้าว่าขนลุกแล้ว แต่มันเทียบไม่ได้กับคำสั้นๆสองคำนี้เลย ในตอนแรกทิวากะแค่ลองหยั่งเชิง เขาไม่มั่นใจอะไรเลย เพราะอะไรไม่แน่ใจ กฤษบอกว่าข้อมูลถูกปิดผนึกด้วยบารมีของพ่อเขาที่เหลือแต่ชื่อแล้วซึ่งไม่มีใครยอมอ้าปากเลย เขาเลยคิดว่าลองใช้วิธีนี้ดู จึงทำให้ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าผู้หญิงที่ชื่อนับดาว อนันตกุล คนที่ยืนตัวสั่นตรงหน้าเขาคนนี้ คือคนเดียวกับในพินัยกรรม ซึ่งมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของเขา...เจ้าสัวเทวัญเป็นพวกกินหญ้าอ่อนเหรอเนี่ย ควับ! นับดาวที่ยืนอึ้งอยู่นาน และเธอก็ทนสภาพอันอึดอัดไม่ได้แล้ว เธอกะจะวิ่งหนีไปก่อน แต่ทิวากลับเร็วกว่า เขาคว้าแขนเธอไว้ได้ก่อนที่เธอจะได้ก้าวขาด้วยซ้ำ พรึ่บ ร่างบางเซถลาเข้าปะทะแผ่นอกแกร่งอย่างจัง “ปล่อยนะ” นับดาวกลัวอย่างมากเธอจึงพยายามดิ้นหนี “ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่า” ทิวาพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ เพราะเขาต้องการรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่จะให้ถามออกไปเลยก็ทำใจเชื่อยากว่าผู้หญิงคนนี้จะบอกความจริง  ตอนนี้เธอคนนี้เป็นเจ้าของบ้านร่วมกับเขา แต่ทรัพย์สินอีกสองส่วนตอนนี้ใครเป็นเจ้าของหรือทั้งหมดนั้นก็เป็นของเธอคนนี้เช่นกัน  พรึ่บ นับดาวถูกคุมขังไว้ด้วยวงแขนทั้งสองของเขาที่กักเธอไว้กับขอบโต๊ะ เขาไม่ได้จับต้องถูกตัวเธออีก ฝ่ามือทั้งสองของเขาทาบบนโต๊ะทำงาน และมองเธอเต็มตา “ตกลงมั้ย” เขาย้ำถามอีกครั้ง นับดาวจำต้องพยักหน้า เพราะถ้าเธอไม่โอนอ่อนตาม เขาจะปล่อยและถอยห่างเธอมั้ย ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงที่ไม่ชินกับการถึงเนื้อถึงตัวของเพศตรงข้าม “เป็นคำสั่งของคุณพ่อสินะ ที่ให้คุณปิดบังตัวตนไว้” นับดาวพยักหน้า เมื่อตอนนี้เขาและเธอมานั่งคุยกันดีๆที่โซนรับแขก “บ้านหลังนั้น ใหญ่เกินไปที่ผมจะอยู่แค่คนเดียว คุณก็มีสิทธิ์ ก็ย้ายเข้ามาอยู่เถอะ อีกอย่างบ้านก็ต้องมีใครสักคนดูแล” เก็บมิตรไว้ใกล้ตัว แต่เก็บศัตรูให้ใกล้ยิ่งกว่า  ทิวายิ้มเป็นกันเองกับนับดาว และเขาก็ยิ้มมากขึ้น เมื่อเห็นว่านับดาวเริ่มผ่อนคลายลงแล้ว “เอาล่ะ ผมก็บอกความในใจในส่วนของผมไปหมดแล้ว  พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ อีกสิบวันผมถึงจะกลับมา หวังว่าเมื่อผมกลับมา บ้านก็จะเป็นบ้านที่สมบูรณ์นะครับ” ทิวาพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ซึ่งนับดาวไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มหลังจากนั้นของเขาเลย และคำพูดตอนท้ายของเขาช่างเป็นคำสั่งกลายๆ ทิวาเดินไปหยิบโทรศัพท์ของตนที่บันไดหนีไฟปิดโหมดการบิน ใบหน้าหล่อเผยยิ้มร้ายเมื่อเปิดฟังสิ่งที่แอบอัดไว้ ตอนนี้ผู้ช่วยมารอที่หน้าอาคารแล้ว เขาต้องบินไปเซี่ยงไฮ้จริงๆ ซึ่งเขาคิดแล้วว่าไม่อยากให้เวลาต้องเสียไปเปล่าๆ จึงปล่อยเหยื่อให้หนูได้ใจไปก่อน ทางด้านนับดาวที่นิ่งสตั้นอยู่ที่เดิมกว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้ง ชั้นหกก็เงียบสงบคงเหลือแต่เธอกับแม่บ้าน เจ้านายไม่อยู่งานที่ว่าก็ไม่ได้มอบหมายทิ้งไว้เลย และตอนนี้เธอเองก็ยอมรับว่าไร้ซึ่งสมาธิในการทำงานแล้วจริงๆ เธอโง่งมเกินกว่าจะคิดหาทางออกกับเรื่องนี้ได้เอง แต่เธอก็ไม่ไร้หนทาง นับดาวจึงตัดสินใจไป... ผลั๊วะ ประตูห้องทนายประธานถูกผลักเปิด กิ่งแก้วเร่งรีบเข้ามาโดยไม่รอคนด้านในอนุญาต พึ่บ เธอวางกล่องใส่โทรศัพท์ตรงหน้านับดาวที่มาได้สักพัก “เอาซิมใส่ก็ใช้ได้แล้ว” นับดาวรับมาพร้อมขอบคุณเพื่อน “ขอบคุณทำไม ใช่เงินฉันเสียเมื่อไหร่ ก็เงินของแก ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันนะ นอกจากจะเป็นเพื่อนรักแกแล้วยังเป็นลูกจ้างของแกด้วย” นับดาวมองกิ่งแก้วและอดไม่ได้ที่จะต้องเผลอยิ้มออกมา แม้จะเครียดไม่น้อยอยู่ก็ตาม “เฮ้ย...มันมีทางออกเสมอ แกอย่าทำหน้าเหมือนว่าอีกไม่กี่นาทีโลกกำลังจะแตกสิ” กิ่งแก้วปลอบใจเพื่อน ก็อก ก็อก เสียงประตูถูกเคาะ ประธานที่นั่งมองบุตรสาวกับนับดาวคุยกันอยู่เงียบๆ ลุกจากเก้าอี้เพื่อไปเปิดประตูให้กับคนที่พวกเขารอคอยอยู่เพราะหลังจากที่เขารู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากนับดาว ประธานก็โทรเรียกพยานคนสำคัญทันที นับดาวและกิ่งแก้วหยุดเสียงคุยทันที ทั้งสองหันไปทางประตู “พี่ตุลย์” กิ่งแก้วเป็นฝ่ายเอ่ยออกมา นับดาวที่พึ่งเคยเห็นหน้าคนนี้ครั้งแรก ได้แต่ยืนขึ้นต้อนรับผู้มาใหม่ด้วยมารยาท “คุณนับดาว นี้อัยการตุลย์ เขาเป็นคนที่ท่านเจ้าสัวเทวัญเชิญมาให้เป็นพยานในเอกสารสำคัญครับ” กิ่งแก้วส่ายหน้าเป็นเชิงตอบคำถามเพื่อนที่มองด้วยสายตาที่สื่อความหมายประมาณว่า แกรู้มาก่อนมั้ย “สวัสดีครับ” นับดาวยกมือไหว้เขา เพราะอย่างไรเขาก็อายุต้องมากกว่าเธอหลายปีแน่นอน ตุลย์รับไหว้นับดาว แม้เขาจะเห็นชื่อของเธอคนนี้ในเอกสารที่ตนเซ็นเป็นพยานหลายฉบับแต่ตนก็ไม่เคยเห็นหน้าตาของเธอมาก่อน  ประธานบอกให้ทุกคนนั่งและค่อยๆคุย แต่สาระสำคัญคือต้องให้นับดาวเข้าใจเงื่อนไขทุกอย่าง “เรื่องการย้ายเข้าไปอาศัยที่บ้านประเสิร์ฐอนันตกุล เป็นเรื่องที่คุณนับดาวไม่อาจปฎิเสธได้ แต่สามารถเลื่อนเวลาออกไปได้อย่างไม่มีกำหนด แต่...” ประธานเอ่ยมาถึงตรงนี้ก็มองไปทางตุลย์ บทบาทสำคัญของตุลย์คือต่อจากนี้ “ผมในฐานะที่เป็นพยานในหนังสือกล่าวแจ้งของเจ้าสัวเทวัญ ผมต้องขอชี้แจงก่อนว่า ที่ผมเป็นผู้ที่ถูกเลือกและเหมาะสมเพราะผมไม่มีส่วนได้เสียใดๆ กับความต้องการนี้ของท่านเจ้าสัว ในวันลงนามเอกสาร ตอนนั้นท่านเจ้าสัวบอกปากเปล่ากับทุกคนในตอนนั้นว่า ไม่มีการบีบบังคับใดๆกับคุณทั้งนั้น เรื่องนี้ให้เป็นการสมัครใจของคุณนับดางเอง โดยมีเงื่อนไขเดียวว่า หลังจากที่คุณนับดาวและคุณเทวาย้ายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของบ้านประเสิร์ฐอนันตกุลเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าหกเดือนแล้วเท่านั้น พินัยกรรมฉบับของคุณเทวาถึงจะถูกเปิด” นับดาวเมื่อได้ฟังมาถึงตรงนี้ถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด ก็รู้ว่าท่านเจ้าสัวอยากให้เธออยู่ที่นั่น แต่ไม่คิดว่าท่านมีความต้องการแรงกล้าเป็นจริงเป็นจังถึงขนาดนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม