#14

1551 คำ
“เมื่อคืน...” ทิวาก้าวเข้ามาหานับดาว และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาจะเอ่ยถามว่าเธอไปนอนที่ไหน ทั้งๆที่มันก็เป็นเรื่องของเธอไม่เกี่ยวอะไรกับเขาทั้งนั้น ดีที่ทิวาหยุดคำพูดของตัวเองไว้ได้ทัน นับดาวใจเต้นแรง แต่เธอก็ยังเงียบ ‘เมื่อคืน...’ เขากำลังจะพูดอะไรต่ออย่างงั้นเหรอ ทิวาจู่ๆก็หันหลังให้นับดาวและกดลิฟท์ที่จอดค้างอยู่ชั้นห้าเพื่อขึ้นชั้นหก นับดาวทำเพียงมองตามหลังเขาอย่างไม่เข้าใจ ช่วงเวลาการฝึกงานของช่วงเช้าวันนี้ของนับดาวเป็นไปอย่างราบรื่น เธอได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบและคำนวณค่าเสื่อมทรัพย์สินของบริษัททั้งหมด จนกระทั่งอีกสิบนาทีก็จะเที่ยง Grrr Grrrr โทรศัพท์ของนับดาวก็ดังขึ้น  “สวัสดีค่ะ” นับดาวไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำว่าใครโทรมา เธอกำลังฝักใฝ่อยู่กับการตรวจสอบสูตรการคำนวณการนับวันคงเหลือของทรัพย์สินที่หมดระยะค่าเสื่อมในปีนี้ “สวัสดีครับคุณนับดาว” เสียงที่เหมือนจะเคยได้ยินแต่เธอกลับนึกไม่ออก  “เอ่อ คุณคือ...” เธอรู้สึกเกรงใจคนปลายสาย ตอนนี้สายตาละออกมาจากหน้าคอมพิวเตอร์ หันมามองโทรศัพท์ที่โชว์เบอร์แต่ไม่โชว์ชื่อ “ผมตุลย์ครับ” อ๋อ แน่นอนว่าถ้าได้ชื่อเธอต้องจำเขาได้ “จำผมได้แล้วใช่มั้ยครับ” ฮิฮิฮิ นับดาวหัวเราะออกมาอย่างเก้อเขิล “พอดีผมพึ่งเสร็จงานแถวๆที่คุณนับดาวฝึกงานอยู่ จะให้เกียรติเป็นเพื่อนทานมื้อเที่ยงกับผมสักมื้อได้มั้ยครับ” คนพึ่งเจอกันแค่ครั้งเดียว แต่เขาคือคนที่น่าเชื่อถือจากเจ้าสัวเทวัญ  “ตกลงค่ะ ร้านไหนดีค่ะ” “คุณนับดาวแนะนำผมได้หรือมั้ยครับ” “เรียกว่าดาวสั้นๆแค่นั้นก็พอค่ะ...งั้นตอนนี้คุณอยู่ตรงไหนคะ” คำพูดที่เอ่ยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติและกันเองสร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้กับคนปลายสายจนอดยิ้มออกมาไม่ได้  “ผมอยู่ห่างจากคุณดาวสองสามนาทีเท่านั้น ผมขับรถไปรอคุณที่หน้าตึกนะครับ” “ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวเจอกัน” เมื่อตุลย์วางสาย เขาก็ขยับรถไปต่อทันที เขาไม่ได้มีงานแถวนี้อะไรทั้งนั้น แต่หลายวันมานี้ตั้งแต่ที่ได้เจอกับเธอ เขาก็คิดเสมอว่าเดี๋ยวเธอต้องโทรมาแน่ หนึ่งวันผ่าน สองวันก็แล้ว จนแล้วจนรอดเขาก็มั่นใจว่าเธอไม่โทรมาแล้วแน่ๆ และก่อนที่เธอจะลืมเขาไป ตุลย์จึงตัดสินใจเป็นฝ่ายโทรมาเสียเองแล้วกัน นับดาวเดินออกจากลิฟท์ ไปยังหน้าอาคาร มีรถจอดเปิดไฟกระพริบอยู่ เธอจึงก้มตัวเพื่อมองคนในรถ แต่คนในรถเปิดประตูลงมากจากรถ “คุณดาว” ตุลย์เรียกเธออีกครั้ง เขาเดินไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้เธอดั่งสุภาพบุรุษชน จนทั้งสองไปแล้ว ดวงตาแข็งกร้าวที่มองเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกตัดสินใจขับรถตามไป Grrrr Grrrr ทิวาไม่สนใจแม้จะมีสายเรียกเข้า ที่หน้าจอโชว์ชื่อว่า ‘พร้อมรัก’ เขาเลี้ยวรถตามมาในร้านอาหาร และมองคนสองคนที่ยิ้มให้กันเดินเข้าไปในร้านอาหาร ที่เขาสนใจเธอเหตุผลเดียวคือเธอถือครองสมบัติของพ่อของเขาอยู่เท่านั้น เนื่องจากทิวาแจ้งไว้กับทุกคนว่าเขาจะเดินทางไปเซี่ยงไฮ้สิบวัน เมื่อกลับก่อนกำหนด ทิวาก็ไม่มีวาระการประชุมเรื่องงานในช่วงสองวันนี้ เขาจึงหันหัวรถขับออกจากลานจอดของร้านอาหารและมุ่งตรงกลับบ้าน  ทิวาที่กลับบ้านมาเร็ว เมื่อมาถึงก็ทราบว่าพร้อมรักกลับบ้านของเธอไปแล้ว เขาจึงแจ้งให้จัดโต๊ะมื้อเที่ยงให้กับตน และเขาก็ขึ้นชั้นสองไปเปลี่ยนชุด ห้องนอนเขาที่แต่เดิมเป็นของประมุขบ้านอย่างเจ้าสัวเทวัญที่จะอยู่สุดทางเดินเท่านั้น ทำให้เขาต้องเดินผ่านห้องนอนเก่าของเขา ซึ่งทิวาทราบมาว่าห้องถูกตกแต่งใหม่ และเมื่อคืนเขาไม่ได้เปิดไฟตอนที่ลองเปิดประตูและรู้ว่ามันไม่ไดล็อคและในห้องก็ไร้ผู้คน เขาก็ออกมาทันที แต่ตอนนี้เขาอยากเห็นแล้วว่าห้องของเขาเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ผลั๊วะ ประตูไม่ได้ล็อคเหมือนเดิม จากเดิมห้องเป็นสีเทาอ่อน ตอนนี้ผนังก็ยังเป็นสีเทาอ่อนเหมือนเดิม แต่ผ้าม่านถูกเปลี่ยนเป็นขาวที่มีลวดลายดอกไม้เล็กๆ ชวนให้มองแล้วสบายตาไปอีกแบบ เตียงนอนถูกเปลี่ยนเป็นขนาดใหญ่กว่าเดิมน่าจะเป็นเตียงสั่งทำพิเศษ ส่วนอีกมุมหนึ่งกลับเป็นการตกแต่งที่มีเตียงขนาดเล็กที่ต้องเดินขึ้นบันไดไปหลายขั้น ในขณะด้านล่างเตียงกลับเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ และมีตู้เสื้อผ้า มุมนี้เป็นมุมที่ถูกจัดทำใหม่น่าจะสำหรับเทวา ห้องแต่งตัวและห้องน้ำถูกเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย ส่วนเฟอร์นิเจอร์อย่างอื่นถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดรวมถึงพื้นที่เป็นพรหมมากกว่าครึ่ง ห้องนี้เปลี่ยนจากห้องผู้ชายเป็นห้องของเจ้าหญิงไปเลย ผนังหัวเตียงยังมีลวดลายเดียวกับผ้าม่านชวนมองให้ดูอ่อนโยน ทิวาเดินไปยังของตกแต่งที่เป็นรูปถ่าย ในที่สุดเขาก็เห็นหน้าค่าตาเด็กที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายของเขา เด็กคนนี้ช่าง...เหมือนกับเขาในวัยเดียวกัน ทิวานั่งอยู่ในห้องรับแขกตลอดช่วงบ่าย การพำนักอยู่ที่บ้านของเขาก็ไม่ได้เป็นที่แปลกใจอะไรของเหล่าคนงานในบ้าน แต่การที่เขานั่งอยู่ในห้องรับแขก เดี๋ยวก็มองนาฬิกา เดี๋ยวก็มองทางเข้าบ้าน หนังสือในมือหน้าเดิมเปิดค้างเป็นนายหลายนาทีกว่าจะถูกพลิกหน้าถัดไป นั่นเกิดจากอะไรกัน “วันนี้เรากลับบ้าน” นับดาวเอ่ยกับเทวาเมื่อพาเขาเข้ามาในรถและนั่งเรียบร้อย เทวาชำเลืองมองนับดาว จะว่าเธอชินก็ชิน ไม่ชินก็ไม่เชิง เทวาไม่ใช่เด็กช่างพูดช่างประจบ เธอเคยคิดว่าเขาอาจมีปัญหาทางด้านสภาพจิตใจ เธอเคยพาเทวาไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง  “คุณแม่ไม่ต้องวิตกกังวลค่ะ เขาปกติ” คำวินิจฉัยของแพทย์ในตอนนั้น และเธอยังให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาด้วยมากมาย จึงทำให้ในวันนั้นไม่ใช่เทวาเท่านั้นที่เป็นคนไข้ของแพทย์หญิง  นับดาวครุ่นคิดมาตลอดทางที่ขับรถกลับบ้านประเสิร์ฐอนันนตกุล ว่าเธอจะบอกกับเทวาอย่างไรดียามที่ต้องเผชิญหน้ากับทิวา นับดาวไม่รู้ว่าวันนี้ทิวาอยู่บ้านแล้ว แต่ต้องมีสักวันไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้พวกเธอต้องเผชิญหน้ากัน “เทวา เอ่อ...มีเพื่อนที่มีพี่ชายบ้างมั้ย” “ครับ”  “มันดีมากเลยใช่มั้ย” “ไม่ทราบครับ” นับดาวนิ่งไป นี่เธอเป็นอะไรไปนะ พูดไปเลย ก็แค่บอกไป บางทีเธออาจจะกลัวกว่าเหตุก็ได้ เอี๊ยดดดด นับดาวจอดรถข้างทาง “เทวามีพี่ชายคนหนึ่งชื่อว่าทิวา เขาโตมากๆแล้ว เขาจะอยู่บ้านเดียวกับเรา เทวาต้องรักพี่ทิวามากๆ...” นับดาวรวบรวมความกล้าพูดออกไปอย่างเร็ว ดวงตากลมโตจ้องเข้าไปในดวงตากลมของเทวาที่มองมาทางเธอเช่นกัน เฮ่อ เฮ่อ นับดาวหอบหายใจเล็กน้อย  “ครับ” นับดาวเปลี่ยนมากระพริบตาถี่ๆ เกือบลืมหายใจ ไม่มีวี่แววความตื่นตระหนก ความไม่พอใจ ความงอแง ก็เป็นแบบนี้นี่ไง เธอถึงมีความคิดที่ต้องพาเทวาไปปรึกษาแพทย์ “ครับ...โอเค...ครับ” นับดาวเปรยทวนคำของเทวา และหันกลับมาสนใจการขับรถอีกครั้ง ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเธอก็มาถึง และเดินเข้าไปในบ้านที่ต้องผ่านห้องรับแขก ทิวานั่งไขว่ห้างสายตามองตรงมา แน่นอนว่าคนแรกที่เขามองต้องเป็นนับดาวและเลื่อนสายตามาที่เทวา “สวัสดีค่ะท่านประธาน” นับดาวใช้ความกล้าหาญทำลายความเงียบ เพราะถ้าลำพังตัวเธอ เธอสามารถปล่อยสถานการณ์ตึงเครียดให้ดำเนินไปอย่างไม่มีขีดจำกัด แต่ครั้งนี้เทวายืนอยู่ข้างกายเธอ “ที่นี่ไม่ใช่ที่ทำงาน” อ่อ นับดาวขานในคอสั้นๆ และทิวาก็ไม่เอ่ยต่อว่าให้เรียกขานนามเขาแบบไหนยามที่ต้องบังเอิญเจอกันในบ้าน  “เทวา พี่ชายจ่ะ”  “สวัสดีครับพี่ชาย” ทิวามองเทวา ในใจของทิวาเป็นแบบไหน หญิงสาวที่ไม่ประสาอย่างนับดาวไม่มีทางเข้าใจและมองออกแน่นอน แต่สิ่งที่เธอไม่ได้คาดการณ์ไว้คือ พรึ่บ ทิวาเดินมาและนั่งยองๆเพื่อให้ตัวเองไม่สูงกว่าเทวามากนัก 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม