“ขี้เกียจดู ถ้ามาจริง ก็รอดูตัวจริงเลยไม่ดีกว่าเหรอ ไม่เสียเวลาด้วย”
“สวัสดีค่ะ” นับดาวทักทายอีกฝ่าย เมื่อรอนานแล้วก็ยังไม่เข้าสู่ช่วงเวลาทางการเสียที
“สวัสดีจ่ะ ยินดีที่ได้เจอกัน ไม่ต้องเกร็งหรือพิธีเยอะหรอก แค่เรื่องงานก็พิธีเยอะมากพอแล้ว...พี่บุษกลับไปไป...” ปริญญาไล่บุษบาและให้นับดาวเดินตามเขามา ทั้งสองไม่ได้เดินไปยังห้องกระจกและไม่ได้เดินไปแนะนำกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น นับดาวพึ่งสังเกตุเห็นประตูที่ผนังสีขาว
ด้านในคือห้องเก็บเอกสารที่เป็นระเบียบมาก “เอกสารทางบัญชีต้องเก็บกี่ปี” จู่ๆก็ถูกตั้งคำถาม
“อย่างน้อยห้าปีแต่ไม่เกินเจ็ดปีค่ะ” ปริญญายิ้ม และมองไปยังใบหน้าสวยหวาน
“งานบัญชีไม่มีคนสวย คนสวยจะไม่เลือกบัญชี...นับดาวว่าจริงมั้ยจ่ะ” นับดาวยิ้มและส่ายหน้า เพราะแม้ว่าจะยังไม่มีการแนะนำผู้ร่วมงานคนอื่นๆที่นั่งทำงานกันอยู่ แต่เธอก็มองเห็นพนักงานหญิงทั้งหมด พวกเธอหน้าตาน่ามองกันทุกคนเลย
“น้องหนู หนูนะสวยน่ารักน่ามองมาก แต่พี่ในฐานะเป็นเจ้านายตามสายงาน พรุ่งนี้ขอคิ้วเข้มกว่านี้อีกนิด ริมฝีปากอิ่มสวยขอให้มองแล้วรู้สึกเปล่งปลั่งอีกหน่อยนะจ่ะ ถือว่านี่เป็นคำสั่งแล้วกัน” นับดาวจะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะร้องไห้ก็ไม่เชิง ตอนนี้เธอพอจะเข้าใจทุกคนด้านอกแล้ว แต่จะว่าไปตอนที่เธอเดินเข้ามา พวกเธอก็น่ามองจริงๆ ชวนให้บรรยากาศดูผ่อนคลายไม่น้อย
“เข้าใจแล้วค่ะ” ปริญญายิ้มและรับรู้ได้ว่านับดาวเข้าใจเป็นอย่างดีว่าแผนกนี้ต้องมีแต่บุคคลากรที่พร้อมทั้งหน้าตาและสมอง
“เรากลับเข้าเรื่องงาน หลายปีมานี้ที่นี่ไม่ได้รับเด็กฝึกงานเลย การปรากฎตัวของน้องหนู พี่ยินดีเป็นอย่างมากและรู้สึกโชคดีมากที่แผนกบัญชีเป็นฝ่ายโชคดี แต่ไหนก็ไหนแล้ว...อย่าว่าเป็นการรังแกกันเลยนะ เอกสารทางบัญชีในนี้มันมากเกินไป มันเกินระยะที่พระราชบัญญัติการบัญชีกำหนดไว้แล้ว แต่เพื่อความโปร่งใสพี่ยังต้องการเก็บเอกสารทุกอย่างไว้ เป็นไฟล์อิเล็ค-ทรอนิกส์...” ปริญญาเดินเข้ามายังกลางห้องที่มีโต๊ะทำงานพร้อมเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับงานในหน้าที่
“นี่คอมพิวเตอร์ เครื่องสแกน และเครื่องทำลายเอกสาร”
“ค่ะ ดาวทำได้ค่ะ” ปริญญายิ้มอีกครั้ง นับดาวขอเดินสำรวจชั้นเก็บเอกสารที่มีการติดป้ายบอกอย่างชัดเจน รายรับ รายจ่าย รายงานใบกำกับภาษีของแต่ละปีไว้ หน้าที่ของเธอก็นำเอกสารของปีที่จะต้องทำลายมาสแกนเก็บไว้
“เย็นนี้พี่จะเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่และแนะนำให้รู้จักกับทุกคนในแผนกนะจ๊ะ”
“ค่ะ” ปริญญาเดินออกจากห้องเอกสาร นับดาวก็เริ่มลงมือทำงาน เวลาผ่านไปนานแค่ไหนเธอก็ลืมที่จะดูเวลา ประตูถูกผลักเปิดอีกครั้ง ปริญญาเดินเข้ามาพร้อมกล่องเซตอาหารญี่ปุ่น
“พี่ไปอ่านประวัติส่วนตัวของน้องหนูมาแล้ว อ๊ะ” ปริญญายื่นส่งกล่องเซตอาหาร “ซูชิ” นับดาวกล่าวขอบคุณ และต้องรับมาแม้จะเกรงใจ “เห็นว่าเลยเที่ยงแล้ว...เอาละตั้งใจทำงานเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว” แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลงปริญญาก็ไม่วายร้องเตือนมื้อเที่ยงอีกครั้ง
นับดาวยิ้มอย่างสุขใจ อย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมงานที่ดี นับดาวใช้เวลาเกือบสองสัปดาห์งานในห้องเก็บเอกสารก็เรียบร้อยเป็นที่พอใจของปริญญาอย่างมาก
“เหมือนด้านนอกฝนจะตกแล้วนะ ให้พี่ไปส่งดีมั้ย”
“อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ดาวนัดเพื่อนไว้นะคะ” เมื่อเห็นสายตาค้นหาของปริญญา เธอจึงต้องพูดต่อ “เพื่อนผู้หญิงค่ะ เพื่อนจริงๆค่ะ”
“จ๊ะเอ๋!” หญิงสาวในชุดนักศึกษาสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็มีเสียงมาจากด้านหลัง
“ยายดาว ตกใจมากเลยรู้มั้ย”
“ก็แน่ล่ะ ที่ทำก็หวังให้ตกใจ ไม่งั้นจะทำทำไมล่ะ” พิมพ์รักยกมือเคาะหน้าผากเพื่อนรักหนึ่งครั้งอย่างหมั่นไส้ และสวมกอดด้วยความคิดเพื่อน และร้องบอกแต่คำว่าคิดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทั้งสองก็ชวนกันไปหาอะไรกินเพื่อไต่ถามทุกข์สุขช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา
“เหลือเชื่อจริงๆ ที่แกยังไม่เจอเจ้านายที่หล่อ...เรียกว่าหล่อเลิศ ดีกรีเด่นตัวเป็นๆเลย”
“ไม่เจอนะดีแล้ว แล้วอีกอย่างฉันเป็นแค่เด็กฝึกงาน มีเหตุผลอะไรที่ต้องเจอกับคนระดับนั้นเล่า” พิมพ์รักพยักหน้าเห็นด้วยและเอาหมูที่จิ้มน้ำจิ้มเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
เมื่อกินอิ่มแล้วทั้งสองก็ชวนกันไปเดินเพื่อย่อย เข้าออกร้านรองเท้า เสื้อผ้าแบรด์ดังขึ้นห้างฯ แต่ก็ยังไม่มีใครถูกใจอยากได้อยากซื้ออะไร
“…อะไรเหรอ” นับดาวหันไปถามเพื่อนเมื่อจู่ๆ เพื่อนก็หยุดเดิน
“ผู้หญิงที่เดินคล้องแขนผู้ชายคนนั้น เหมือนพี่พร้อมมาก” นับดาวหันมองตามสายตาเพื่อน จู่ๆเธอก็รู้สึกว่ามีใครมาบีบจับหัวใจเธอไว้ไม่ให้เต้น เมื่อผู้ชายคนนั้นคือคุณทิวา แน่นอนว่าเธอต้องรู้จักหน้าตาเขาเป็นอย่างดี เพราะเขาทำงานอยู่เหนือชั้นที่เธอทำชั้นหนึ่ง
!!! พิมพ์เหมือนได้สติ เธอดึงนับดาวและตัวเองออกจากเส้นทางเดิน วิ่งเข้าไปในร้านใกล้ๆทันที เพื่อหลบหลีกคู่หญิงสาวที่กำลังเดินมาทางนี้
“ไหนว่าจะกลับอีกสองอาทิตย์” นับดาวหันไปมองเพื่อน ที่คอยจับตามองจนสองคนนั้นเดินห่างไปไกล “ตอนนี้ที่บ้านวุ่นวายอย่างมาก เพราะพี่พร้อมบอกว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทยถาวร คุณพ่อดีใจมาก ถึงขั้นทุบห้องเก่าทำห้องใหม่ให้พี่พร้อมเป็นการใหญ่...ก็พอเข้าใจได้แต่ว่าผู้ชายคนนั้น เจ้านายแกนิ!” นับดาวพยักหน้า เพราะถึงแม้จะยังไม่เคยเจอตัวเป็นๆ แต่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักหน้าตา นั่นก็ดูเป็นละครหลังข่าวเกินไปแล้ว
“เขาสองคนรู้จักกัน”
“เท่าที่เห็น ใช้คำว่ารู้จักคงไม่พอ” พิมพ์รักพยักหน้าเห็นด้วย
“เข้าใจแล้ว เหตุผลที่จู่ๆ พี่พร้อมต้องการกลับเมืองไทยเป็นการถาวร คงเพราะผู้ชายคนนี้ ดูไม่ออกเลยนะเนี่ยว่าพี่พร้อมจะติดผู้ชายขนาดนี้”เพี๊ยะ! นับดาวตีแขนเพื่อน
“พูดจาอะไรระวังหน่อย เธอนะน้องสาวฝ่ายหญิงนะ”
“น้องสาวพี่สาวอะไรกัน ตั้งแต่จำความได้ ฉันเจอหน้าพี่พร้อมมือเดียวยกขึ้นมานับยังไม่ครบเลย และการเจอกันแต่ละครั้ง...” พิมพ์รักเบะปาก เธอกับพี่สาวเป็นพี่น้องคนละแม่ แม่ของพร้อมรักเสียไปตั้งแต่พร้อมรักแค่ไม่กี่ขวบเท่านั้น แม่ของพิมพ์รักเป็นภรรยาคนที่สองที่แต่งเข้ามาและไม่นานก็มีพิมพ์รัก แต่แม่ของพิมพ์รักมาจากครอบครัวฐานะปานกลางไม่ได้เป็นผู้ดีมีเชื้อสายแบบพร้อมรัก ภายในครอบครัวของพิมพ์รัก ที่คนภายนอกไม่รู้ว่าถูกจัดแบ่งชั้นวรรณะกันอย่างชัดเจน แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงพร้อมรักเท่านั้นที่ทำตนสูงกว่าน้องสาวร่วมบิดา จึงทำให้พี่น้องต่างมารดาไม่มีความผูกพันฉันท์พี่น้องเลยสักนิดเดียว
นับดาวทำเพียงมองเขาจากที่ไกลๆ เหมือนในงานศพเจ้าสัวเทวัญ ตอนนั้นที่เธอยื่นธูปส่งให้กับเขา เขาไม่แม้แต่จะเห็นเธอมีตัวตน เธอมองเห็นแววตาของเขาที่ฉายความรู้สึกหลากหลายปะปนกันไปหมด เสี้ยวเวลาสั้นๆ เธอก็เห็นแววอาทรไคว่คว้ายามที่เขามองไปยังรูปเจ้าสัวเทวัญ แต่นั่นก็แค่ช่วงเวลานิดเดียวที่ถ้าใครไม่คอยสังเกตมองตลอดเวลาก็จะไม่เห็นเลย
“ที่รักขอบคุณมากที่เข้าใจผม”
“พ่อของทิวาก็เหมือนพ่อของพร้อมนะคะ คนไทยถือช่วงร้อยวันไว้ทุกข์พร้อมทราบค่ะ” ทิวากอบกุมมือหญิงสาวที่รักไว้แน่น
“คุณเป็นเซอร์ไพรส์ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าบนโลกใบนี้ยังน่าอยู่...อยู่” ทิวาส่งสายตาหวานเชื่อมส่งกลับไป เขากับพร้อมรักรู้จักกันเมื่อสามปีก่อนที่ฝรั่งเศษ จะว่าเป็นพรหมลิขิตหรืออะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่เธอกับเขาอยู่เมืองเดียวกัน แต่กลับไม่ได้เจอกันเลย กลับไปรู้จักครั้งแรกในสถานที่ที่โรแมนติก
“เราสองคนยังมีอะไรต้องเกรงใจกันอีกเหรอคะ ถ้าทิวายังรู้สึกแบบนี้กับพร้อม พร้อมจะโกรธแล้วจริงๆนะคะ” ทิวาจุมพิตหลังมือนุ่ม เพราะที่นี่เป็นเมืองไทยจะมาจูบกันดูดดื่มเหมือนที่อยู่ต่างประเทศคงไม่เหมาะ