"น่าเบื่อชะมัด!" หยูจินเซียงหญิงสาววัย 19 ปี ลากเมาส์ไปเรื่อยหาดูเรื่องราวในโลกอินเทอร์เนทที่น่าสนใจ
เธอนั่งอยู่ตรงนี้มานานกว่า 6 ชั่วโมงแล้วเพื่อหางานทำ หญิงสาวจำเป็นต้องเลือกงานที่มีวันหยุดที่เหมาะสม เพื่อจะได้ใช้เวลาที่เหลือในการศึกษาต่อในการศึกษาภาคพิเศษ
หญิงสาวกำพร้าอย่างเธอได้เงินช่วยเหลือจากรัฐในการเล่าเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับ หากไม่เรียนต่อก็จะหางานดีๆ ทำยาก แต่ด้วยอายุและระดับการศึกษาที่ไม่สูงก็หางานที่เหมาะสมได้ยากจริงๆ
“เกมเลือกคู่? ภาพประกอบน่ารักจัง ว้าวๆๆๆ มีหนุ่มหล่อหน้าตาดีเยอะเชียวนะ”
หยูจินเซียงขยายหน้าจอจนเต็มจอ มองดูรูปภาพประกอบในเกมซึ่งเป็นรูปวาดของชาวจีนโบราณ มีสตรีผมยาวดำขลับนั่งหันหลังถือดอกไม้ไว้หนึ่งดอก และสตรีผู้นั้นก็กำลังมองดูหนุ่มๆ ที่แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายโบราณหลากสีหลายสไตล์ ใบหน้าหล่อคมเข้มบ้าง ขาวสะอาดราวกับเทพบุตรบ้าง
“กดเพื่อเริ่ม” หญิงสาวอ่านตัวอักษรใหญ่ที่สุดกลางหน้าแรกของเกมที่กำลังกะพริบอยู่
ไม่ต้องคิดนานหยูจินเซียงลากเมาส์ไปที่ปุ่มกลางหน้าจอทันที
“คลิก!”
เสียงคลิกเมาส์คล้ายว่าดังค้างอยู่เนิ่นนานในสมองของหญิงสาว ภาพภายในหอพักสวัสดิการรัฐที่มีเพียงเตียงนอน ตู้เสื้อผ้าเล็กๆ กับโต๊ะเก้าอี้หนึ่งชุดหมุนวนไปรอบตัวเธอเริ่มจากช้าและเร็วขึ้น เร็วขึ้น เร็วจนหญิงสาวตาลายมึนงงต้องรีบหลับตา ยกสองมือมานวดคลึงบริเวณเบ้าตาเบาๆ เพื่อผ่อนคลาย
เสียงเพลงพิณและเสียงขับร้องแว่นหวานดังขึ้นมาในโสตประสาทของหยูจินเซียงพร้อมกับเสียงพูดคุยของสตรีแผ่วเบารอบด้าน
หญิงสาวยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเพราะยังรู้สึกวิงเวียนศีรษะอยู่ไม่น้อย และคิดว่าเกมคงจะเปลี่ยนหน้าต่างไปแล้ว เสียงเหล่านั้นย่อมเป็นเสียงที่เกิดจากดนตรีประกอบฉากแน่นอน
“จินเซียง เราไปกันเถิดไปก่อนก็ได้เลือกก่อนนะ”
เสียงเรียกชื่อตัวดังขึ้นมาข้างหู ทำให้หยูจินเซียงต้องรีบเบิกตาโพลง เกมจะฉลาดเกินไปแล้วรู้ชื่อของเธอได้อย่างไร!
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้หญิงสาวต้องอ้าปากค้างไปอีกครั้ง
“เกมเสมือนจริงหรือนี่” หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าอีกครั้ง เธอไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์เล่นเกมเสมือนจริงสักหน่อย แล้วฉากเหล่านี้ปรากฏขึ้นมาได้อย่างไรกัน?
ไม่ทันให้หญิงสาวได้พิจารณาอะไรต่อ สตรีชุดสีเขียวอ่อนผมยาวจนถึงเอวก็ดึงมือเธอให้ลุกขึ้นและจูงออกไปยังลานกว้างที่มีแจกันดอกไม้วางอยู่เป็นจำนวนมาก
สัมผัสมือนุ่มนิ่มจากคนข้างกายทำให้หยูจินเซียงต้องหันมองไปที่มือของตนเองอีกหลายครั้ง เธอรู้สึกได้ถึงความอุ่นชื้นจากฝ่ามือของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
“เกมบ้าอะไรเนี่ย เหมือนจริงชะมัด”
“เจ้าว่าอะไรนะ ข้าฟังไม่ถนัด”
“ป..เปล่า ไม่ได้ว่าอะไรนี่” หญิงสาวงงงันไม่เลิกก้มมองไปที่มือตนเองอีกครั้ง สร้อยข้อมือลูกประคำที่เธอสวมใส่อยู่ก็เห็นชัดๆ ว่านี่เป็นตัวเธอ แต่เสื้อผ้าสีชมพูหวานจ๋อยกรุยกรายที่พลิ้วอยู่นี่เล่า? เกมมันล้ำสมัยเกินไปไหม?
หญิงสาวหันไปมองรอบตัว เวลานี้มีสตรีอีกหลายคนเดินออกจากกระโจมที่กางด้วยผ้าตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้และเฟอร์นิเจอร์แบบโบราณหลายชิ้น หญิงสาวหลายคนต่างก็มุ่งตรงมาที่กลางลานกว้างเหมือนกับเธอและสตรีชุดเขียวอ่อน
“ข้าจะเลือกแล้วนะ” สตรีชุดเขียวปล่อยมือของหยูจินเซียง เดินไปชะเง้อมองดูแจกันหลายใบที่มีดอกไม้ปักอยู่ก่อนจะเลือกเอาดอกเบญจมาศสีเหลืองสดมาเก็บไว้ในมือ
“เกมเลือกคู่ เลือกดอกไม้หรือ” หยูจินเซียงไม่คิดจะพิสูจน์สิ่งใดต่อไปว่าเกมนี้สร้างภาพมายาให้ปรากฏด้วยวิธีไหน เธอรู้แค่ว่าตนเองกำลังอยู่ในเกมและต้องเลือกคู่ ดูเหมือนว่าการเลือกดอกไม้ในแจกันคือวิธีการที่ใช้ในเกมนี้
หญิงสาวเม้มริมฝีปากอย่างตื่นเต้น มองเห็นดอกกุหลาบดอกโตสีแดงสดดอกหนึ่ง
“กุหลาบเท่านั้น กุหลาบแดงหมายถึงความรักโรแมนติก ฉากต่อไปพระเอกในเกมต้องคาบกุหลาบเดินมาขอความรักจากฉันแน่ ๆ” หยูจินเซียงฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ ยื่นมือไปคว้ากุหลาบมาเก็บไว้กับตัวทันที
“ทำยังไงต่อล่ะ” เธอหันไปถามสตรีชุดเขียว คาดว่าสตรีผู้นี้คือตัวละครตัวหนึ่งที่คอยแนะนำวิธีการเล่นต่อไปให้กับเธอแน่นอน
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน งานเสี่ยงบุปผานี้เพิ่งจัดเป็นครั้งแรก เจ้าก็รู้มิใช่หรือ กลับไปที่กระโจมของเราก่อนพอคนเลือกดอกไม้ครบแล้วก็คงมีคนมาแจ้งกระมัง”
หยูจินเซียงจำต้องเดินตามหลังสตรีชุดเขียวกลับไปที่นั่งเดิมที่ลุกออกมาเมื่อครู่ สายตาของเธอมองดูบรรยากาศรอบตัวที่เสมือนจริงจนแยกไม่ออกอย่างรู้สึกทึ่ง
นั่งอยู่ครู่เดียวเธอก็ยื่นมือไปที่ใบหน้าของสตรีชุดเขียว เมื่อครู่เธอรู้สึกว่าร่างจำลองของสตรีผู้นี้ทำได้สมจริงมากจึงอยากรู้ว่าตัวละครตัวนี้มีลมหายใจหรือไม่
“ว้าว ลมหายใจก็อุ่น ผมก็นิ่ม เหมือนจริงมากเลย” หยูจินเซียงส่งเสียงชมเชยดังขึ้นมาพลางมองใบหน้างามของอีกฝ่ายที่ส่งสายตาอ่อนโยน ยิ้มอ่อนอย่างลำบากใจ
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านลดเสียงลงสักหน่อย กับห้ามทำกิริยาไม่งามนะเจ้าคะ ฮูหยินสั่งให้ท่านนั่งนิ่งๆ ห้ามพูดห้าม จำที่ฮูหยินสอนท่านได้หรือไม่เจ้าคะ” สตรีชุดสีเทาอายุราว 40 ปีเดินมาแตะที่ข้อศอกของหยูจินเซียง ในท่าคุกเข่าอยู่ด้านข้าง
หญิงสาวหันมามองหน้าสตรีชุดเทาอย่างงงงัน ก็แค่เกมไม่ใช่หรือ ทำไมต้องมีพิธีรีตอง รักษามารยาทอะไรนี่ด้วยเล่า ในเมื่อเธอก็เป็นมนุษย์เพียงคนเดียวในโลกมายานี้ แต่เธอก็ยินยอมทำตามและนั่งนิ่งตัวตรงสังเกตดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ผ่านไปอีกพักใหญ่ สตรีที่สวมเครื่องแต่งกายงดงามทั้งหลายทั้งปวงในเกมก็เลือกดอกไม้ในแจกันจนครบ แต่ก่อนที่จะมีฉากต่อไปปรากฏขึ้น เธอก็เห็นว่าท้องฟ้าเหนือศีรษะพลันมืดครึ้ม สายลมพัดแรงจนผ้าที่ผูกประดับกระโจมหลายหลังถูดพัดปลิ่วว่อน
บุรุษชุดสีเทาอ่อนวิ่งออกมาจากอาคารหลังใหญ่กลุ่มหนึ่ง พวกเขากระจายตัวกันไปยังกระโจมหลายหลังที่ตัวละครสตรีแยกย้ายกันนั่งอยู่
“คุณหนูเวย คุณหนู ดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตกเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวบ่าวไปถามขันทีเหล่านั้นให้ว่าพวกเขาจะให้เราไปที่ใดต่อ” หญิงสูงวัยชุดสีเทาเข้ม เข้ามาหาเธอและสตรีชุดเขียว กล่าวจบก็วิ่งฝ่าลมพายุไปหาบุรุษชุดสีเทาอ่อนแล้ววิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ฉินอ๋องมีรับสั่งให้งดการละเล่นลำดับต่อไปเจ้าค่ะ ให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับจวนได้เลย ส่วนเจ้าของดอกไม้เวลานี้พวกเขารู้แล้วว่าสตรีคนใดได้ดอกไม้ของผู้ใดไป หากทั้งสองฝ่ายสมัครใจยินยอมก็ให้จัดการกันเองไปตามเรื่อง”
“จินเซียง เช่นนั้นข้าต้องไปแล้วล่ะ เจ้าก็รีบกลับไปด้วยเล่า จำไว้หน้าอย่าแวะเที่ยวเล่นที่ใด หากถูกฝนเจ้าจะป่วย” สตรีชุดเขียว จับสองมือของหยูจินเซียงและลูบไปมาเบาๆ ราวกับเธอกำลังหลอกล่อพูดคุยกับเด็กเล็กๆ
หยูจินเซียงยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ทำไมเกมต้องยุ่งยากอะไรขนาดนี้กัน ก็แค่ให้ตัวละครชายโผล่มารับดอกไม้จากเธอหรือจะให้เธอออกไปตามหาเจ้าของดอกไม้ก็ได้ อะไรสักอย่างเถอะ! ทำไมต้องมีฉากพายุหลบฝนอะไรนี่ด้วยเล่า!
เธอถูกหญิงสาววัยรุ่นสองคนเข้ามาคว้าหมับเข้าที่แขนทั้งสองข้าง ก่อนจะกึ่งจูง กึ่งประคองเธอให้เดินหลบลมฝนไปยังทิศทางหนึ่ง
แต่ยังไม่ทันถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งคาดว่าจะเป็นฉากหรือภารกิจต่อไปในเกม สายฝนเย็นฉ่ำก็ตกลงมาอย่างรุนแรงพร้อมกับลมพายุทำให้ร่างของหยูจินเซียงเปียกชุ่มหนาวจนสั่นสะท้าน