“กองทัพเร่งให้กองกำลังกลุ่มของข้าออกเดินทางก่อนกำหนด คืนนี้ข้าต้องเดินทางไปที่ค่ายทหารและจะออกเดินทางไปชายแดนพรุ่งนี้เช้าทันที เจ้าอย่าได้คิดว่าข้าจงใจหยามเกียรติเจ้า อยู่ทางนี้เจ้าเป็นสะใภ้ใหญ่ เป็นนายหญิงคนหนึ่งของสกุลเวยไม่ต้องกลัวว่าผู้ใดจะกล้ามารังแกเจ้า กองกำลังจะผลัดเปลี่ยนทุก 6 เดือน ไม่นานข้าก็จะกลับมา เจ้ารอข้านะ”
เวยหวังหย่งไม่รู้ตัวว่าตนเองกล่าวถ้อยคำหวานซึ้งถึงเพียงนี้ออกไปได้อย่างไร ก่อนหน้านี้แม้จะไม่เต็มใจรับหยูจินเซียงมาเป็นภรรยา แต่ก็ไม่เคยรังเกียจนางและเข้าใจดีว่าเรื่องนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลง เขาจึงเลือกตัดใจจากคนรัก เพราะอีกฝ่ายก็ไม่สามารถตบแต่งเป็นอนุให้ผู้อื่นได้เช่นกัน
หยูจินเซียงและเวยเยว่ฉีอายุน้อยกว่าตน 3 ปี เมื่อครั้งยังเยาว์วัยเด็กหญิงทั้งสองเปรียบเสมือนน้องสาวตัวน้อยที่ตนต้องปกป้อง เมื่อนางอายุได้ 8 ขวบก็เกิดอุบัติเหตุ หลายปีผ่านไปเขาไปเยี่ยมนางบ่อยครั้ง นางก็ไม่เคยจำเขาได้สักครั้ง
จะให้เขาฝืนบังคับใจอีกฝ่ายมาเป็นภรรยาโดยที่นางจำสามีตัวเองไม่ได้ เรื่องนี้ก็ทำให้เวยหวังหย่งจนปัญญาไม่น้อย ไม่รู้ว่าหากนางไม่ได้ป่วย นางจะยอมรับตนเป็นสามีหรือไม่
แต่เมื่อเห็นร่างเล็กที่สั่นกลัวราวกับลูกกวางน้อยได้รับบาดเจ็บ หัวใจที่แข็งกระด้างของเวยหวังหย่งก็คิดอย่างเห็นแก่ตัวขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าหญิงสาวผู้นี้คือสมบัติที่ตนต้องปกป้องและหวงแหน ไม่ว่านางจะเต็มใจหรือไม่นางก็ต้องเป็นภรรยาของตน
ชายหนุ่มโน้มศีรษะลงไปจูบที่หน้าผากของหญิงสาวเบาๆ และค้างนิ่งอยู่นาน และก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดมากไปกว่านี้ เสียงของคนกลุ่มหนึ่งก็แว่วเข้ามาในโสตประสาทของเวยหวังหย่ง
“ท่านเขย นายหญิง นายท่านและฮูหยินมาถึงแล้วเจ้าค่ะ” เป็นซินอี้ที่ร้องเตือนคนในห้องออกมาก่อน
นางได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของหยูจินเซียงแล้ว อีกพักก็ได้ยินเสียงของท่านเขยปลอบนายหญิงเบาๆ จึงค่อยโล่งใจ พอเห็นว่าด้านในเงียบสนิทก็เกรงว่าหากคนข้างนอกเปิดเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าอาจจะไม่เหมาะ เลยต้องรีบส่งเสียงออกมา
เวยหวังหย่งพ่นลมหายใจทางจมูกรดใบหน้าของหยูจินเซียงจนนางได้กลิ่นสุราจางๆ จากลมหายใจหนักแน่นนั้นแจ่มชัด
เวยหวังหย่งใช้หน้าผากของตนดันหน้าผากของหญิงสาวจ้องมองดวงตางามคู่นั้นอย่างล้ำลึกด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่เล็กน้อย ก่อนจะปิดผ้าคลุมหน้าของนางและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“เข้ามาเถิด”
“หย่งเอ๋อร์ เจ้าบอกกับนางแล้วใช่หรือไม่” กู้ฮูหยินถามเสียงอ่อน รู้สึกสงสารคู่แต่งงานใหม่เหลือกำลัง
“บอกแล้วขอรับ” เวยหวังหย่งทอดสายตาไปที่ร่างงามบนเตียงอีกครั้ง ไม่มั่นใจว่านางจะจำความได้ไปตลอดหรือไม่
“เจ้ารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน แม่เจ้าจัดการข้าวของเอาไว้แล้ว ไม่ต้องห่วงทางนี้” เวยติ้งอันก็เสียดายแทนบุตรชายและตัวเองเช่นกัน ยังไม่ทันเข้าหอแล้วจะให้บุตรที่ไหนเกิดมากันได้เล่า!
พอเวยหวังหย่งออกไปพร้อมกับเวยติ้งอัน กู้ฮูหยินและเวยเยว่ฉีก็เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก และเริ่มเอ่ยถ้อยคำปลอบใจชักชวนหญิงสาวพูดคุยเรื่องอื่นให้นางลืมความเศร้าโศก
“ท่านแม่สามี น้องสามี พวกท่านช่วยปลดมงกุฎบนศีรษะออกให้ข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ” หยูจินเซียงไม่ได้เสียใจกับเรื่องของเวยหวังหย่งเท่าใดนัก ทั้งยังรู้สึกโล่งใจด้วยซ้ำ ร่างของเวยหวังหย่งแผ่รัศมีแห่งความปรารถนาแบบบุรุษจนนางหวาดหวั่นไม่น้อย
แต่ที่นางวิตกกังวลอีกเรื่องย่อมเป็นมงกุฎบนหัวที่แกะยากเย็นเหลือเกินชิ้นนี้ ดีไม่ดีหากไปพันอะไรแล้วรัดคอนางตายไปอีกรอบจะเสียเรื่องเปล่าๆ
หญิงสาวไม่กล้าไว้วางใจอะไรง่ายๆ เหตุการณ์ในเกมแต่ละเรื่องมันช่างพิลึกพิลั่นยิ่งนัก ไม่แน่ว่าหากนางกินขนมที่บ่าวรับใช้ในจวนสกุลเวยยกมาส่งก็อาจจะติดคอตายเสียวันนี้ก็เป็นได้
นางหวนคิดถึงคำบนหน้าต่างเกม เลือกคนรักและชีวิตของคุณสิ เป็นไปได้หรือไม่ว่าทุกครั้งที่นางเลือกคู่ นางก็ต้องเสียชีวิต เสียสติสิ้นดีเกมบัดซบ!!
คืนแรกของการแต่งเข้าจวนสกุลเวย หยูจินเซียงนอนพลิกไปพลิกมาอย่างกระสับกระส่าย แม้ว่าซินอี้และซินยี่จะปูผ้านอนเฝ้าอยู่หน้าเตียงทั้งคู่ นางก็ยังไม่อาจวางใจได้สนิท ครุ่นคิดอยู่แต่ว่าตนเองจะตายเมื่อใด
เวลานี้ใช้หัวใจดวงที่สามไปแล้ว นางก็ยังไม่เห็นความก้าวหน้าอื่น ๆ นอกจากฉากในอุทยานดอกไม้และฉากเข้าห้องหอ ซ้ำร้ายเจ้าบ่าวสองรายในสามครั้งที่กดเล่นเกม นางยังไม่มีโอกาสได้เชยชมอีกด้วยว่าฉากรักของเกมมันสะพรึงไปถึงสวรรค์วิมานชั้นไหน!
หญิงสาวเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อใดนางไม่รู้ตัว ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าสกุลเวยส่งสาวใช้สตรีอีกสองคนให้มารับใช้งานหนักในเรือนตนและสามี
ซินอี้และซินยี่ถูกยกระดับให้เป็นสาวใช้ชั้นสูง ทำหน้าที่ดูแลเรื่องส่วนตัวของนางเพียงเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้หยูจินเซียงรู้สึกซาบซึ้งกับการกระทำของคนสกุลเวยยิ่งนัก
หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเปลี่ยนเสื้อผ้าและเกล้าผมแบบสตรีที่ออกเรือนแล้ว บ่าวรับใช้สูงวัยจากเรือนนายท่านใหญ่สกุลเวยก็มานำทางหยูจินเซียงออกไปคารวะน้ำชาให้ผู้อาวุโสตามธรรมเนียม
“จินเซียง ข้าเยว่ฉีสหายเจ้า จำได้หรือไม่” เวยเยว่ฉีทักทายหยูจินเซียงออกมาเป็นคนแรกท่ามกลางกลุ่มคนในจวนสกุลเวยมากมาย
“ยามนี้เจ้าเป็นน้องสามีของข้าแล้ว เหตุใดข้าจะจำไม่ได้เล่า” หญิงสาวยิ้มตอบอ่อนหวาน ท่าทางสำรวมและนอบน้อม
นางเข้าไปคารวะน้ำชาให้กับเวยติ้งอันและกู้ฮูหยินเป็นอันดับแรก ท่าทางคล่องแคล่วรู้มารยาทของหญิงสาวทำให้คนรอบข้างถึงกับแปลกใจและชื่นชมไปพร้อมกัน ไหนว่าหยูจินเซียงไม่รู้ความ วันๆ เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ถามคำถามเดิม ๆ ซ้ำซากวนเวียนอย่างไร?
จะให้หยูจินเซียงไม่แคล่วคล่องเช่นนี้ได้หรือ นางกดเล่นเกมมาสามครั้ง ฟังมารดาเหยี่ยนฟางซินสั่งสอนอบรมพิธีการยามออกเรือนไปสามรอบ เรื่องแค่นี้จำไม่ได้ให้มันรู้ไป!
นางเป็นสะใภ้ใหญ่และยังเป็นสะใภ้คนแรกในจวน หลังจากยกน้ำชาให้เวยติ้งอันและกู้ฮูหยินแล้ว หญิงสาวก็มานั่งรอให้น้อง ๆ ของเวยหวังหย่งเข้ามาทักทายตนเอง
เห็นสะใภ้คนงามตระเตรียมของขวัญพบหน้ามาให้น้องแปดคนของเวยหวังหย่งแล้ว กู้ฮูหยินถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้มที่สะใภ้ไม่ได้ละเลย ซ้ำยังทำได้ดีเกินคาด
เวยติ้งอันมีอนุภรรยาสี่คน หยูซินเจียงสะใภ้ใหญ่ก็ยังคงนั่งคุยกับน้องสามีอยู่ที่เดิม จนอนุทั้งสี่ต้องยินยอมเดินมาส่งของขวัญพบหน้าให้กับนางด้วยตนเอง
อนุภรรยานายใหญ่ในจวนก็เปรียบเสมือนบ่าว เพียงแต่มีศักดิ์ศรีสูงขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง บุตรชายหญิงของพวกนางถูกนับให้เป็นบุตรของฮูหยินใหญ่ทุกคน พวกนางยังต้องเคารพบุตรชายและบุตรสาวของพวกตนอยู่หนึ่งขั้นด้วยซ้ำ
บางสกุลหากนายใหญ่ในจวนให้ท้ายอนุให้ถืออำนาจมากหน่อย พวกนางก็จะออกฤทธิ์ออกเดชก้าวก่ายอำนาจในจวนอยู่บ้าง สะใภ้ใหม่ที่ทุกคนได้ยินมาว่าสติปัญญาขาดๆ เกินๆ จึงเป็นเป้าหมายให้บรรดาอนุคิดลองดี
กู้ฮูหยินนั่งมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยแววตาเต็มตื้น สะใภ้ใหญ่ตัวน้อยรู้จักวางตัว ไม่ได้อ่อนข้อยอมเป็นฝ่ายเข้าหาอนุสี่คนที่แสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่ยอมลุกออกมาทักทายหญิงสาวก่อน
นางไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ก็ไม่ได้ละเลย เมื่ออนุภรรยาของพ่อสามีเดินมามอบของขวัญนางก็มีของขวัญตอบแทนที่มีราคาไม่น้อยหน้าคืนกลับไปให้ทุกคน
เห็นเช่นนี้กู้ฮูหยินก็รู้แล้วว่าหยูจินเซียงไม่ใช่จะมีผู้ใดมาเอาเปรียบได้ง่าย ทั้งยังไม่ได้วางตนว่าเหนือกว่าจนเกินงาม แต่ก็แสดงออกชัดเจนว่านางมองปัญหาได้ทะลุปรุโปร่งและจัดการแสดงจุดยืนของตนได้ชัดเจนได้ตั้งแต่วันแรก
อยู่ในจวนสกุลเวยได้สามวัน หยูจินเซียงก็ผ่อนคลายและหลงลืมความหวาดกลัวในคืนแรกได้สนิทใจ พี่น้องสกุลเวยไม่ว่าจะเป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาเอกหรืออนุคนใดปฏิบัติและวางตัวต่อกันดีเหมือนกับพี่น้องของนาง