“แม่จ๋า…ฮือ...ๆ...ๆ…แม่”
เสียงเล็กๆของเด็กหญิงจางที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลอาการเจ็บปวดของทรมานจากโรคมะเร็งร้ายที่มันกัดกินเซลล์ในร่างกายเล็กๆของเธอยังไม่ปราณีไม่มีการยกเว้นแม้แต่เด็กที่น่ารักและไร้เดียงสาหมอที่ทำการรักษาเดินออกมาด้วยสีหน้าเศร้าาพร้อมกับขยับแว่นนิดหน่อยถอนหายใจยาวก่อนที่จะกล่าวกลับเยว่เผิงผู้เป็นมารดาของเด็กน้อย
“ต้องขออภัยนะครับคุณแม่เชื้อร้ายกระจายไปทั่วร่างกายของเธอจนยากจะควบคุมได้ร่างกายของเธอไม่สามารถรับการรักษาโดยทำคีโมได้อีกเธออาจจะไม่พ้นคืนนี้”
“ไม่นะไม่คุณหมอมันต้องมีวิธีสิคะช่วยดิฉันด้วยฉันมีเยว่ซิงเพียงคนเดียวขอร้องช่วยด้วย...ช่วยลูกของฉันด้วย”
ภาพอันน่าสลดใจที่ไม่ว่าใครเดินผ่านไปผ่านมาก็รู้สึกหดอยู่กับหญิงสาวที่ร่ำให้ฟูมฟายน้ำตาและน้ำมูกเลอะเทอะเต็มใบหน้าประหนึ่งว่ากำลังจะขาดใจตายอยู่ตรงนั้นหากแม้นว่าเธอเจ็บปวดแทนบุตรสาวของเธอได้ เธอพร้อมยอมทำภายในห้องเงียบสงัดมีเพียงเสียงเครื่องช่วยหายใจทำงานเด็กหญิงจางเยว่ซิง นอนหายใจรวยรินมือเล็กๆขยับเยว่เผิงผู้เป็นแม่กรรมบีบมือเล็กๆไว้แน่นน้ำตาหยดลงบนหลังมือของตัวเองหยดแล้วหยดเล่าร่างกายที่อ่อนเพลียจากการไม่ได้หลับนอนทำให้เยว่เผิงหลับไปในขณะที่มือก็ยังกำมือเล็กๆของเด็กหญิงจางเยว่ซิงอยู่แต่ทว่าอยู่ๆก็มีใครบางคนมาสะกิดให้เยว่เผิงตื่นขึ้นเธอค่อยๆลืมตาแล้วผงกหัวขึ้นมามองไปรอบๆ
“คุณหมอเหรอคะไม่ใช่นี่คุณเป็นใครเข้ามาในนี้ได้ยังไง?”
ชายหนุ่มที่มีผิวขาวผ่องริมฝีปากแดงระเรื่ออย่างกับทาลิปสติกและผมสีขาวที่ยาวขยายดวงหน้าหล่อคมปานเทพเซียนลงมาจุติดวงตาเรียวชี้เหมือนกับดวงตาของสุนัขจิ้งจอกเขายื่นกระดาษ 1 ใบให้เยว่เผิงพร้อมกับกล่าวว่า
“ถ้าหากว่าอยากให้ลูกสาวของเจ้ารอดก็เซ็นตรงนี้ซะ”
“คุณจะช่วยลูกสาวของอิฉันได้เหรอ?”
“ได้สิแต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะเมื่อเด็กหญิงจางคู่นี้อายุครบ 18 นางจะเป็นของข้า”
เยว่เผิงไม่คิดหน้าคิดหลังขอเพียงให้ลูกสาวรอดจากเงื้อมือมัจจุราชได้เธอยอมทำทุกอย่างเยว่เผิงเซ็นต์ชื่อและประทับตรารอยนิ้วมือลงกระดาษแผ่นนั้นทันที
เมื่อเด็กหญิงจางผู้นี้อายุครบ18
“ข้าจะมาทวงสัญญา”
เสียงหัวเราะของเขาดังก้องก่อนที่ชายหนุ่มที่มีเรือนกายงดงามนั้นจะกลายร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกสีขาวดวงตาสีแดงก่ำแล้วกระโจนหายวับไปเยว่เผิงสะดุ้งตื่นเมื่อเครื่องช่วยหายใจของเด็กหญิงจางทำงานจนเสียงดัง “ติ๊ดๆๆๆๆ”และเป็นเสียงตี๊ด....ลากยาวพร้อมกับเส้นที่หน้าจอแสดงผลเป็นเส้นตรงขีดยาวฌยว่เผิงกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อความเป็นความตายคืบคลานเข้ามาเยือนกับบุตรสาวของเธอ เยว่เผิงทำใจไม่ได้กับการที่จะต้องสูญเสียเด็กหญิงจางเยว่ซิงไปในตอนนี้
“คุณหมอคุณหมอช่วยด้วยช่วยลูกสาวของดิฉันด้วย”
“หลีกทางหน่อยครับญาติผู้ป่วยเชิญออกไปด้านนอกเลย”
ห้องฉุกเฉินถูกปิดลงเยว่เผิงกระสับกระส่ายเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องเหมือนจะขาดใจเธอเฝ้าาสวดภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพเซียนทั้งหลายให้ช่วยดลบันดาลให้เกิดปาฏิหาริย์ ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกคุณหมอผู้ทำการรักษาเด็กหญิงจางเยว่ซิงตรงมาหาเยว่เผิง
“คุณหมอเธอเป็นอย่างไรบ้างเธอไม่อยู่แล้วใช่ไหม?”
“แปลกมากคุณไปดูเองเถอะหมออธิบายไม่ถูก”
เยว่เผิงเข้าไปในห้องฉุกเฉินโดยทันทีบนเตียงของผู้ป่วยซึ่งมีเด็กหญิงจางเยว่ซิงเด็กหญิงอายุ 8 ขวบนอนยิ้มแฉ่งให้ผู้เป็นมารดาด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว เครื่องช่วยหายใจถูกถอดออกหมดแล้วเธอยืนมองลูกสาวอย่างตกตะลึงและดีใจไม่คิดว่าบุตรสาวของเธอจะหายเป็นปกติได้ เยว่เผิงเชื่อในปาฏิหาริ์โดยลืมความฝันนั้นไปเสียสนิท
“แม่หนูหายแล้วนะหนูจะกลับบ้าน”
“ยังจ๊ะต้องตรวจร่างกายให้ถี่ถ้วนก่อนว่าจะไม่เกิดโรคแทรกซ้อนและต้องตรวจดูเนื้อร้ายว่ามันจะกำเริบขึ้นมาอีกตอนไหน”
“หนูหายแล้วจริงๆค่ะมีผู้ชายผมยาวสีขาวหน้าตาดีมากเขาดึงก้อนเนื้อออกจากตัวหนูทิ้งไปแล้วเมื่อคืนนี้เขาก็คุยกับแม่ด้วยนะใช่ไหมคะแม่?”
“เยว่ซิงลูกคงฝันไปน่ะตรวจร่างกายก่อนนะลูกถ้าร่างกายดีขึ้นอย่างที่ลูกว่ามาแม่จะพาลูกกลับบ้าน”
“ก็ได้ค่ะบอกแล้วก็ไม่เชื่อหนูหายแล้วไม่เจ็บแล้วด้วย”
สิ่งที่ปรากฏในภาพเอกซเรย์ที่หัวของเด็กหญิงจางเยว่ซิงไม่มีก้อนเนื้อร้ายหลงเหลืออยู่เลย แม้กระทั่งหมอก็ยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในคืนเดียวเนื้อร้ายก็หายวับไปกับตาอย่างกับมีใครใช้เวทมนต์เสกให้มันหายไปอย่างนั้นทั้งการเต้นของหัวใจอีกทั้งชีพจรก็เป็นปกติเมื่อร่างกายปกติดีแล้วเด็กหญิงจางเยว่ซิงจึงออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านตามที่เธอต้องการ เยว่เผิง เฝ้าเลี้ยงดูเด็กหญิงจางเยว่ซิงอย่างประคบประหงมเพราะกลัวโรคร้ายจะเกิดขึ้นมาอีกเด็กหญิงจางเยว่ซิงใช้ชีวิตตามปกติโดยที่หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยป่วยอีกเลยไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดธรรมดาหรือโรคใดๆทั้งสิ้น วันเวลาผ่านไปทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนางคงเข้าใจว่ามันคือปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวของเธอจนกระทั่งเด็กหญิงจางเยว่ซิงในวันนั้นกลายเป็นนางสาวจางเยว่ซิงในขณะนี้และในวันนี้คือวันเกิดครบรอบ 18 ปีของนางสาวจางเยว่ซิง หลังจากที่เลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆจนดึกแล้วเพื่อนๆกลับบ้านกันไปหมดนางสาวจางเยว่ซิงและเยว่เผิงได้ช่วยกันเก็บข้าวของจากงานเลี้ยงวันเกิดแต่แล้วจู่ ๆไฟในบ้านก็ติดๆดับๆอย่างกับในหนังผีหนังฆาตกรรมใครคนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นบุรุษผมยาวสีขาวในตาสีนิลเรือนร่างสูงใหญ่เยว่เผิงจำได้ในทันที
“คุณ...คุณ...ในความฝันเยว่ซิงช่วยตบแม่หน่อยเรากำลังฝันกันอยู่หรือเปล่า?”
“แม่เรายังไม่ได้นอนจะฝันได้อย่างไร?”
“ข้ามาทวงสัญญาเมื่อ 10 ปีก่อนและนี่ก็คือสัญญาเจ้าเซ็นและประทับลายนิ้วมือไว้ยกลูกสาวของเจ้ามาให้ข้าเสีย”
“สัญญาขายวิญญาณเหมือนกับที่เคยดูในภาพยนตร์นั่นน่ะหรืออย่านะอย่า…เอาฉันไปเถอะ..อย่าเอาวิญญาณเยว่ซิงไปเลยนะเธอกำลังมีอนาคตสดใสช่วยเอาวิญญาณของฉันไปแทนนะคะท่าน”
“นี่แหละนะมนุษย์ที่ไร้ความละเอียดรอบคอบการเซ็นสัญญาอะไรก็แล้วแต่มันต้องอ่านก่อนแต่เพราะเจ้าไม่ยอมอ่านเซ็นไปมั่วๆจึงไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันต้องการจริงๆแล้วก็คือ…..