ตอนที่ 6

869 คำ
“นึกว่างานเยอะจนจะเรียกมาแบ่งเบาภาระ แต่นี่คนไข้ก็หมดแล้วนี่หว่า” หมอภัทรทักทายคนที่อยู่ในห้องหลังจากที่หางตากวาดมองรอบๆ ห้องแล้ว ปรากฏว่าไม่มีคนไข้เลยสักคน “วันนี้ว่าง?” “อ่า ก็ว่าง” “เข้าเวรแทนหน่อย แลกกัน” “หืม?” หมอภัทรหรี่ตามองคนร้องรอที่กำลังถอดเสื้อกราวออกจากลำตัว เหตุการณ์เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นซะเมื่อไหร่ และมันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากคนที่กำลังถูกขอแลกเวรจะแปลกใจ “ไปไหนวะ” “มีธุระ” “ธุระอะไรที่สำคัญมากกว่าเรื่องงานสำหรับหมอน่านงั้นเหรอ” คนถามกลั้วขำ ใครๆ ก็บอกว่าหมอน่านน้ำบ้างานกันทั้งนั้น ไม่เคยขาด ไม่เคยลา ไม่เคยสาย คนไข้มาเป็นอันดับหนึ่งเสมอแล้วตอนนี้มีเรื่องอะไรที่เข้ามาดึงความสนใจได้มากกว่ากัน “เออน่า เรื่องมันยาว” “คุณแม่ไม่สบายหรือเปล่า คุณแม่เป็นอะไร” “คุณแม่สบายดี” “อ้าว แล้วธุระที่ว่านี่มันคือเรื่องอะไรวะ รีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ” เอาจริงๆ ก็อยากรู้แหละว่ามันเป็นเรื่องอะไร เรื่องอะไรกันที่ทำให้หมอน่านน้ำสนใจมากขนาดนี้ “จะออกไปส่งน้อง” “น้อง… มึงมีน้องตั้งแต่เมื่อไหร่ก่อน” เพราะลืมตัวทำให้เผลอใช้สรรพนามในแบบที่ใช้คุยกันอยู่บ่อยๆ ก็แล้วใครจะไปทนได้ว่ะอยู่ดีๆ ก็พูดเรื่องอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ หมอน่านน้ำเป็นลูกชายคนเดียว ไม่มีน้องนุ่งที่ไหนทั้งนั้น แล้วที่บอกว่าจะไปส่งน้องนี่คือน้องอะไร “ลูกเพื่อนแม่” “หืม? ใครวะ ผู้หญิง” “อือ” “ใครอ่ะ กูเคยเจอไหม” “แล้วตอนที่มึงจะเดินเข้ามา มึงเห็นใครนั่งรออยู่ด้านนอกหรือเปล่าล่ะ” “เห้ย อย่าบอกนะว่าน้องคนนั้น” “แปลว่าเห็น?” “ที่ใส่ชุดนักศึกษาปะ?” น่านน้ำไม่ได้ตอบคำถามในทันทีแต่เลือกที่จะถอนลมหายใจออกมาเบาๆ เขาไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เธอแต่งตัวยังไงหรือใส่ชุดอะไรอยู่แต่การที่เธอส่งข้อความก่อนหน้านี้และบอกว่าเลิกคลาสเร็วนั่นอาจจะเป็นไปได้ว่าตอนนี้เธอยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่นั่นแหละ “เชี่ย คนนั้นโคตรสวย” “มึงชอบ?” “แล้วใครไม่ชอบคนสวยวะ” “สนใจไปส่งแทนกูไหมล่ะ” “มึงอย่ามาตลกไอ้น่าน ทำเป็นพูดให้กูอิจฉาเล่นหรือเปล่า” น่านน้ำส่ายหน้าแทนคำตอบ ประกายตายังคงนิ่งเฉยไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลย มันก็เหมือนทุกครั้งที่ใครต่อใครตังค์คิดว่าคนอย่างเขาไม่มีมีความรู้สึกไม่มีหัวใจ กว่าจะเคลียร์กับเพื่อนสนิทลงตัวก็ทิ้งเวลาไปเกือบสิบนาที ทันทีน่านน้ำเดินพ้นประตูออกมาสายตาก็ประสานเข้ากับร่างบอบบางของคนที่รีบดันตัวลุกทันทีที่เห็นเขาเช่นกัน “มาแล้วเหรอคะ” “กลับ” ไม่นิ่งและเย็นชาคงไม่ใช่ตัวตนของเขาจริงๆ สินะ ร่างสูงโปร่งเดินลิ่วนำออกไปก่อน ปล่อยให้พันธิกาวิ่งตาม โดยมีสายตาของใครคนอื่นมองตามหลังด้วยความไม่เข้าใจ “พี่น่านรอพั้นช์ด้วยค่ะ” ไม่ว่าเปล่า เธอรีบวิ่งเร็วเร็วจนทันเขาจากนั้นก็ดึงท่อนแข็งแกร่งเข้ามากอดเอาไว้แน่นแล้วเดินไปด้านหน้าพร้อมกัน “เดินดีๆ” “ขอเดินแบบนี้แทนได้ไหมคะ” “พั้นช์” “ขา~” “ที่นี่มันโรงพยาบาล” “รู้ค่ะ” “แล้วการที่เธอทำแบบนี้คิดว่ามันเหมาะแล้วเหรอ” “แค่กอดแขนก็ไม่ได้เหรอ เราต้องอยู่ที่ไหนเหรอคะถึงจะทำได้” คนถามมองตาใส อยากรู้เหมือนกันแหละว่าคนเย็นชาจะทนอยู่สภาพนี้ได้นานแค่ไหน “ที่ไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น” “แต่เรา กำลังศึกษาดูใจกันอยู่นะคะ” “ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรก็ได้อยู่ดี” “พอเห็นพี่เป็นแบบนี้แล้วอยากรู้ขึ้นมาเลยค่ะว่าพั้นช์พลาดตรงไหน เผลอทำตัวไม่น่ารักใส่จนถูกที่ปิดกั้นทุกทางหรือเปล่า” “ไม่เกี่ยว” “แล้วทำไมต้องหน้าตึงใส่กันแบบนี้ตลอดเลยหรอคะ ยิ้มให้หน่อยไม่ได้เลยเหรอ” “ไม่” “ใจร้าย” “พี่เคยบอกเธอไปแล้ว” “บอกว่าอะไรคะ” “เคยบอกแล้วว่าพี่ไม่ได้จะใจดีกับเธอ เคยเตือนไปแล้วว่าอย่าหาว่าพี่ใจร้าย” “แหม เราก็ดูๆ กันไปก่อนอย่าพึ่งด่วนตัดสินใจไม่ดีกว่าเหรอคะ” “เธอไม่จำเป็นต้องทำตามสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการก็ได้” “พี่มีแฟนอยู่แล้วหรือเปล่าคะ” “มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้น” “งั้นเราก็ค่อยๆ เรียนรู้ค่อยๆ รู้จักกันไปทีละนิดไม่ดีกว่าเหรอคะ ในเมื่อก่อนหน้านี้เราตกลงกันแล้วนั่นก็แปลว่าทุกอย่างอย่างชัดเจน ทุกอย่างมันจะจบก็ต่อเมื่อพั้นช์ไม่อยากเดินต่อ แต่ในเมื่อตอนนี้พั้นช์ยังไม่ถอดใจ พี่น่านก็บังคับพั้นช์ไม่ได้เหมือนกัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม