“ทำไมถึงไปทางนี้ล่ะคะ” คนตัวเล็กกวาดสายตามองออกไปทางด้านนอกเมื่อเริ่มรู้สึกว่ารถของน่านน้ำกำลังวิ่งไปในทิศทางที่คุ้นเคย
“พี่จะไปส่งเธอที่บ้าน”
“อ้าว ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะคะ เราคุยกันแล้วนะ” ใบหน้าสวยหวานหันกลับมามองคนด้านข้างแทบจะทันที ใครจะคิดกันว่าเขาจะเล่นแบบนี้
“ใช่ เราคุยกันแล้ว พี่บอกว่าพี่ไม่ว่าง”
“แต่ที่พั้นช์ไปนั่งรอพั้นช์ก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนเวลาทำงานของพี่น่านเลยนะ แค่นั่งรออยู่เฉยๆ และพี่ก็เดินออกมาเอง”
“แล้ว?”
“พั้นก็นั่งรอจนกว่าพี่จะว่างแล้วไง แค่อยากชวนไปทานข้าวไปดูหนังด้วยกันแค่นั้นไม่ได้เลยเหรอคะ” น้ำเสียงของคนถามติดความน้อยใจจนรู้สึกได้
“อยากให้พูดตรงๆ ไหม”
“ได้ค่ะ พี่อยากพูดอะไรเหรอคะ”
“จริงๆ แล้วเราสองคนต่างกันมากเกินไป อายุก็ต่าง การใช้ชีวิตก็ต่าง เราสองคนไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย”
“ทุกอย่างมันสามารถปรับเข้าหากันได้ไม่ใช่เหรอคะ”
“บางทีการพูดมันก็ง่ายกว่ากันลงมือทำนะ เอาจริงๆ มันไม่มีอะไรง่ายขนาดนั้นหรอก”
“มันขึ้นอยู่ที่ว่าเราอยากจะทำหรือเปล่ามากกว่าค่ะ”
“ก็ถ้าเธอแค่อยากเอาชนะ พี่บอกเลยว่าเธอไม่มีทางชนะแน่ๆ”
“พั้นช์น่ะเหรอคะอยากเอาชนะ?” คนถามดันปลายนิ้วชี้เข้าหาตัวเองอย่างไม่เข้าใจ อะไรทำให้เขาคิดแบบนั้น
“กลับไปถามตัวเองดีกว่าไหมว่าเธอได้คิดแบบที่พี่พูดหรือเปล่า แค่อยากเอาชนะแบบเด็กๆ แค่ไม่อยากเป็นคนแพ้เลยเลือกที่จะดื้อด้านก็แค่นั้น”
“พั้นช์ไม่เข้าใจว่าพี่น่านหมายถึงอะไร”
“พี่อาจจะไม่เหมือนกับผู้ชายทุกคนที่เธอเคยเจอ และการทำแบบนี้มันไม่ได้สนุกหรอก เธอแค่อยากเอาชนะสุดท้ายคนที่เสียใจก็อาจจะเป็นเธอก็ได้”
“พั้นช์ไม่ได้อยากเอาชนะ”
“งั้นก็บอกเหตุผลมาสิว่าที่เธอทำแบบนี้มันเป็นเพราะอะไร” คนถูกถามเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้เหตุผลของตัวเองแค่ไม่รู้จะอธิบายยังไงมากกว่า
“ตอบไม่ได้ใช่ไหม”
“….”
“งั้นพี่ตอบให้ก็ได้เพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยแพ้เธอไม่ชอบความรู้สึกตอนที่พ่ายแพ้ เธอก็แค่รับไม่ได้หากต้องรู้สึกแบบนั้นก็แค่นั้นเอง”
“พั้นช์ขอเวลาสามเดือน”
“เพื่อ?”
“เพื่อให้เราได้รู้จักกันมากกว่านี้ก่อน พอถึงตอนนั้นถ้าเกิดคำตอบของเราทั้งสองคนมันคือคำว่าไม่ใช่ พั้นช์จะไม่บังคับอะไรพี่น่านเลย”
“เธออาจจะเสียเวลาเปล่าก็ได้นะ”
“ถ้าหากวันนั้นมาถึง แล้วพั้นช์ต้องรู้สึกแบบนั้นจริงๆ พั้นช์ก็จะยอมรับความจริงค่ะ”
“….”
“นะคะพี่น่าน จริงๆ เราสองคนมีเวลาได้รู้จักกันแค่ไม่นานเอง จริงๆ เวลาแค่สามเดือนมันก็ไม่ได้มากไปด้วยซ้ำ หรือความจริงแล้วพี่น่านเองก็กลัว”
“กลัว?” ดวงตาคมกริบหันกลับมามอง ส่งผลให้ทั้งคู่สบตากันอัตโนมัติ
“กลัวที่จะรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้กันไงคะ” คำตอบส่งผลให้นายแพทย์หนุ่มหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน เขาทำราวกับว่าเหตุการณ์แบบนั้นมันไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ได้ยินแบบนั้นแล้วหมั่นไส้มาก สุดท้ายทั้งเธอและเขาก็มีเลือดเนื้อเชื้อไข มีหัวใจด้วยกันทั้งคู่ต่อให้จะเก่งแค่ไหนสุดท้ายมันก็ต้านทานเรื่องของความรู้สึกไม่ได้อยู่ดีหรือเปล่า
“จะเอาแบบนั้นก็ได้ เราจะคบกันแค่สามเดือน ถ้าระหว่างสามเดือนมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็แยกย้ายทางใครทางมัน”
“ได้เลยค่ะ เข้าใจตรงกัน” พันธิกาขยิบตาให้คนข้างๆ มีโอกาสแค่นี้เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรแล้ว คนที่น่าห่วงเห็นจะเป็นตาคุณหมอมากกว่าเตรียมกุมหัวใจของตัวเองเอาไว้เถอะ อย่ามาแอบรู้สึกกับเธอก็แล้วกัน