บทที่ 5/4 หัวใจฉันมันระบม

1093 คำ
ศราวิลยกมือยอมแพ้บ้าง ค่อยๆ ลุกขึ้นโดยที่สองมือหล่อนยังปิดตาเขาอยู่ หญิงสาวแลหาผ้าเช็ดตัว แต่มันอยู่ไกลเกินไป “ขยับมานี่ เร็วสิ” เธอสั่ง ศราวิลเดินตาม ใจเต้นแรงไม่หยุด ก็คนที่ปิดตาเขาอยู่มีเสื้อผ้าห่อร่างเสียที่ไหน เขายังจำได้ติดตาถึงเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นของหล่อน “ฮึบ! ไม่ถึง โธ่เอ๊ย! ยังไงก็ไม่ถึง” คนสวยโมโห พยายามก้มไปหยิบผ้าแต่หยิบไม่ได้ ถ้าย่อกายลงไปอีกนิด มือข้างหนึ่งที่ปิดตาเขาไว้จะปิดไม่ถึง แน่นอนว่าเขาจะเห็นเธอโป๊อีกครั้งในทันที “หลับตาเดี๋ยวนี้นะ ฉันหยิบผ้าไม่ถึง” “หลับกะผีน่ะสิ มีผู้หญิงมาแก้ผ้าอยู่ตรงหน้าแล้วจะให้ฉันหลับตาเพื่อ!?” ช่างเป็นความจริงใจที่สื่อออกมาได้อย่างชัดเจน อาทิตากัดฟันกรอดๆ ไม่ได้หรอก เธอไม่ยอมให้เขาเห็นเธอโป๊อีกรอบแน่ๆ ปลายเท้ามนของคนสวยวาดใส่ผ้าขนหนู เธอหยิบมันด้วยการใช้ปลายนิ้วเท้าคีบไว้แล้วดึงขึ้นมาด้วยมือ ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อตอนที่ผ้าเช็ดตัวมาอยู่บนร่างอีกครั้ง เขาปัดมืออาทิตาทิ้ง ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างสมใจ ความโกรธเคืองในเรื่องก่อนหน้าคล้ายกับว่ามียาที่สามารถทำให้มันทุเลา “ยิ้มบ้าอะไรฮะ!” “ก็อยากยิ้ม จะทำไม” เขายิ้มยั่ว ดูหล่อนสิ นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ผมเผ้าเปียกลู่ แก้มแดงเรื่อน่าเอ็นดูนัก “ออกไปจากห้องนี้ ก่อนที่ฉันจะกรี๊ดจริงๆ เป็นผู้ชายซะเปล่า ทำไมชอบเอาเปรียบผู้หญิง” “ฉันไปเอาเปรียบเธอตอนไหนมิทราบ” “ก็เมื่อกี้!” “มันเป็นอุบัติเหตุต่างหาก ใครจะอยากล้มทับกองกระดูก ไม่มีเนื้อมีหนัง กระดูกคมๆ ทั้งนั้น นี่ไส้ฉันทะลักหรือเปล่าก็ไม่รู้ โดนซี่โครงเธอทิ่มเอาเนี่ย” ศราวิลยังไม่หยุดยั่วโทสะอาทิตา ชอบใจนักหนายามได้เห็นแก้มหล่อนแดงอย่างนั้น มันแดงเพราะความโกรธหรือเพราะความอายเขินนะ อยากรู้จริงๆ “หยุดพล่ามแล้วออกไป!” “ทำไม หรือโกรธที่โดนฉันเอาเปรียบเหรอ โอเค...ก็ได้...” แล้วศราวิลก็ทำในสิ่งที่อาทิตาไม่คาดคิด เขาดึงชายเสื้อออกจากกางเกงแล้วเร่งแกะกระดุมเสื้อ “จะทำอะไรอีกฮะ!” “ก็เธอเอาแต่พูดว่าฉันเอาเปรียบไง ฉันเลยจะให้เธอดูฉันโป๊ จะได้หายกัน เอาเลยนะ ฉันพร้อมแล้ว อยากถอดชุดเปียกๆ นี่ออกเต็มแก่” “หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ก็ได้ ฉันยอมแพ้แล้ว ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้!” ปัง! ประตูห้องสีฟ้าปิดลงในทันทีที่อาทิตาดันร่างศราวิลออกจากห้องได้ เขาหัวเราะใส่บานประตูนั้น สนุกยามได้แกล้งหล่อนอย่างนี้ มือข้างหนึ่งยังแกะกระดุมเสื้อค้างอยู่ มันหลุดออกมาถึงสามเม็ดแล้ว เผยให้เห็นเสื้อกล้ามสีขาวที่อยู่ภายใน เขาถอยห่างจากประตู เมื่อมั่นใจแล้วว่าอาทิตาไม่มีวันเปิดออกมา ทว่าได้สะดุ้งนิดๆ เมื่อเจอใครบางคนขวางทางอยู่ มือที่แกะกระดุมเสื้อค้างไว้ทำทีกลัดมันไว้เช่นเดิม ปริญมองกิริยานั้นหน้ายุ่ง ไม่พอใจในสิ่งที่เห็น “อยากรู้ละสิว่าฉันเข้าไปในนั้นทำไม” ปริญไม่ตอบในทันที เขาพ่นลมหายใจออกจากปากแรงๆ “ไม่ใช่เรื่องของผมนี่ครับ ว่าแต่พี่เถอะ คิดดีแล้วเหรอ ที่ทำแบบนี้” “ฉันทำอะไรไม่ทราบ” “พี่คงรู้ดีอยู่แก่ใจ ขอร้องเถอะครับ อย่าทำร้ายซันเลย เธอไม่เกี่ยวกับเรื่องของผู้ใหญ่สักนิด” ศราวิลทำหน้าเหม็นเบื่อ “นายเอาเวลาห่วงคนอื่นไปห่วงคู่หมั้นของนายเถอะ อย่าให้ฉันรู้ว่านายกับแฟนเก่าทำให้ยัยโฉมเสียใจ ฉันไม่ปล่อยไว้แน่!” ตอบพาลๆ แล้วเดินผ่านร่างว่าที่น้องเขยไปพร้อมรอยยิ้มเย้ย ไหล่แข็งแรงเบียดร่างปริญไปอย่างอวดดี ปริญได้แต่กัดฟันแน่นๆ พยายามข่มใจไม่โกรธเคือง เขาไม่ใช่ศราวิล ความโกรธความแค้นของอีกฝ่าย เขาไม่มีวันเข้าใจหรอก ได้แต่คอยเป็นกำลังใจให้อาทิตาเงียบๆ อย่างนี้ ในเวลาที่หล่อนไม่มีใคร เขาจะขอเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้หล่อนเอง แม้ความรักหวานชื่นจะจืดจางบางเบา แต่ความห่วงใยในตัวสาวเจ้ายังมีอยู่เช่นเดิม มื้อค่ำวันนี้เต็มไปด้วยความเงียบงัน อาหารง่ายๆ ที่ปริญเป็นคนทำ ช่วยให้ทุกคนผ่านมื้อค่ำไปได้ เวลานี้ค่อนข้างดึกแล้ว ฟ้าฝนเริ่มโรยแรง ไร้เสียงพายุกระหน่ำบนหลังคา เหลือเพียงเสียงแมลงตัวเล็กขับร้องประสานเสียง “จะอยู่ที่นี่สักกี่วัน” คนเป็นพี่ถามน้องสาว ตรงหน้าทุกคนมีถ้วยชาอุ่นๆ วางอยู่ วงน้ำชาหลังมื้อค่ำนั่นเอง “สักอาทิตย์ค่ะ พี่เป้จะมีว่าความยาวเป็นเดือนไม่ได้พักเลย คงจะเริ่มในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า ส่วนโฉมก็จะทำงานของโฉม อาจเขียนได้สักรูปก่อนกลับกรุงเทพฯ” โฉมงามบอกพี่ชาย งานเขียนภาพนั้นทำเงินได้ไม่มากนัก แต่เป็นสิ่งเดียวที่หญิงสาวทำแล้วมีความสุขและยังทำอยู่เสมอนับตั้งแต่เรียนจบมา อาทิตานั่งฟังเงียบๆ มองโฉมงามพูดพลางยิ้มแล้วหันไปสบตากับปริญ หัวใจเธอปวดหนึบแปลกๆ ที่พวกเขาหมั้นกัน หรือปริญทิ้งเธอไปหมั้นกับหล่อนนั้น ไม่ได้ทำให้เธอเจ็บเท่าความจริงที่ว่าในตอนนี้ ปริญไม่ได้รักเธอแล้ว ดวงตาที่เขาใช้มองเธออย่างปรารถนา มิได้มองมาที่เธออีกต่อไป มันตรงไปที่ใบหน้าของโฉมงาม แม้ปากเขาไม่ได้เอ่ยว่ารักหล่อนมากแค่ไหน แต่เชื่อเถอะ ใครๆ ก็ดูออก “งั้นก็ตามใจ เหมือนอย่างทุกที ตอนเช้ากับเที่ยงป้าพุดจะมาทำอาหาร อยากได้อะไรก็บอกป้าแล้วกัน นายโอเคใช่ไหม” หันไปถามว่าที่น้องเขย “ครับ” ปริญตอบสั้นๆ เหลือบมองอาทิตาแวบหนึ่ง และแวบเดียวกันนี้ศราวิลก็แลเห็น “โฉมง่วงแล้ว ไปนอนดีกว่า พี่เป้ไปส่งหน่อยค่ะ” โฉมงามเอียงคอบอกคู่หมั้น แล้วมีหรือปริญจะปฏิเสธลง ทั้งสองจับจูงกันขึ้นไปบนชั้นสอง ตรงไปที่ห้องของโฉมงาม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม