เธอประชดเล็กน้อย ก้าวไปนั่งยังโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้องครัวใหญ่ เธอเปิดฝาชีออก ในนั้นมีกับข้าวสามสี่อย่างวางอยู่
“ว้าว...น่ากินจัง ฉันหิวมากเลย”
เธอมองกับข้าวตรงหน้าราวกับเจออาหารทิพย์
“ไปปิดมุ้งลวดก่อน ทั้งยุงทั้งแมลงเยอะแยะไปหมด ไม่เห็นหรือไง”
อาทิตาอยากตอบดังๆ ว่าเห็นค่ะ แต่เธอตั้งใจเปิดเอาไว้เพื่อชื่นชมบรรยากาศ เธออยากบอกแบบนี้ แต่ถ้าพูดออกไปคงไม่ได้กินข้าว คงต้องฉะกันยาวเป็นชั่วโมง ฉะนั้นเธอจึงสงบปากสงบคำเสีย ปิดมุ้งลวดเสร็จก็รีบมานั่ง
ศราวิลเปิบเข้าเหนียวด้วยสองมือ จิ้มอันโน้นจกอันนี้อย่างแคล่วคล่อง การกระทำนั้นช่างไม่เข้ากับใบหน้าหล่อๆ ของเขา ส่วนเธอนั่นหรือ ดีที่ป้าพุดหุงข้าวไว้รอท่า มื้อนี้เธอเลยสบายไป
กับข้าวของป้าพุดไม่มีอะไรพิเศษ เป็นของพื้นๆ แต่รสมือใช้ได้ทีเดียว ทั้งไก่ทอด ต้มจืดฟัก ผัดผักแล้วก็น้ำพริก เธอกินได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะน้ำพริก สีคล้ำๆ น่าจะปรุงด้วยพริกสดย่างไฟ เธอกินปลาร้าได้นะ ของชอบเลย
ทั้งสองนั่งรับประทานไปเงียบๆ ศราวิลเอาแต่นั่งมองอาทิตามากกว่าจะกินเสียเอง พอได้เห็นหล่อนชัดๆ ได้มองช้อนข้าวหายเข้าไปในปากหล่อนแล้วมองเพลิน ผู้หญิงอะไร...ขนาดตอนกินยังสวย
ข้าวเหนียวที่ปั้นเป็นก้อนกลม ถูกวางลงในกระติบที่ทำจากริ้วไม้ไผ่ ศราวิลทำตัวไม่ถูกเมื่อในใจเผลอยอมรับในความสวยของศัตรู เขาส่ายหน้าแรงๆ ปัดความคิดนั้นออกไปจากหัว ก่อนจะเริ่มรับประทานต่อ อาทิตาคงหิวมาก หล่อนเจริญอาหารน่าดู
“ท่าทางสาวกรุงฯ จะชอบน้ำพริกนะ”
“อาฮะ พอดีชอบกินส้มตำปลาร้า น้ำพริกถ้วยนี้เลยเข้าทาง คุณคงไม่ได้คิดจะแกล้งฉันใช่ไหม เสียใจด้วยนะ ไม่ได้แอ้มฉันหรอก” เยาะเย้ยเขาแล้วตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก น้ำพริกอะไรไม่รู้ แต่อร่อยมาก!
“ก็ดี อยู่กลางป่ากลางดงกินง่ายเลี้ยงง่ายจะได้อยู่ด้วยกันได้ยาวๆ”
อาทิตายักไหล่ รินน้ำจากเหยือกลงแก้ว ไม่ลืมรินให้เจ้าบ้านด้วย อย่างไรเสียกับข้าวมื้อนี้เขาก็เป็นเจ้าของ
ชายหนุ่มมองมือเล็กๆ ที่กำลังส่งแก้วน้ำมาให้ รู้สึกแปลกๆ ละนะ อันที่จริงมันแปลกตั้งแต่ใบหน้าหล่อนเข้ามาทำให้ใจเขาวุ่นวาย เมื่อก่อนเขาอยู่ที่บ้านหลังนี้คนเดียว กลับจากไร่ก็ทำกับข้าวกินเอง วันไหนเหนื่อยจนทำไม่ไหวก็อาบน้ำแล้วเข้านอน บางทีมันก็เหงานะ แล้วพออาทิตามานั่งอยู่ตรงหน้า คอยรินน้ำส่งให้ คอยเจื้อยแจ้วแล้วยิ้มสดใสให้ดู เขาเลยคิดว่ามันประหลาด
มันดีแหละ แต่จะดีกว่านี้ถ้าหล่อนไม่ใช่ลูกติดเมียน้อยของบิดาเขา
“ขอบคุณสำหรับอาหารนะ แต่จะขอบคุณกว่านี้ ถ้าช่วยไปซ่อมประตูกระท่อมให้หน่อย” เธอยิ้มหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ใครใช้ให้ถีบล่ะ”
“ก็ฉันโมโหนี่นา อดใจไม่ไหวก็เลย...ถีบระบายความแค้น แหะๆ”
ศราวิลส่ายหน้า ลุกไปล้างมือแล้วกลับมาดื่มน้ำที่อาทิตารินไว้ให้
“ล้างจานเป็นไหม”
“สบายมากค่า” อาทิตาออกตัว
“งั้นล้างจาน เดี๋ยวฉันจะไปหาอะไรมาซ่อมประตูให้”
“ได้เลยค่าเจ้านาย ขอบคุณนะเจ้าคะ”
หญิงสาวขานรับอย่างโอเว่อร์เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ เธอจัดการล้างถ้วยล้างจานเสร็จสรรพก็รีบออกมาข้างนอก เห็นศราวิลก้มๆ เงยๆ อยู่หน้ากระท่อม ในมือมีตลับเมตร เขากำลังวัดวงกบประตูเพื่อตัดไม้อัดแผ่นหนาที่วางอยู่แทบเท้า
เธอนั่งยองๆ มองเขาอยู่ห่างๆ เขาวัดเสร็จก็ตัดไม้กระดานด้วยเลื่อยไฟฟ้าอันย่อม มันค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างอย่างที่เขาต้องการ
เสียงเลื่อยดังกลบเสียงแมลงกลางคืนเสียมิด เธอนั่งมองเพลินๆ จนเสียงเลื่อยเงียบลง แล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรกระโดดมาโดนขา
“กรี๊ดดด!!!”
อาทิตากรีดร้อง กระโจนทีเดียวถึงตัวศราวิล เธอเกาะแขนเขาไว้ สองเท้าย่ำบนพื้นหญ้ารัวๆ ราวกับกลัวว่าเจ้าตัวนั้นจะตามมา
“อะไร!? โธ่...วี้ดว้ายไปได้ นึกว่าโดนงูกัด” เขาใจหายวาบ หล่อนไม่ได้ตกใจอย่างเดียว แต่กระโจนมาเกาะแขนเขาแน่น มือนุ่มๆ นี่ทำให้เขาขนลุก
“ฮือ...ตกใจหมดเลย ฉันก็นึกว่างูเหมือนกันนี่นา”
อาทิตาแก้ต่าง มองเจ้าสัตว์สี่ขาตัวกลมๆ กระโดดหย็องแหย็งจากไป
“นั่นกบหรือคางคก คุณรู้ไหม”
“ไม่ใช่ละ ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง”
เขาตอบพลางวางเลื่อยไฟฟ้าลง หล่อนมาเกาะแขนอยู่อย่างนี้คงตัดอะไรไม่ได้แล้ว สมาธิกระเจิงไปหมด
“แล้วมันคือ?”
“อึ่งอ่าง”
อาทิตากะพริบตาปริบๆ อึ่งอ่างเหรอ ไม่เห็นรู้จักเลย
“มันกัดไหม”
“ไม่”
“แต่ฉันกลัวนี่นา” พูดแล้วยังขนลุกไม่หาย ตัวมันเย็นๆ เปียกๆ อี๋...
“จะกลัวทำไม ทีเมื่อกี้กินซะอร่อย”
หญิงสาวอ้าปากค้าง มือที่จับแขนเขาหลุดออกในฉับพลัน
“หมายความว่าไง กินอะไร กินที่ไหนเมื่อไหร่ ฉันเปล่านะ ฉันไม่ได้....”
อาทิตาตาเบิกโตเมื่อนึกถึงน้ำพริกในสำรับมื้อเย็นที่เธอเพิ่งกินเข้าไป นั่นคงไม่ใช่...
“อร่อยละสิ...ป้าพุดเรียกว่า...ป่นอึ่ง ฮ่าๆๆ”
เสียงศราวิลหัวเราะอย่างสะใจในขณะที่อาทิตาเหมือนช็อกในสิ่งที่ได้ยิน นั่นคือ...น้ำพริกอึ่งอ่าง เมื่อกี้นี้ที่เธอกินเข้าไป มันคือ...อึ่งอ่าง!
“อุ๊บ! โอ้กกก...”
แม่คนกรุงฯ วิ่งไปอาเจียนโอ้กอ้ากในห้องน้ำ ศราวิลมองตาม ยังส่งเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ คิดว่าการมาอยู่ที่นี่จะสงบสุขหรือ หล่อนฝันหวานไปแล้ว
ชายหนุ่มตั้งหน้าตั้งตาซ่อมประตูให้อาทิตาไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ใจดีหรอกนะ แต่เพราะหากหล่อนเป็นอะไรไป มารดาเขากับมารดาหล่อนคงได้เหมารวมว่าเป็นความผิดเขา ฉะนั้น ก่อนจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เขาควรต้องป้องกันไว้ก่อน
โป๊กๆๆ
เสียงตอกตะปูในช่วงท้ายดังขึ้นที่กรอบประตู ศราวิลตรวจตราความเรียบร้อยผ่านๆ ให้มิดชิดก็พอ ไม่ต้องสวยงามอะไรมากนัก