บทที่ 4/4 ผู้ชายสายรุก

1147 คำ
“กำข้าวเปลือกขึ้นมา” เขาสั่ง อาทิตาทำตาม เขาขยับไปยืนซ้อนหลังหล่อน จับข้อมือหล่อนไว้ “ซัดเมล็ดข้าวออกไปแรงๆ ใช่...แบบนั้น” สั่งความในขณะที่มือขวากำแขนน้อยๆ ให้หล่อนได้ซัดเมล็ดข้าวออกไปในทิศทางที่ตนต้องการ เมล็ดข้าวเปลือกตกลงในตำแหน่งที่เขากะไว้อย่างพอเหมาะพอดี ไม่มากไม่น้อย หล่อนก้าวไปข้างหน้า เขาก้าวตามหลัง ในระยะประชิดเช่นนี้ เขาจึงได้กลิ่นหอมจากกายหล่อนชัดแจน อาทิตากลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ คล้ายว่าความหนักด้วยถือถังเอาไว้หายไปในพริบตา เลือดลมในกายสูบฉีดแรงกว่าเก่า เขาทำอะไรกันเล่า สอนเธอหว่านข้าวหรือ เขาสอนกันแบบนี้เนี่ยนะ ใกล้เกินไปแล้ว เธอสัมผัสได้ถึงแผ่นอกร้อนๆ ของเขา เสียงอันชัดเจนของเขาที่ดังอยู่ข้างหู ให้ตายเถอะ เมื่อไหร่ข้าวเปลือกจะหมดถัง ไม่ไหวแล้ว ร้อนเกินไป ร่างกายเธอร้อนขึ้นทุกขณะ เธอจะเป็นลมไหม! “ที่เหลือก็ทำเอง ถึกไม่ใช่เหรอ อย่าเป็นลมไปซะก่อนล่ะ” สายลมที่ปะทะแผ่นหลังทำให้อาทิตารู้ว่าศราวิลถอยห่างร่างเธอแล้ว เธอพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ให้หว่านข้าวเปลือกเป็นสิบกระสอบยังง่ายกว่าการอยู่ใกล้เขาเพียงเสี้ยวนาที ศราวิลเป็นผู้ชายปากร้าย แต่สิ่งที่ร้ายกว่าคือความเป็นบุรุษเพศของเขา เขาหล่อเหลา คมเข้ม เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งชาย และถ้าเธอเผลอหลงเสน่ห์เขาเข้าละก็ จุดจบคงไม่สวยงามแน่ๆ หญิงสาวรวบรวมสติเพื่อจดจ่อกับงานของตัวเอง ร่างกายเธอแข็งแรงด้วยว่าออกกำลังกายอยู่เสมอ เธอตากแดดได้ไม่แพ้พวกคนงาน แม้ว่าพวงแก้มจะร้อนผ่าวและมือขาวๆ จะแตกและเจ็บระบมก็ตาม นานเข้าสองแขนของเธอก็เริ่มล้า สองขาเริ่มอ่อนแรง กว่าจะได้หยุดพักก็ตอนที่ข้าวเปลือกในกระสอบที่เตรียมไว้ หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ เหล่าคนงานต่างพากันเดินมาที่กระท่อมเพื่อล้างไม้ล้างมือและพักเหนื่อย มีต้นมะม่วงสองสามต้นพอให้ร่มเงา เธอได้ยินคนงานเรียกกระท่อมว่า เถียงนา มันทำจากไม้แข็งแรง ไม่มีผนัง ยกสูงจากพื้นราวเมตรเศษๆ แล้วมุงด้วยฟาง เข้ากับบรรยากาศ เธอนั่งมองอะไรไปเรื่อย มองคนงาน มองต้นไม้ ฟังเสียงภาษาถิ่นที่ไม่คุ้นชิน ภาษาถิ่นที่นี่ฟังแล้วรื่นหูดี แม้ฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้างก็ตาม นั่งพักเหนื่อยให้ลมตีหน้าไม่ถึงสิบนาทีดี อาหารการกินก็ถูกลำเลียงลงจากท้ายรถ มันเป็นรถไถเดินตามที่ดัดแปลงทำกระบะมาต่อพ่วง เอาไว้บรรทุกของ พวกคนงานพากันปูเสื่อใต้ต้นมะม่วงใกล้กับเถียงนา ศราวิลนั่งกินกับคนงานไม่เคอะเขิน ผิวที่ไม่คล้ำแต่ไม่ขาวของเขา เมื่ออยู่ท่ามกลางเหล่าคนงานก็ยังดูขาวกว่าทุกคนอยู่ดี “คุณซัน กินได้บ่อคะ” ป้าพุดถามอาทิตา นางทำอาหารมาส่งที่นี่ตามคำสั่งของศราวิล อาทิตามองกับข้าวบนเสื่อกกผืนหนา ไม่มีของที่เธออยากกิน แต่ท้องไส้ก็ร้องครวญครางเกินกว่าจะเมินเฉย เธอนั่งอยู่บนเสื่อเพียงลำพัง เมื่อป้าพุดขึ้นไปบนเถียงนาเพื่อทำบางอย่าง “เฮ้อ...นี่มัน...อะไรหว่า” ถามตัวเองแล้วทอดถอนใจ อาหารหน้าตาประหลาดๆ มาอีกแล้ว มีแกงฟักเขียวใส่ไก่กับใบแมงลัก มีปลาแห้งทอด มีลาบสุกที่เธอไม่รู้ว่าเป็นเนื้ออะไร แล้วก็ห่อหมกอะไรสักอย่างที่เธอไม่รู้จัก ที่สำคัญคือไม่มีข้าวสวย มีแต่ข้าวเหนียว แล้วมือของเธอที่เพิ่งผ่านงานอันสมบุกสมบันมา พอจกลงไปในกระติบข้าว มันก็เลย... “ฮือออ...ข้าวเหนียวติดมือ!” สิบนิ้วของสาวชาวกรุงฯ มีเมล็ดข้าวเหนียวติดหนึบหนับ ก็อยากกินให้อร่อยอยู่หรอกนะ แต่มันติด! “เฮ้อ...ถ้าไม่มีฉันสักคนเธอคงไม่ได้กินข้าวแน่ๆ” เสียงของศราวิลดังอยู่เบื้องบน เขายืนค้ำหัวหญิงสาวอยู่ ในมือมีจานอะไรสักอย่างติดมือมา เขานั่งลงข้างกัน วางจานไว้บนเสื่อ “อ๊าย...ส้มตำ!” คนสวยยิ้มร่าเมื่อเห็นจานส้มตำที่เขานำมา นาทีนี้ไม่ต้องใช้ช้อนแล้วล่ะ ขอเปิบด้วยมือเลย แต่ว่า...มือ? ศราวิลส่ายหัว จับมือของอาทิตามาแกะเมล็ดข้าวออกให้ เมื่อแกะเมล็ดข้าวหมดแล้วยังส่งปลาแห้งทอดใส่มือให้หล่อนอีก อาทิตานั่งมองเงียบๆ รับรู้ถึงความหวังดีในการกระทำนั้น ไม่ได้พูดขัดจังหวะ ถ้าเขาทำดีกับเธอ เธอเรียนรู้ว่าควรรับไว้ เพราะหากเอ่ยอะไรที่ไม่เข้าหูออกไปละก็ มันจะกลายเป็นสงครามประสาทขนาดย่อมในทันที “ตบเบาๆ ถี่ๆ” เขาสั่ง อาทิตาทำตาม ตบเบาๆ บนตัวปลาแห้ง มีน้ำมันติดมือมา เขาดึงตัวปลาออก “ทีนี้ก็ลูบดีๆ” หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย มือน้อยๆ มีน้ำมันเคลือบไว้ ตอนนี้ข้าวเหนียวเลยไม่ติดมือเธอแล้ว เธอเริ่มกินส้มตำกับข้าวเหนียว จกมือลงในกระติบเหมือนอย่างที่ศราวิลทำ “นี่อะไร” เธอชี้มือใส่ห่อหมก “หมกฮวก” เขาบอกยิ้มๆ “หือ?” อาทิตาทำตาโต มันคืออะไรกันล่ะไอ้หมกฮวกอะไรนี่ “ห่อหมกลูกอ๊อด ลูกกบไง ไม่รู้จักเหรอ” เขาอธิบาย บิห่อหมกที่ว่าเข้าปากไปหนึ่งคำ เคี้ยวตุ้ยๆ คนมองได้แต่เม้มปากแน่นๆ ส่ายหน้ารัวๆ เลื่อนจานห่อหมกไปวางตรงหน้าเขา “คุณทำลายความฝันตอนเด็กของฉันได้ยังไง กินเจ้าชายกบของฉันเข้าไปได้ น่าสงสารจริงๆ” บอกอย่างนั้นแต่ตัวเองหยิบปลาร้าในส้มตำขึ้นมาฉีกต่อหน้าต่อตาเขา นั่งพับเพียบกินไม่สะใจ อาทิตาเลยเปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิ หันหน้าเข้าหาสำรับกับข้าวดีๆ “เฮอะ...แม่คนโลกสวย ฉีกปลาร้าเป็นตัวๆ ทำมาว่าฉัน” “หยุด! อย่าทักคนสวยตอนฉีกปลาร้าสิ บาปนะคุณ” อาทิตาโต้คืน ได้ยินเสียงครกของป้าพุดดังมาจากบนเถียงนา “ป้าพุดคะ ขอส้มตำอีกครกค่า ขอแซ่บๆ ปลาร้าเยอะๆ เอาเป็นต่อนๆ นะคะป้าพุด เป็นต่อนๆ ค่า” เสียงร้องสั่งภาษากลางปนภาษาอิสานของอาทิตา ทำเอาเหล่าคนงานส่งเสียงเฮระรัวด้วยเอ็นดู อาทิตายิ้มเขินๆ อายก็อาย แต่ส้มตำก็อร่อย เรื่องกินต้องมาก่อน เรื่องหน้าบางเอาไว้ทีหลัง มัวแต่หน้าบางสนิมสร้อยก็อดแซ่บน่ะสิ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม