ผ่านมาแล้วเกือบสามเดือน ชีวิตของซุนหวางและเสี่ยวฟง ในหมู่บ้านตีนเขาก็ไม่ได้มีอะไรน่ากังวลอีกแล้ว เหมือนจะอยู่กันแค่ สองคนแต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ หนานตงได้ส่งองครักษ์เงามาคอยเฝ้าดูแลพวกเขาตลอดเวลาและไม่ยอมให้ทั้งสองเข้าไปในเมืองหูเจียงเลย ทุกอย่างหนานตงจะจัดการให้ทั้งหมด บางครั้งก็ฝากท่านลุงเหอ หรือพี่เชียนซื้อของมาให้เพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่สงสัยมากนัก และซื้อเนื้อจากชาวบ้านบ้างพวกเขาทำเช่นนี้เรื่อยมา ชีวิตที่นี่ถึงจะดำเนินไปได้เป็นปกติ
ลั่วจินอยากให้น้อง ๆ มาอยู่บนเขาด้วยกัน แม้แต่ห้องนอน หนานตงก็ทำไว้ให้ทั้งสองเรียบร้อยแล้ว แต่ซุนหวางก็ยังคงปฏิเสธ และขอเทียวไปเทียวมาดีกว่า พวกเขาก็ไม่ได้ขัดเพราะรู้สาเหตุดีว่าน้องชายรอใครบางคนอยู่ แต่จนแล้วจนรอดคนผู้นั้นก็ไม่เคยจะโผล่มา ตั้งแต่วันนั้นก็นับมาได้สองเดือนพอดีที่ท่านแม่ทัพชิวหานหายหน้าไป เหมือนเขาจะหายไปเลยแม้แต่ข่าวคราวก็ไม่มีใครส่งมาให้
วันนี้เป็นวันพิเศษของซุนหวางพวกเขาเลยพากันขึ้นเขาตั้งแต่เช้ามืด และจะต้องอยู่ค้างคืนด้วยตามคำสั่งของพี่ใหญ่
“มากันแล้ว ทำไมต้องเทียวขึ้นเทียวลงให้เหนื่อยด้วยนะ” ลั่วจินอดที่จะบ่นให้กับน้องทั้งสองไม่ได้ เหมือนบ่นให้กับต้นไม้ใบหญ้าฟังจนลั่วจินเริ่มจะปลงแล้ว
“ฮิฮิ พี่ใหญ่หมายถึงพี่รองคนเดียวใช่ไหมขอรับ” เสี่ยวฟงแสร้งถาม ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าถูกบ่นให้ทั้งสองคน
“ทั้งสองคนนั่นแหละก็อยู่ด้วยกันนี่นา ซุนหวางวันนี้เป็น วันเกิดของเจ้าพวกเราจะจัดงานวันเกิดให้ เพราะฉะนั้นห้ามทำหน้าเศร้าเป็นอันขาด”
“ขอบคุณขอรับพี่ใหญ่” เขาไม่ได้ทำหน้าเศร้านะ จะว่าเป็นความเคยชินก็คงจะได้ เขาหยุดยิ้มมาได้ห้าปีแล้วหน้าก็เลยเป็นแบบนี้เอง
“เข้าบ้านกันเถอะ วันนี้มีสหายของพี่ตงมาที่นี่ด้วย พวกเจ้าคงจะไม่ว่าอะไรนะ วางใจเถอะสหายคนนี้ไว้ใจได้”
“สหายของพี่เขย เขารู้เรื่องของพี่ใหญ่หรือไม่ขอรับ” ซุนหวางอดหวั่นใจไม่ได้ ไหนบอกว่ามีแค่พี่เขยกับเสี่ยวจุ้นที่รู้ล่ะ หากคนผู้นั้นรู้แล้วจะไม่เป็นอันตรายหรือ
“อาจจะรู้หรือไม่รู้ก็ได้ เจ้าทำสีหน้าเป็นกังวลอีกแล้วนะ ซุนหวาง หากไว้ใจไม่ได้พี่ตงไม่มีทางพามาหรอก”
ห้องปรุงยา…
“ท่านอ๋อง ยาพวกนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อย่าบอกเชียวนะว่าท่านปรุงเองข้าโกรธจริง ๆ นะ” หมอปิงผู้บ้าคลั่งเรื่องทดลองปรุงยามาช้านาน รู้สึกตื่นเต้นที่เห็นยามากมายในห้องปรุงยา หวังว่าท่านอ๋องคงไม่ได้ไปเหมายามาจากร้านซีหนานหรอกนะ
“ท่านหมอปิง หากข้าปรุงได้เองทำไมจะต้องให้ท่านหาซื้อมาให้ด้วยเล่า”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่ตง ข้าซุนหวางขอรับ” ซุนหวางมาตามคำสั่งของหนานตงที่ไหว้วานเสี่ยวจุ้นไปบอก ‘หากท่านน้าซุนหวางมาถึงให้มาพบที่ห้องปรุงยาทันที’ ซุนหวางไม่เข้าใจจะให้เขามาทำไม หารืออยู่กับสหายมิใช่หรือจะต้องพบเขาไปทำไมตอนนี้
“เข้ามา”
ครืดดดดด
“ซุนหวาง มารู้จักกับท่านหมอปิงหน่อยสิ” คนที่หนานตงแนะนำให้ซุนหวางรู้จักไม่ใช่คนอายุใกล้เคียงกันกับหนานตงสักนิด แต่กลับเป็นท่านลุงท่าทางใจดีคนหนึ่ง ‘คนนี้หรือที่เป็นสหายของพี่ตง’ ซุนหวางคิดในใจ
“คารวะท่านหมอปิงขอรับ” ซุนหวางค้อมคารวะอย่างนอบน้อม
“อืม..ซุนหวางสินะ มาใกล้ ๆ ให้ข้าจับชีพจรดูหน่อยเถอะ” หมอปิงจ้องมองบุรุษหนุ่มน้อยอย่างไม่วางตา ไม่ใช่เพราะหลงใหลในรูปโฉมที่งดงามแต่กำลังพิจารณาว่าบุรุษต้องสาปทุกคนจะต้องมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามเช่นนี้หรือ
ชุนหวางเดินเข้ามาใกล้ ๆ และยื่นมือออกไปให้หมอปิงได้จับชีพจรดู แม้ไม่รู้ว่าหมอปิงกับพี่ตงจะทำอะไร แต่ซุนหวางก็ไม่ได้ขัด
“เหมือนกันเลย เหมือนของพระชายาไม่มีผิดเพี้ยน”
“ท่านแน่ใจนะ”
“แน่ใจสิ”
“พูดเรื่องอะไรกันขอรับ” ในที่สุดก็อดถามไม่ได้ ซุนหวางสงสัยตั้งแต่ให้เขามารู้จักกับท่านหมอปิงผู้นี้แล้ว
“ข้าให้ท่านหมอปิงมาตรวจเจ้าให้แน่ใจ ว่าเจ้าเป็นเหมือนอาจินทุกอย่างหรือไม่ ตอนนี้รู้แล้วเจ้าออกไปเถอะ”
“ข้าท้องได้ใช่ไหมขอรับ” ก่อนที่ซุนหวางจะเดินออกไปก็ได้เอ่ยถามประโยคนี้ออกมา เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าท่านหมอปิงจะต้องรู้เรื่องของพี่ใหญ่ และตอนนี้ก็รู้เรื่องของเขาอีกคนแล้ว
ทุกครั้งที่ซุนหวางมีเรื่องให้คิดหรือสงสัยสิ่งใด มันก็มักจะแสดงออกมาทางสีหน้าทุกครั้ง จนหนานตงอยากจะดีดหน้าผากนั่นให้หายย่นเสียที ‘หรือจะทำดี ผลลัพธ์ก็ไม่เลวนะอาจินจะได้ตีเขาอีกทั้งคืน หึ ๆ ๆ’
“อืม..ซุนหวางไม่ต้องกังวลเรื่องหมอปิงหรอก ไปอยู่กับอาจินเถอะ”
“ขอรับ”
พอซุนหวางคล้อยหลังออกไป…
“เขายังเด็กอยู่เลยคงจะยังไม่มีคนรัก”
“มีแล้ว และก็เป็นบุรุษด้วย”
“บุรุษอย่างนั้นหรือ เฮ้อ..โชคชะตาฟ้าลิขิตมาเช่นนี้ใครจะไปเปลี่ยนแปลงได้ขอรับ” เพราะบุรุษต้องสาปไม่ได้เกิดมาเพื่อจะทำหน้าที่เป็นสามีให้ใครมาตั้งแต่ต้น เขาแค่แปลกใจที่มีบุรุษต้องสาปถึงสองคนหรืออาจจะมีมากกว่านั้นก็ได้ โลกใบนี้ก็กว้างใหญ่ไพศาลนักใครจะไปรู้ว่ามีคนเช่นนี้ซุกซ่อนตัวอยู่ที่ใดอีก บันทึกเรื่องบุรุษต้องสาปคงจะไม่เป็นจริงเสียแล้วกระมัง
“ข้าขอถามท่านหน่อยเถอะ แม่ทัพชิวหานไม่ได้อยู่ที่ค่ายหรือ”
“ไม่อยู่ขอรับ เดินทางไปเมืองหลวงเพราะเรื่องยาพวกนี้แหละ กองทัพของเรายังต้องการยาพวกนี้อีกมาก ท่านจะไปเหมาเอามาครอบครองแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้นะ เยอะขนาดนี้คนของท่านคงใช้ไม่หมดหรอก เก็บไว้นานระวังยาจะเสื่อมคุณภาพเอาได้ มิสู้แบ่งขายให้ข้าบ้างดีกว่าไหมท่านอ๋อง”
ฮ่า ๆ ๆ ๆ หนานตงหัวเราะเสียงดังลั่น กับคำกล่าวอันยาวเหยียดของสหายเฒ่า มาหาว่ายาของซุนหวางจะเสื่อมคุณภาพได้อย่างไร และเขาก็คิดไว้อยู่แล้วว่าหมอปิงจะต้องตาลุกวาว เมื่อเห็นยาเหล่านี้วางอยู่เต็มชั้นเก็บยา ก็เขาจงใจเอาออกมาอวดนี่นะ มันคือวิธีขายยาแบบไม่ต้องเสียน้ำลายสักหยด หึ ๆ ๆ
“ในห้องปรุงยามีอะไรกัน ทุกครั้งที่เจ้ากับพี่ตงอยู่ในห้องนั้นก็เป็นแบบนี้ พวกเจ้ากำลังทดลองปรุงยาแปลก ๆ ใช่ไหมซุนหวาง” ลั่วจินอดสงสัยไม่ได้เสียที สามีของเขาเป็นแบบนี้บ่อยมาก เขากลัวว่าสามีจะกินยาประหลาดเข้าไป ถึงทำให้หัวเราะได้ทุกครั้งเมื่อเข้าไปในห้องนั้น
“ไม่ได้ทดลองปรุงยาแบบนั้นขอรับ หากปรุงได้ข้าคงเอาให้ตัวเองกินไปแล้ว”
ฮ่า ๆ ๆ ๆ ลั่วจินก็อดหัวเราะกับคำพูดของน้องชายไม่ได้เหมือนกัน
“เจ้าต้องทดลองปรุงยานั่นนะ ข้าจะได้เห็นเจ้าหัวเราะทั้งวัน”
“...........” ซุนหวาง
งานฉลองวันเกิด อายุครบสิบห้าปีของซุนหวางก็ผ่านไปเรียบร้อย และหมอปิงได้ถูกส่งออกไปจากหุบเขาภายในคืนนั้น ส่วนซุนหวางและเสี่ยวฟงก็นอนค้างที่นี่อย่างสุขสบาย เพราะมีห้องส่วนตัวกันแล้วนั่นเอง
แม้จะเป็นรุ่งเช้าของวันใหม่ ซุนหวางและเสี่ยวฟงก็ยังไม่ได้กลับบ้าน จนถึงยามเซิน[15.00-16.59 น.]
“ซุนหวางจะกลับตอนนี้จริงหรือ พี่ว่ามันจะค่ำแล้วนะ” ลั่วจินเป็นห่วงน้องทั้งสองคน เขาอุตส่าห์พยายามถ่วงเวลาแล้วนะ กะว่าพอค่ำแล้วทั้งสองจะได้นอนที่นี่ต่อ แต่ซุนหวางนี่สิช่างดื้อดึงนัก อย่างไรก็จะกลับให้ได้ท่าเดียว
“อาจินเดี๋ยวพี่ไปส่งพวกเขาเอง”
“ก็ได้ขอรับ” ล้มเหลวแผนการของเขาที่จะเหนี่ยวรั้งให้น้องทั้งสองอยู่ที่นี่ต่อล้มเหลวไม่เป็นท่า ‘คงกลัวว่าท่านแม่ทัพมาหา แล้วจะไม่เจอล่ะสิ เด็กดื้อ’
ที่เรือนตีนเขา…
“ท่านแม่ทัพเรากลับกันเถิด สองวันแล้วนะขอรับ” เหว่ยเจี๋ยนายกองหนุ่มบอกกับผู้เป็นนายที่มารอคนรักถึงสองวันแล้วแต่กลับไม่มีวี่แววของนายและบ่าวทั้งสองคนนั้นเลย
กลับจากเมืองหลวงท่านแม่ทัพก็ตรงมาที่นี่เลย ไม่แม้แต่จะเข้าไปในค่ายก่อนด้วยซ้ำ
“ข้าจะรอก่อน เจ้ากลับไปเถอะ”
“ท่านอยู่ ข้าก็จะอยู่”
ชิวหานยังไม่เข้าใจว่าซุนหวางหายตัวไปไหน เขาสำรวจดูจนทั่วแล้วไม่มีรอยงัดแงะเลยแม้แต่น้อย อาโหรวก็ยังอยู่สุขสบายดี และพวกเขาก็ไม่ได้เข้าเมืองแน่นอน มีเพียงทางเดียวก็คือขึ้นเขา หรือว่าจะพากันหลงป่า นี่คือสิ่งที่เขาเป็นกังวลอย่างมากแต่ก็ได้ตาม หาจนทั่วแล้ว พรุ่งนี้เขาจะเกณฑ์คนให้มาตามหาทั้งสองอีกครั้ง หากแม้นว่าตายก็ต้องได้เจอศพ
“เสียงคนกำลังมา เหว่ยเจี๋ยหลบไปก่อน”
“แต่ท่านแม่ทัพ อาจจะเป็นคนร้ายก็ได้” เหว่ยเจี๋ยแม้จะค้านเจ้านายแต่ก็ต้องยอมถอยไปแต่โดยดี
ชิวหานเฝ้ามองดูคนทั้งสามเดินมาด้วยใจปวดร้าว ความสนิทสนมนั่นที่เขาไม่เคยได้รับจากซุนหวางมาก่อนแม้แต่รอยยิ้มก็ด้วย ไปอยู่ในป่าเขาตั้งสองวันกับบุรุษผู้นี้นะหรือ
“ส่งแค่นี้ก็พอขอรับพี่ตง”
“ข้าจะเปิดประตูให้ มันหนักนะ”
แกร๊กก...
“พากันเข้าเรือนได้แล้ว” หนานตงไล่ทั้งสองเข้าเรือนก่อนที่เขาจะหายตัวเข้าป่าไป แปลกคนของเขาหายไปไหนกันหมด หรือเพราะซุนหวางกับเสี่ยวฟงไม่อยู่เลยพากันถอยออกไป หนานตงได้แต่สงสัย
“ไปไหนมา”
ความมืดมิดที่กำลังเคลือบคลานเข้ามาทำให้มองเห็นคนตรงหน้าไม่ชัดเจนนักแต่ซุนหวางก็จำเสียงนี้และกลิ่นนี้ได้ดี เป็นเขาแน่นอนเขากลับมาแล้ว
“ท่านแม่ทัพ” ซุนหวางเรียกชิวหานด้วยเสียงสั่นเครือจากอาการดีใจที่เขากลับมาเสียที
“จำข้าได้ด้วยหรือ ไม่ใช่ว่าเจ้าลืมที่นี่ไปแล้วหรือ ถึงไม่ยอมกลับบ้าน”
“ข้า..” จะบอกอย่างไรดี เขาบอกเรื่องครอบครัวของพี่ตงไม่ได้
“เจ้าดูมีความสุขดีกับบุรุษผู้นั้น ผิดกับตอนที่อยู่กับข้าลิบลับใช่ไหมซุนหวาง”
“ท่านเห็น เขาไม่ใช่...”
“ข้าคงไม่จำเป็นสำหรับเจ้าอีกแล้วใช่ไหม” พูดจบชิวหาน ก็เดินหันหลังกลับไปหาม้าคู่ใจ เขาไม่อยากจะไปเลยเขาอยากกอดอยากจูบคนงามให้หายคิดถึง แต่เขาคงไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นอีกแล้ว
“อย่าไปท่านแม่ทัพ” ซุนหวางวิ่งตามไปทั้งน้ำตาและทัน ก่อนที่ชิวหานจะขึ้นม้าจากไป
หมับ!
“อย่าไปเลยนะ ข้าคิดถึงท่าน ข้ารักท่าน ฮึก ฮึก” ซุนหวางใช้โอกาสสุดท้ายเหนี่ยวรั้งแม่ทัพชิวหานเอาไว้ เขารอคนผู้นี้มาตลอดสองเดือน ตอนนี้ได้พบเจอกันแล้วเขาจะไม่ปล่อยคนผู้นี้ไปไหนอีก เอวหนาถูกคนตัวเล็กกอดรัดแน่นแผ่นหลังหนาก็กำลังเปียกชื้นเพราะน้ำตา
“ซุนหวาง” ชิวหานแกะมือของคนตัวเล็กออก ไม่ใช่เพื่อจะผลักไสให้ออกไปแต่เขาอยากจะโอบกอดคนตัวเล็กให้สมกับความคิดถึงต่างหาก
“ข้าก็รักเจ้าคิดถึงอยู่ทุกวัน” ชิวหานหันมาเผชิญหน้ากับคนตัวเล็ก ทั้งดวงหน้างามกำลังอาบไปด้วยน้ำตาเห็นแล้วก็ยิ่งปวด ใจ คราวนี้เป็นเขาที่ทำให้คนตัวเล็กร้องไห้ ชิวหานโอบกอดร่างบางแน่นด้วยความรู้สึกโหยหาเช่นกัน
“เด็กน้อย เจ้าร้องไห้แบบนี้ข้าจะไปไหนได้”
“ไม่ใช่เด็กแล้ว อายุครบสิบห้าปีแล้ว” ซุนหวางตอบด้วยเสียงอู้อี้ เพราะถูกชิวหานกดหัวไว้แทบจะจมคาอกหนาอยู่แล้ว
“โตแล้ว แล้วพร้อมหรือยังล่ะหือ”
“ท่านแม่ทัพ” ซุนหวางเรียกชิวหานด้วยเสียงที่เบาหวิว ใจก็คิดว่าควรทำอย่างไรดีมันถึงเวลานั้นแล้วหรือ
“เข้าเรือนกันเถอะ วันนี้ข้าจะนอนที่นี่ห้ามขับไล่ข้า ข้ายังมีคำถามอีกมากมายที่จะถามเจ้า”
“อืม.. ถะ..ถามอะไรขอรับ”
“ข้าจะถามเมื่อถึงห้องแล้ว”
ทั้งสองเกาะกุมมือกันเดินเข้าสู่เรือนนอน โดยแม่ทัพหนุ่มนำหน้า ระหว่างทางเดินซุนหวางได้ให้กำลังใจตัวเองมาตลอดทาง เพราะตั้งใจแล้วว่าจะมอบครั้งแรกให้กับท่านแม่ทัพผู้เป็นที่รัก แต่ก็กลัวว่ามันจะเจ็บเหมือนที่เคยได้อ่านในตำรามา
หนุ่มน้อยซุนหวางไม่ได้คิดไปไกลถึงเรื่องตั้งครรภ์ด้วยซ้ำ แค่อยากจะทำให้คนรักมีความสุข และการตัดสินใจครั้งนี้มันจึงเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของหนุ่มน้อยต้องสาปคนนี้ก็ว่าได้