“ค่ะท่านผู้บังคับการ หากไม่ไหวจริงๆ ราเนียจะถอนตัวตามที่ท่านสั่งค่ะ”
ปากนั้นตกปากรับคำผู้บังคับบัญชา แต่ในใจนั้นหาได้รับคำด้วยไม่ เพราะเธอสาบานไว้แล้วว่าหากจัดการทำให้ครอบครัวของดอนคาร์ลเจ็บปวด แตกระส่ำระส่ายไม่ได้ดั่งที่ครอบครัวของเธอเคยเป็น
และหากกระชากลมหายใจ กระชากดวงวิญญาณออกจากร่างของดอนคาร์ลไม่ได้ เธอจะไม่ยอมก้าวออกจากคฤหาสน์มาโก้ร์แม้แต่ก้าวเดียว หากแม้ต้องตายเพราะงานนี้เธอก็ยอม เพียงเพื่อให้ดอนคาร์ลได้สิ้นชื่อไปจากแผ่นดินอิตาลี
“ไปเถอะราเนีย คนของผมรออยู่แล้ว เขาจะส่งคุณถึงแค่หน้าคฤหาสน์มาโก้ร์เท่านั้น เมื่อเข้าไปในคฤหาสน์ได้แล้วที่เหลือคุณต้องจัดการเองทั้งหมด พยายามเก็บข้อมูลแก๊งเล็กแก๊งน้อยที่อยู่ภายใต้กำมือของดอนคาร์ลให้ได้มากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ส่วนพวกผมที่อยู่ทางนี้ ทันทีที่คุณมีหลักฐาน รู้ความเคลื่อนไหวเรื่องการส่งยา ส่งอาวุธเถื่อนของมาเฟียเหล่านี้ พวกผมจะจัด
การลากพวกมันเข้าซังเตทันที”
ท่านผู้บังคับการเลสซันโดรลุกขึ้นยืนไปส่งลูกน้องหน้าประตูห้อง ใจจริงนั้นท่านอยากไปส่งผู้กองสาวที่ท่านเอ็นดูไม่ต่างจากลูกสาวคนหนึ่ง ถึงหน้าคฤหาสน์ของดอนคาร์ลด้วยซ้ำไป ทว่าท่านก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เพราะหากดอนคาร์ลหรือลูกน้องของดอนคาร์ลเห็นหน้าท่าน พวกมันก็จะรู้ทันทีว่าผู้กองรีจินาเป็นตำรวจของหน่วยสืบสวนกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ร.ต.อ.หญิงรีจินาลุกขึ้นยืนคำความเคารพผู้บังคับบัญชา ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงหนักแน่นแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้นยิ่งนัก
“ราเนียจะไม่ทำให้ท่านผู้บังคับการและพี่เรส์ต้องผิดหวัง ราเนียจะลากดอนคาร์ลมาชดใช้กรรมในคุกให้จงได้”
‘แต่ถ้าหากเขาขัดขืน ราเนียจะเป็นคนส่งเขาไปรับใช้ยมบาลเอง’
ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสฉายแสงแห่งความต้องการลิ้มลองเลือดของดอนคาร์ลให้เห็นชั่วขณะจิต เมื่อเจ้าตัวนึกคิดเอ่ยอาฆาตอยู่ในใจ
เมื่อออกมาจากห้องของท่านผู้บังคับการได้แล้ว ก็รีบเดินลงจากอาคารที่ทำงานไปทางด้านหลัง เพื่อไม่ให้เพื่อนร่วมงานอีกหลายๆ คนสงสัยว่าเธอไปไหนกัน เพราะปฏิบัติการในครั้งนี้ถือว่าเป็นความลับสุดยอด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่แค่ไม่กี่คน ที่ล่วงรู้ว่าเธอกำลังจะไปทำหน้าที่ไม่ต่างจาก [1]มาตาฮารี คอยส่งข้อมูลให้หน่วยสืบสวนกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำจัดกวาดล้างคำว่า มาเฟีย ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินอิตาลี
นอกจากจะทำหน้าที่เป็นมาตาฮารีแล้ว หญิงสาวจะทำหน้าที่เป็นดั่งยมทูตกระชากดวงวิญญาณออกจากร่างของดอนคาร์ลด้วย
เมืองปาแลร์โม เมืองหลวงของแคว้นปกครองตนเองซิซิลี ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี มีสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมอันหลากหลายผสมผสานกันอย่างลงตัว
นอกจากเมืองปาแลร์โมจะอุดมไปด้วยทรัพย์ตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภูเขาไฟเอตนาลูกใหญ่ ที่ยังคงมีพลังงานอยู่ หรือท้องทะเลสีคราม และชายหาดอันขาวสะอาดแล้ว เมืองหลวงของเกาะซิซิลียังเป็นถิ่นที่พำนักพักพิงของดอน ออฟ ดอน อย่างดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์ ด้วย ซึ่งผู้เป็นเจ้าของฉายา ได้ครอบครองคฤหาสน์หลังงาม สร้างเด่นตระหง่านอยู่บนพื้นที่นับสิบๆ ไร่มีอาณาบริเวณทางด้านหลังคฤหาสน์ติดกับหาดทรายขาวและท้องทะเลสีคราม
บริเวณชายหาดอันขาวสะอาด คลื่นลมพัดเอื่อยๆ เย็นสบาย หอมเอากลิ่นอายความเค็มของน้ำทะเลมาปะทะกาย กอปรกับเสียงคลื่นทะเลซาซัดกระทบโขดหิน ก่อเกิดเป็นเสียงดนตรีอันไพเราะเสนาะหูยิ่งนัก
และสถานที่แห่งนี้ ก็เป็นแหล่งธรรชาติที่ดอนหนุ่มมักจะหลบมานั่งจิบบรั่นดี เคล้ากับความงดงามที่ธรรมชาติเป็นผู้สรรค์สร้าง
ทว่าบรรยากาศในยามเย็นอันแสนสบายของดอนคาร์ล กำลังจะถูกทำลายลง เมื่อ
‘แลนโดส อันเดรีย’ ลูกน้องมือขวาซึ่งเป็นทั้งบอร์ดี้การ์ด เป็นทั้งที่ปรึกษาส่วนตัวของดอนหนุ่ม กำลังก้าวเท้าเข้ามารายงานความเคลื่อนไหวอันไม่โสภาสักเท่าไร ให้ผู้เป็นเจ้านายล่วงรู้
“ดอนครับ ผมมีเรื่องจะรายงานให้ดอนทราบครับ”
แลนโดส ยืนกุมมือนิ่งอยู่หน้าเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งยังคงจิบบรั่นดีนั่งชมพระอาทิตย์ชิงพลบลาลับขอบโพ้นทะเลอย่างสบายอารมณ์
“มีอะไรก็ว่ามาแลนโดส”
ดอนคาร์ลออกปากเอ่ยอนุญาต โดยไม่ได้หันมามองหน้าของลูกน้องคนสนิท ดวงตาสีฟ้าสุดเซ็กซี่ ที่สาวๆ ส่วนใหญ่มักจะอ่อนระทวยทุกครั้งที่ได้เห็น ยังคงจับจ้องมองพระสุริยาดวงใหญ่ ซึ่งถูกทะเลสีครามกลืนกลิ่นทีละเล็กทีละน้อย ขณะรอฟังสิ่งแลนโดสรายงานให้ตนเองได้รับรู้
แลนโดสลอบมองเจ้านายหนุ่มผู้องอาจน่าเกรงขาม ในใจนั้นไม่อยากเอ่ยรายงานในสิ่งที่ตนเองได้ยินได้รู้มาให้ดอนหนุ่มฟัง เพราะรู้ว่าสิ่งที่ตนเองจะพูดออกไปนั้นหาได้ทำให้ดอนคาร์ลพึงพอใจหรือฟังระรื่นหูไม่ แต่กระนั้นเขาก็จำเป็นต้องเอ่ยพูด เพื่อให้ดอนรับทราบและเตรียมห้ามปราม ก่อนเรื่องมันจะบานปลายไปกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้
“คือโซลิโฟและเดอริโก้กำลังจะแหกกฎขององค์กรเราอีกแล้วครับดอน”
แลนโดสเลี่ยงการเรียกคำขึ้นต้นของหัวหน้าแก๊งทั้งสองด้วยคำว่า ‘ดอน’ เพราะคำนี้หรือตำแหน่งนี้เขาคิดว่าเหมาะสำหรับเรียกเจ้าพ่อตัวจริงอย่างดอนคาร์ลเสียมากกว่า
ส่วนทั้งสองคนที่เขาเรียกชื่อมานั้น ไม่สมควรย่างกรายเข้าใกล้คำว่าเจ้าพ่อด้วยซ้ำไป เพราะคนที่เป็นเจ้าพ่อตัวจริง เขาไม่ทำตัวเยี่ยงโซลิโฟและเดอริโก้ ที่คอยทำตัวเป็นหมาลอบกัด ทำร้ายดอนคาร์ลในยามเผลอ นอกจากนั้นยังทำตัวแหกคอก ทำผิดกฎขององค์กรอยู่ตลอดเวลาด้วย
ดอนคาร์ลสาดบรั่นดีที่เหลือครึ่งแก้วเข้าสู่ลำคอ น้ำสีอำพันที่ค่อยๆ ไหลลงสู่ลำคอ ทำเอาร่างกายของดอนหนุ่มร้อนผ่าวขึ้นมาแทบจะทันที ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยถามเสียงราบเรียบ ทว่าทรงอำนาจน่าเกรงขามยิ่งนัก
“โซลิโฟและเดอริโก้มันขยับหางพากันทำอะไรอีก”
“ค้าเ*****นครับดอน ล็อตใหญ่เสียด้วย หากพวกมันส่งสินค้าสำเร็จ คงได้เงินก้อนโตไม่ต่ำกว่า 40 ล้านยูโรแน่นอนครับดอน”
เป็นดั่งแลนโดสคิดไว้จริงๆ เพราะทันทีที่ได้ยินถึงเรื่องการแหกกฎของคนทั้งสอง ดอนคาร์ลก็ถึงสบถลั่นด้วยความโกรธกริ้ว
“นรก!”
ดอนคาร์ลสบถดังลั่น พร้อมกับขว้างแก้วบรั่นดีลงบนพื้นทรายขาวสะอาด ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีฟ้าวาวโรจน์โชนแสงแห่งไฟโทสะลูกใหญ่ นึกไม่ถึงว่าโซลิโฟและเดอริโก้จะกล้าขัดคำสั่งของเขา
“พวกมันทำมากี่ครั้งแล้วแลนโดส”
“ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วครับดอน”
ลูกน้องมือขวาตอบตามที่ตนเองได้ข้อมูลมา ตอนได้ยินว่าโซลิโฟและเดอริโก้ รวมหัวกันหาเงินด้วยวิธีลัดทั้งๆ ที่ดอนคาร์ลห้ามไว้แล้ว ก็นึกสยองแทนคนทั้งสองอยู่ไม่น้อย เพราะหากดอนคาร์ลซึ่งเป็นคนดูแลองค์กรมาเฟียทั้งหมดในเกาะซิซิลีทราบเรื่องเข้า คนทั้งสองคนคงถูกดอนหนุ่มเล่นงานจนตั้งรับไม่ทันเป็นแน่
+++++++++++++
[1] มาตาฮารี (Mata Hari) นางระบำชาวเนเธอร์แลนด์ ผู้แฝงตัวเป็นจารสตรีสองหน้าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และถูกประหารชีวิต มาตา ฮารีมีนามจริงว่า มาร์กาเรเท เกอร์ทรูด เซลเล (Margaretha Geertruida Zelle)