บทที่ 6

1316 คำ
“ลูกและเมียของดอนคาร์ล จะต้องพบกับคำว่าเจ็บปวด ราเนียจะไม่ให้พวกมันได้อยู่อย่างสบายๆ แน่” มือเล็กกระชากภาพของศัตรูคู่อาฆาตออกจากแฟ้มเอกสารที่ได้รับจากท่านผู้บังคับการ จากนั้นก็นำหมุดเล็กๆ มาปักรูปของดอนคาร์ลไว้บนกระดานบอร์ดสำหรับเขียนตารางงานต่างๆ ก่อนจะถอยห่างออกมายืนชิดกับผนังห้อง แล้วหยิบปืนพกแบบเก็บเสียงออกมาเล็งตรงตำแหน่งหัวใจ และหัวสมองที่ขยันคิดแต่ในเรื่องโหดเหี้ยมอำมหิตของดอนคาร์ล ก่อนจะลั่นไกยิงจนหมดแม็กตรงตำแหน่งที่ตนเองเล็งไว้ก่อนหน้านี้ “สำหรับแก ดอนคาร์ล! แกจะต้องตายด้วยปืนกระบอกนี้ กระบอกเดียวกันที่พี่ชายของฉันเคยคิดลั่นไกฆ่าแกให้ตายลงนรก” รีจินาเค้นเสียงเย็นยะเยือกลอดไรฟัน ดวงตาสีฟ้าคู่สวยจ้องมองแข็งกร้าวยังภาพถ่าย ที่ถูกยิงเสียกระจุยด้วยฝีมือของตนเอง จากนั้นก็ดึงภาพของดอนคาร์ลออกมาจุดไฟเผาจนมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่จำเป็นต้องเก็บภาพถ่ายของคนใจโฉดคนนี้ไว้ เพราะแค่เพียงได้เห็นใบหน้าของเจ้าพ่อผู้นี้เพียงครั้งเดียว เธอก็จดจำรายละเอียดทุกอย่างบนในหน้าของดอนชั่วได้อย่างชัดเจน “อีกไม่กี่ชั่วโมงนับต่อแต่นี้ แกจะต้องพบกับความเจ็บปวด ที่เจ็บเสียยิ่งกว่าครอบครัวของฉันต้องพบเจอ” รีจินาผุดลุกขึ้นเก็บเสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็ก ซึ่งสั่งทำมาเป็นพิเศษสามารถเก็บซุกซ่อนกระบอกปืน และอุปกรณ์สื่อสารล้ำเทคโนโลยี ที่รับมาจากท่านผู้บังคับการเลสซันโดร รับรองว่าไม่มีใครสามารถจับได้ว่าเธอเก็บสิ่งของเหล่านี้ไว้ในกระเป๋าใบเล็ก ที่สามารถหอบหิ้วไปไหนมาไหนได้โดยไม่มีใครสงสัยแม้แต่นิดเดียว และหลังจากเก็บเสื้อผ้าพร้อมกับอุปกรณ์การทำงานใหญ่ในครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว รีจินาก็หยิบภาพถ่ายทั้งหมด รวมทั้งกระดาษแผ่นบางเหลืองซีดที่ดอนคาร์ลฝากถ้อยคำแค่ไม่กี่ประโยค แต่ทำให้เธอเจ็บปวดเหลือคณา กลับไปไว้ในตู้เซฟดังเดิม ก่อนจะเดินเร็วๆ เข้าห้องออกกำลังกายซึ่งอยู่ติดกับห้องนอน แล้วใช้เวลาที่เหลือเกือบทั้งวันให้หมดไปกับการออกกำลังกาย เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการลุยงานในวันพรุ่งนี้ ซึ่งไม่ว่าจะเจอมัจจุราชร้ายที่โหดอำมหิตเพียงใด เธอก็ไม่หวาดหวั่น และพร้อมต่อกรกับคนที่ได้รับการเล่าลือว่าเป็นดอน ออฟ ดอน เฉกเช่นดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์ ในเช้าของวันถัดมา ซึ่งเป็นวันที่ร.ต.อ.หญิงรีจินา ต้องเดินทางไปยังเกาะซิซิลี ผู้กองสาวเดินทางเข้าไปพบท่านผู้บังคับการเลสซันโดรเป็นการส่วนตัว โดยไม่มีลูกน้องของท่านเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย “มาแล้วหรือราเนีย” ท่านผู้บังคับการเลสซันโดร ผายมือเชิญให้ ร.ต.อ.หญิงรีจินา นั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานใหญ่ของตน เมื่ออยู่เป็นการส่วนตัวไม่มีบุคคลอื่นเข้ามาได้ยิน ท่านผู้บังคับการก็มักจะเรียกผู้กองหญิงแสนสวยด้วยชื่อเล่นของเธออย่างสนิทสนม เต็มไปด้วยความเอ็นดูรักใคร่ในลูกน้องผู้นี้ “ท่านผู้บังคับการคะ ราเนียจะเดินทางไปเกาะซิซิลีวันนี้ค่ะ” ร.ต.อ.หญิงรีจินาเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ ไม่แสดงความหวาดหวั่นหรือหวาดกลัวให้เห็น เมื่อเอ่ยถึงแผ่นดินที่ใครๆ ก็ขยาดกลัวไม่กล้าเฉียดเข้าไปใกล้ ท่านผู้บังคับการเลสซันโดรถอนหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้าเผยความเป็นกังวลให้เห็นเล็ก น้อย แถมยังลังเลว่าตนเองนั้นคิดผิดหรือคิดถูก ที่ส่งผู้กองสาวซึ่งเรียกได้ว่าทั้งสวย น่ารักและเก่งกาจ ให้เดินเข้าสู่ถ้ำเสือร้ายของดอนคาร์ล “ราเนีย ผมไม่มั่นใจว่าผมคิดถูกหรือเปล่า ที่ส่งคุณให้ไปทำงานซึ่งเรียกว่าอันตรายที่สุด นับตั้งแต่คุณเป็นตำรวจอยู่ในหน่วยของผม” ร.ต.อ.หญิงรีจินายิ้มเย็นตรงมุมปาก ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงราบเรียบเช่นเดิม “ท่านผู้บังคับการคิดถูกแล้วค่ะ ราเนียอยากทำงานนี้ที่สุด ที่ราเนียกระโจนเข้าสู่เส้นทางของการเป็นตำรวจ ก็เพื่อรอเวลานี้ รอเวลาที่จะได้แก้แค้นให้กับพี่เรส์ หากไม่ได้แก้แค้นให้คนชั่วอย่างดอนคาร์ลได้รับผลกรรมที่เขาก่อไว้ ราเนียเชื่อว่าพี่เรส์คงนอนตายตาไม่หลับแน่ค่ะ” “เรส์ เป็นตำรวจที่ดี ผมไม่เคยเจอตำรวจคนไหน ที่รักอาชีพการงานของตนเองเท่ากับพี่ชายของคุณ เรส์มาทำงานทุกวัน คดีไหนที่ลงมือทำไม่มีคำว่าพลาด และที่สำคัญเรส์เป็นตำรวจมือสะอาดที่สุดในอิตาลี เขาบอกผมว่ามีมาเฟียกลุ่มหนึ่งเสนอเงินให้เขาสิบล้านยูโร เพื่อให้วางมือจากการเล่นงานแก๊งของพวกเขา แต่เรส์ก็ปฏิเสธเงินก้อนนั้น ซึ่งความซื่อสัตย์ขยันทำงานของเขา เป็นที่ชื่นชมของนายตำรวจหลายๆ คน นั่นก็รวมถึงตัวผมด้วย มันทำให้ผมรักเขาไม่ต่างจากลูกของผมเอง” “แต่ความซื่อสัตย์ของพี่เรส์ก็เป็นเหมือนดาบสองคม ทำให้เขาเป็นที่หมายหัวของแก๊งมาเฟียร้ายอีกหลายๆ แก๊งในอิตาลี และสุดท้ายพี่เรส์ก็ถูกดอนคาร์ลกำจัดทิ้งให้เหลือแต่ชื่อ ซึ่งคนที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับการจากไปของเขาก็คือราเนีย เพราะราเนียไม่ได้สูญเสียแค่พี่เรส์ แต่ราเนียต้องสูญเสียคุณพ่อกับคุณแม่ไปพร้อมๆ กันด้วย” แม้พยายามบังคับน้ำเสียงให้ฟังดูราบเรียบสักเพียงใด แต่ในตอนท้ายน้ำเสียงที่เอ่ยบอกท่านผู้บังคับการก็ยังคงสั่นเครือจนนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่จับความรู้สึกได้ “ราเนีย ผมรู้ว่าคุณเสียใจและเจ็บปวดมาก ซึ่งผมเองก็เสียใจเช่นเดียวกัน เพราะผมคิดเสมอว่าเรส์เป็นลูกชายของผมอีกคน ไม่ใช่แค่เพียงลูกน้องใต้อาณัติเท่านั้น” ท่านผู้บังคับการเลสซันโดรเอ่ยพูดจากใจจริง หาได้เสแสร้งไม่ ตอนทราบข่าวร้ายว่า ร.ต.อ.เรนาโคสถูกดอนคาร์ลฆ่าตาย และเอาศพมาทิ้งไว้หน้าบ้าน เขาถึงกับอึ้งตัวชา ขับรถไม่ถูกทาง สุดท้ายก็ต้องให้ลูกน้องเป็นคนขับรถพาไปยังบ้านของผู้กองหนุ่ม และเมื่อเห็นสภาพศพ สภาพครอบครัวที่มีพ่อแม่เป็นลมอยู่ข้างๆ ศพลูกชาย ส่วนเด็กหญิงรีจินาในขณะนั้นก็เอาแต่ร่ำไห้กอดศพพี่ชายไว้แน่น ท่านถึงกับกัดฟันกรอด กำมือแน่น สาบานว่าจะลากคอดอนคาร์ลเข้าตะรางให้จนได้ ผู้กองหญิงแสนสวยเงยหน้าขึ้นมองท่านผู้บังคับการ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา “ถ้าพี่เรส์ได้ยินคงดีใจมาก หากรู้ว่าท่านผู้บังคับการยังคงคิดถึงเขาเสมอ” ท่านผู้บังคับการเลสซันโดรลอบถอนหายใจ เมื่อเห็นรอยยิ้มหวานเปิดให้ดวงหน้ารูปไข่ดูงดงามสว่างไสวราวกับดอกไม้บานสะพรั่ง นอกจากหวั่นใจว่าผู้กองสาวจะเอาตัวรอดจากเหล่ามาเฟียร้ายได้หรือเปล่า ท่านยังหวั่นเกรงถึงความเป็นเสือผู้หญิงของดอนคาร์ล ท่านมั่นใจว่าสาวสวยผิวพรรณยองใยขาวผ่อง ราวกับกระเบื้องแก้วอย่างเช่นผู้กองรีจินาต้องเป็นที่ต้องตาต้องใจของดอนคาร์ลอย่างแน่นอน “พยายามติดต่อผมทุกเวลาเท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวยคุณนะราเนีย เรื่องกำลังเสริม หากต้องการเมื่อไรให้คุณแจ้งผมทันที ผมจะส่งคนเข้าไปช่วยคุณภายในหนึ่งชั่วโมง และหากจวนตัวรู้ว่าไม่ปลอดภัยให้ถอนตัวออกมาโดยเร็ว ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหตุการณ์ของพี่ชายคุณ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม