หน่วยสืบสวนกลางสำนักงานตำรวจแห่งชาติอิตาลี ณ กรุงโรม...
สีหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ซึ่งนั่งอยู่ภายในห้องประชุมเล็กของหน่วยสืบสวนกลางฯ เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ขณะก้มหน้าก้มตาอ่านคำสั่งด่วนจากรัฐมนตรีกระทรวง
กลาโหม ให้จัดการกวาดล้างเหล่ามาเฟียร้ายในอิตาลีให้หมดสิ้น
โดยเฉพาะการกำจัดหัวหน้ากลุ่มมาเฟียหรือหัวหน้าครอบครัว ที่มักจะถูกลูกน้องในครอบครัวเรียกว่า ‘ดอน’ (Don) หรือ ‘เจ้าพ่อ’ ที่ท่านรัฐมนตรีต้องการกำจัดให้หมดเกลี้ยงจากแผ่นดินอิตาลี
“ท่านผู้การครับ ยังไม่เปิดการประชุมอีกหรือครับ”
นายตำรวจผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมกำจัดเหล่ามาเฟียร้าย เอ่ยถามผู้บังคับการด้วยความสงสัย เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับบิ๊กเบิ้ม ทั้งระดับผู้กำกับ สารวัตร และผู้กองอีกหลายนาย นั่งครบองค์ประชุมแล้ว แต่ทว่าท่านผู้บังคับการก็ยังไม่เริ่มออกปากเอ่ยสั่งงาน มอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบในการกำจัดมาเฟียร้าย ให้พวกเขาไปดำเนินการสักที
“รอสักครู่ อีกแค่นาทีเดียว คนของผมก็จะเดินทางมาถึงแล้ว”
ท่านผู้บังคับการเลสซันโดร โดลิโคส์ เอ่ยบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ซึ่งพากันตีสีหน้างุนงงว่า ท่านผู้บังคับการกำลังรอใครอีก เพราะจะว่าไปแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมราวๆ สิบนายนั้น ล้วนแต่เป็นหัวกะทิระดับเข้มข้น แถมยังเก่งกาจที่สุดของหน่วยสืบสวนกลางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้กำกับนามว่าฟาบิโอ ทอดสายตามองไปยังที่นั่งว่างๆ ใกล้กับท่านผู้บังคับการ ซึ่งที่นั่งดังกล่าวมีแฟ้มเอกสารเช่นเดียวกันกับพวกตนถูกวางอยู่อีกหนึ่งชุด ราวกับรอให้ใครมาหยิบเปิดอ่านเช่นเดียวกัน และด้วยความใจร้อน เริ่มอดรนทนไม่ไหว เขาก็ได้หลุดปากเอ่ยถามผู้บังคับ
บัญชาบ้าง
“ท่านผู้การรอใครอยู่หรือครับ”
“เดี๋ยวทุกท่านก็รู้ว่าผมกำลังรอใครอยู่”
ท่านผู้บังคับการเอ่ยตอบอย่างมีเลศนัย ไม่ยอมปริปากบอกให้ลูกน้องใต้อาณัติหายสงสัย และอีกไม่กี่นาทีต่อมา การรอคอยของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายในห้องประชุมก็มีอันสิ้นสุดลง เมื่อประตูห้องประชุมถูกเปิดออกกว้าง นายตำรวจทุกนายก็พุ่งสายตาเป็นจุดเดียวกันไปยังผู้ที่เข้ามาใหม่
ส่วนผู้ที่เข้ามาภายในห้องประชุมเป็นคนสุดท้าย ได้แต่ลอบถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อเห็นสายตาของนายตำรวจทุกนายที่นั่งอยู่ภายในห้องประชุม ต่างก็จ้องมองเธอด้วยสายตาชื่นชม ทว่า...พวกเขาหาได้ชื่นชมในความสามารถ ความอุตสาหะในการทำงานที่ดีเลิศของเธอไม่! แต่นายตำรวจทุกนายต่างพากันชื่นชมในรูปกายภายนอกของเธอต่างหาก
‘มีสักครั้งไหม ที่พวกคุณจะมองฉันที่ผลงานของฉัน ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นอยู่ในขณะนี้’
ผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่พึมพำต่อว่านายตำรวจทุกนาย ซึ่งต่างก็จ้องมองเธอเขม็ง และแม้พวกเขาจะพยายามเก็บซ่อนแววตาอันหื่นกระหายไว้ภายใต้ดวงตาทั้งคู่ กระนั้นหญิงสาวก็ยังคงมองเห็นอยู่ดี ว่าคนเหล่านี้อยากสร้างสัมพันธ์อันฉาบฉวยกับเธอ ซึ่งเธอจะไม่มีทางรับมันเป็นอันขาด!
ผู้กองสาวแสนสวยรู้ตัวดีว่าตนเองนั้นเป็นคนสวยคม สะดุดตาบรรดากระทาชายเป็นที่สุด ด้วยหน้าอกหน้าใจอะร้าอร่าม ใบหน้างดงาม ดวงตากลมโตภายใต้ขนตางามงอน เรือนร่างอันอรชรอ้อนแอ้นเหมาะสำหรับอาชีพนางแบบมากกว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ทำให้ผู้กองสาวอย่างเธอเป็นที่สนใจบรรดานายตำรวจทั้งโสด และไม่โสด แต่กระนั้นเธอก็ไม่เคยมอบความสนใจและให้ความหวังกับผู้ชายคนไหนทั้งสิ้น เพราะชีวิตนี้เธออุทิศให้กับการพิทักษ์ความสุข ขจัดมวลทุกข์ให้กับราษฎร์ที่อยู่ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของเธอ
“ทุกท่านคงรู้จักผู้กองรีจินาแล้วนะ”
ท่านผู้บังคับการเลสซันโดร เอ่ยบอกลูกน้องภายใต้อาณัติ ก่อนจะพยักหน้ารับการทำความเคารพจากผู้เข้ามาใหม่ จากนั้นก็ผายมือเชิญให้อีกฝ่ายทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่
ร.ต.อ.หญิง รีจินา โชติกานต์ หรือ ราเนีย ตำรวจหญิงผู้เก่งกาจ ฉลาดหลักแหลม แห่งหน่วยสืบสวนกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอิตาลี ได้ทำความเคารพเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่นั่งอยู่ห้องประชุม ก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ที่ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อเธอโดยเฉพาะ
ท่านผู้บังคับการเลสซันโดร เห็นสายตาของลูกน้องคนอื่นๆ เต็มไปด้วยความสงสัย ระคนชื่นชมกับความงดงามของ ร.ต.อ.หญิงรีจินา ก็เอ่ยบอกให้ลูกน้องคลายความสงสัยที่ยังค้างคาอยู่ในใจ
“นับตั้งแต่วินาทีนี้ไป ผู้กองรีจินาเป็นหนึ่งในทีมของพวกเรา ที่จะทำการกวาดล้างมาเฟียให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินนี้”
ดวงตาของนายตำรวจทุกนาย ซึ่งต่างก็มีดาวประดับอยู่บนบ่าในยศสูงระดับผู้กองขึ้นไป ได้จ้องมอง ร.ต.อ.หญิงรีจินา ด้วยความคลางแคลงสงสัย นึกไม่ถึงว่าทีมล่ามาเฟียร้ายทีมนี้ จะมีตำรวจหญิงเข้าร่วมทีมด้วย
“ขอโทษด้วยนะคะที่ดิฉันมาช้า พอดีดิฉันเพิ่งกลับเข้ามาในหน่วย และเพิ่งเห็นคำสั่งด่วนของท่านผู้บังคับการ ที่เรียกให้เข้าประชุมเมื่อสักครู่นี้นี่เองค่ะ”
ผู้กองรีจินาเอ่ยขอโทษขอโพย พร้อมกับอธิบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน ซึ่งล้วนแต่มียศสูง เป็นทั้งเจ้านาย เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานของเธอได้รับทราบ ว่าเพราะเหตุใดเธอจึงเข้าห้องประชุมช้ากว่าคนอื่นๆ
“ไม่เป็นไรผู้กอง เชิญนั่งสิ”
ท่านผู้บังคับการเลสซันโดรโบกมือปฏิเสธว่อน ก่อนจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย รวมทั้งผู้กองสาวแสนสวย สนใจแฟ้มเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้า
“ทุกท่าน กรุณาอ่านแฟ้มที่อยู่ตรงหน้า และก็กรุณาดูบนกระดานข้างหลังผมด้วย เพราะบุคคลที่พวกท่านจะได้เห็นต่อไปนี้ คือมาเฟียระดับเจ้าพ่อที่พวกเราต้องจับกุมให้ได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย ก็ต้องกวาดล้างให้หมด”
แม้ออกจะสงสัยและแปลกใจอยู่มาก ว่าเหตุใดท่านผู้บังคับการเลสซันโดร ถึงเลือกเธอเข้าร่วมทีมล่ามาเฟียด้วย แต่ผู้กองรีจินาผู้มีเลือดผสมอิตาลี-ไทย ก็เก็บอาการสงสัยไว้ภายใต้ใบหน้างาม จากนั้นก็ก้มหน้าลงเปิดแฟ้มอ่านประวัติของอาชญากรตัวกลั่นเกือบๆ สิบคน ที่ถูกเขียนบรรจุอยู่ในแฟ้มเอกสาร
และพออ่านความชั่วของอาชญากรเหล่านั้นอย่างคร่าวๆ ได้สองสามหน้า ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองไปบนกระดานซึ่งอยู่ด้านหลังของท่านผู้บังคับการ เมื่อท่านเริ่มฉายภาพของบรรดาดอนแต่ละแก๊งขึ้นบนหน้าจอ ให้เธอและเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆ ได้ดูด้วย โดยไม่ลืมอธิบายบอกรายละเอียดว่าใครเป็นใคร มีประวัติอาชญากรรมโชกโชนเพียงใด และเป็นที่หมายหัวของตำรวจอยู่ในลำดับที่เท่าไร
“คนแรกดอนโซลิโฟ ออจิโอ้ เป็นหัวหน้าแก๊งออจิโอ้ ไอ้หมอนี่มีเอี่ยวทุกงานไม่ว่าจะเป็น
ยาเสพติด อาวุธเถื่อน ค้าผู้หญิง จับตัวเรียกค่าไถ่ และงานผิดกฎหมายอีกหลายอย่าง เรียกว่ามันไม่ยอมพลาดแม้แต่รายการเดียว”
ท่านผู้บังคับการเลสซันโดร กดเลื่อนภาพอาชญากรคนที่สองให้ขึ้นบนหน้าจอ ก่อนจะเอ่ยถึงประวัติของเจ้าพ่อรายที่สองให้ลูกน้องในห้องฟังต่อ
“ไอ้หมอนี่ชื่อดอนเดอริโก้ ฟาสิโคร์ หัวหน้าแก๊งฟาสิโคร์ หรือที่บรรดาเจ้าพ่อคนอื่นๆ เรียกว่าแก๊งอำมหิต ทั้งตัวมันและลูกน้องโหดเหี้ยมสมกับชื่อแก๊งของมัน งานถนัดของแก๊งนี้คือค้ายาเสพติด และจับบรรดาลูกหรือเมียของพวกเศรษฐีมาเรียกค่าไถ่ ดอนเดอริโก้ มันเป็นพวกเล่นไม่ซื่อ ได้เงินมาแล้วแทนที่จะปล่อยตัวเหยื่อ มันกลับฆ่าเหยื่อทิ้งแล้วเชิดเงินหนี ซึ่งมันทำมาหลายรายแล้ว แต่ทางตำรวจไม่เคยจับตัวมันได้สักที”