"ชายให้ชื่ออะไรดี" สวีถามลูกสาวตามประสาคุณย่าเห่อหลานที่กำลังจะคลอด นี่เธอจะเป็นย่าคนอีกแล้วนะ
เมื่อชาติก่อนสวีจำได้ว่าตัวเองมัวยุ่งอยู่กับเรื่องภายนอกและภายในบ้าน ต้องทำยังไงให้ในบ้านปรองดอง ต้องทำยังไงเพื่อสนับสนุนหน้าที่การงานของสามี แก้ปัญหาต่างๆนาๆทั้งภายนอกและภายในที่ถาโถมเข้ามา จนไม่มีเวลาดูด้วยซ้ำว่าหลานๆเติบโตมาอย่างไร
ความอบอุ่นที่หลังมือทำให้สวีกลับมาสู่ปัจจุบัน เธอมองมือเล็กที่กำมือของตนเอาไว้ และคลายมือที่กำแน่นออกช้าๆ มองลูกสาวที่จ้องมาด้วยดวงตากังวล ก็อดยิ้มให้ไม่ได้
'หงน่ารักกว่าเด็กพวกนั้นเยอะ อย่างน้อยฉันก็...'
"แม่คะเด็กๆยังไม่เกิดเลยค่ะ ยังไม่ต้องคิดมากก็ได้"
"ฉันคิดไว้แล้ว" สวียิ้ม ก่อนจะถูกหงล้อเลียน
"คุณแม่ก็เป็นอย่างนี้ตลอด หนูไม่ชินซะที"
"เธอต้องชิน"
"หนูคิดว่าจะให้พ่อของเด็กๆ..."
สวียกมือขึ้นจับข้อมือลูกสาวทำให้เธอชะงักไป เมื่อเห็นแม่ส่ายหน้าน้อยๆก็หยุดพูด
"ฉันคิดว่าแบบนี้แหละดีแล้ว ฉันคิดชื่อเด็กๆเอาไว้แล้วพวกเธอจะได้ไม่ต้องยุ่งยาก หงแม่จะให้หยงมาอยู่เป็นเพื่อน ขอโทษนะช่วงนี้แม่คงไม่ค่อยได้มาอยู่กับเรา หลงเองก็เหมือนกัน"
"คุณแม่..."
"หง แม่จะออกไปคุยกับหลงก่อน ไว้ค่อยคุยกันอีกที"
"ค่ะ" หงก้มหน้าลงด้วยท่าทางยอมจำนน
"คุณแม่..." หงเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางดีใจที่จะได้พบสามี ประตูช่องเล็กๆทำให้เธอมองเห็นเขาได้ แม้จะเพียงเสี้ยววินาที แต่เธอก็ยินดีที่ได้เห็น...สามีของเธอ
.
สวีเดินนำหน้าหลงขณะครุ่นคิด
"ได้ยินว่าเธอออกไปหาบริษัทก่อสร้าง" เธอนั่งลงบนโต๊ะน้ำชาซึ่งถูกตั้งไว้บนเนินเล็กๆ มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่อมตลอดปีเพราะเป็นต้นไม้ไม่ผลัดใบ เนินตรงนี้ยังสามารถมองเห็นภาพรวมของบ้านสกุลสวี...หรือบ้านคุณนายสวีที่ชาวบ้านแถบนี้เริ่มเรียกกันปากต่อปาก แม้ออกจากบ้านเกิดมานานแต่ความเป็นคนจีนยังอยู่ในสายเลือด น้ำชาคือสิ่งที่ต้องมีติดโต๊ะ เมื่อเจ้านายนั่งตูก็รีบให้สาวใช้เข้ามารินน้ำชาทันที
"ใช่ครับแม่ นี่เป็นหนังสือเสนอราคาที่บริษัททั้งสามแห่งมอบให้ ส่วนอีกสามแห่งทางนี้คือใบเสนอราคาขุดเจาะบาดาล และบริษัทที่จะมาขุดบ่อครับ"
ตอนแรกสวีตั้งใจจะใช้แรงงานคนเพื่อขุดคลองไส้ไก่ แต่เมื่อเห็นความยุ่งยากในการจ้างงานแรงงานคน รวมถึงต้องใช้แรงงานคนกับงานอีกหลายอย่าง จึงไม่สามารถแบ่งข้ารับใช้ที่ไว้ใจได้ไปดูแลได้อย่างทั่วถึง จึงตัดสินใจใช้แรงงานจักรกลเข้ามาแทน
ส่วนสระที่ตัดสินใจขุดก็เพราะกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งไว้ว่าปีนี้จะมีฝนตกชุกตั้แต่ต้นปี และฝนอาจไม่ตกต้องตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีพายุที่กำลังจะเข้า หากขุดบ่อทันพายุก็เท่ากับได้น้ำมาเติมบ่อพอดี จะได้ไม่ต้องพึ่งพาแต่กำลังของน้ำใต้ดิน อย่างไรน้ำใต้ดินแถบเมืองกรุงก็ไม่ได้มากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
อีกอย่าง น้ำบาดาลในเมืองเหมือนจะสะอาดแต่ก็มีสารบางอย่างที่ไม่ดี แตกต่างจากน้ำในต่างจังหวัด สวีถึงได้ตัดสินใจจะพึ่งพาน้ำจากฟ้า แทนที่น้ำจากดิน
"บริษัทขุดเจาะบาดาล มีบริษัทไหนที่เสนอราคาพร้อมปั้มน้ำโซลาร์เซลล์บ้างมั้ย" ในยุคนี้โซล่าร์เซลล์ถือเป็นของใหม่ ไม่ค่อยมีใครยอมรับเพราะมันมีราคาแพงไม่คุ้มค่า จ่ายค่าไฟเอายังประหยัดกว่า
"ผมไม่แน่ใจ...แต่บริษัทที่เสนอราคามาเห็นจะมีแต่ค่าขุดเจาะบ่อบาดาลเท่านั้นครับคุณแม่ ถ้ายังไง..." หลงมีท่าทางลังเล สวีไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ
"ขออนุญาติครับนายหญิง" จงเสนอตัวขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาแทนเจ้านายโดยตรงของตน สวีเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบรับ
"จง เชิญพูดมา"
"เป็นบริษัทนี้ที่มีโซล่าร์เซลล์ครับ ผมได้ลองพูดต่อรองราคากับเจ้าของบริษัทเล่นๆมาก่อนแล้ว จึงได้เป็นราคานี้มาครับ" ว่าแล้วจงก็หยบกระดาษธรรมดาที่ไม่ใช่ใบเสนอราคาขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะก่อนจะถอยไป
"ทำดีมาก จง นายทำงานรอบคอบเสมอ ฉันถึงไว้ใจให้นายติดตาม" หลงเป่าปากด้วยความโล่งใจ
"..." สวีรับใบรายการมาก่อนจะเลือกบริษัท เธอก้มหน้าอยู่สักพักถึงเงยหน้าขึ้น
"หลง แม่อยากให้เธอไปฝึกงานกับคุณหยก" เธอคิดว่านิสัยใช้งานคนอื่นมากเกินไปของชิงหลง นั้นเป็นนิสัยที่ไม่ดี ใช่อยู่เธอใช้งานคนและไม่ได้ทำอะไรเองเลย แต่ต่างกัน สวีมีประสบการณ์จากชีวิตก่อนหน้ามากพอที่จะทำเช่นนั้น แต่ชิงหลงนั้นแตกต่างเขายังเป็นเพียงทารกในวงสังคม หากเป็นเช่นนี้มีแต่จะถูกหัวเราะเยาะ โดยเฉพาะในยุคที่ราชวงศ์ไม่ได้ยิ่งใหญ่อีกต่อไป
"จริงเหรอครับคุณแม่ แต่เด็กๆ..."
"วันหนึ่งเธอจะเข้าใจเหตุผล"
"ตกลงครับ" ทุกคนในที่นี้ไม่สามารถละเลยคำพูดเช่นนี้ของสวีได้จริงๆ แต่..
"ท่านแม่ แต่ผมสงสัยครับ ว่าจริงๆแล้วทำไมผมต้องแต่งงานกับหง" เมื่อหลงถามอย่างนั้น จงก็สะดุ้งขึ้นมา เขาเหลือบมองจงมาตลอดและเห็นปฏิกริยาของอีกฝ่ายก็รู้สึกแย่ไม่น้อย
เพราะจริงๆแล้ว จงต่างหากที่เหมาะจะเป็นสามีของหง ไม่ใช่เขา ในเมื่อสวีต้องการผู้ชายที่ดีที่จะดูแลหงได้ ก็ควรมองจุดนั้นออกเช่นกันไม่ใช่หรือ
"เธอไม่เข้าใจงั้นเหรอ ชิงหลง เธอเป็นเจ้าชาย ในกลุ่มผู้สนับสนุนของประเทศซึ่งตอนนี้ยังคงส่งเงินเข้าประเทศ ก็เพราะความคาดหวังว่าประเทศจะดีขึ้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง นอกจากนี้กลุ่มปลดแอกประชาชน ยังคงต้องใช้ชื่อเสียงของราชวงศ์เพื่อระดมกำลังและเงิน เธอเข้าใจรึยัง"
แม้จะออกจากประเทศมาแล้ว และคงไม่มีทางได้กลับไป แต่ข่าวของชิงหลง และราชวงศ์ชิง ยังคงต้องมีอยู่ตลอดสม่ำเสมอ ไม่ว่าเพื่อปกป้องชีวิตของคนบางคน หรือเพื่อต่อสายเลือดของคนบางกลุ่มก็ตาม แต่ทั้งหมดนี้มีเพียง 'เธอ' เท่านั้นที่จัดการได้
'สวี' ไม่ใช่คนธรรมดาในโลกใบนี้ และไม่ใกล้เคียงเลย เธอแบกรับอะไรมาก ถึงอย่างนั้นความปรารถนาของเธอก็ยังคงเดิม คืออยู่กับลูกหลานอย่างมีความสุข
"วันนี้เธอยังไม่เข้าใจ เมื่อทุกอย่างจบลง แล้วฉันจะบอกทุกอย่างกับเธอด้วยตัวเอง"
"ผม...ผมคิดว่าเข้าใจ แต่...ผมแค่ต้องมีลูกเพื่อให้พวกเขามั่นใจมากขึ้น หรือผมแค่ต้องมีลูกกับหง"
สวีชะงักไปจังหวะหนึ่งจนน้ำชากระฉอกออกจากถ้วย
"นายหญิง..." จงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำชาออกจากมือ ก่อนจะมองนายหญิงและนายน้อยอย่างกังวล
"นายแค่ต้องมีลูกกับหง"
"เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปติดต่องานก่อน ไว้เจอกันตอนมื้อเย็นครับคุณแม่" หลงลุกขึ้นเดินจากไปด้วยแผ่นหลังตรั้งตรง ถึงอย่างนั้นเหมือนว่าเขาแบกรับบางอย่างที่หนักหนาอยู่ตลอดเวลา
บางทีเขาอาจเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ก็มีบ่อยครั้งที่ชีวิตธรรมดาทำให้เขาหลงลืมไปว่าตนเองเป็นอะไร และบางครั้งการอยู่ใต้ปีกของมารดามานาน ทำให้ชิงหลงลืมไปว่าตนเองเป็นมังกร
มังกรที่ทุกคนล้วนต้องการขอดเกล็ดของเขา เพื่อนำไปขาย กรีดเลือดเฉือนเนื้อเพื่อนำไปดื่มกิน ราชวงศ์บางทีก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว...หลายรุ่น และเขาก็เป็นผู้สืบทอดกระบวนการสละตนเพื่อหล่อเลี้ยงสายโลหิตเส้นใหญ่นี้ต่อไป เส้นเลือดดำบางอย่างที่ทำให้หลายสิ่งยังคงมั่นคง
.
"คุณเจ้าหญิง เจ้าของที่นารอบๆที่นาของคุณสวี มารายงานเรื่องแปลกๆเจ้าค่ะ"
"แปลกๆอะไรหรือแม่สาว" คุณเจ้าหญิงที่กำลังปรุงน้ำอบชะงักมือ เธอหันไปถามสาวใช้ข้างกายอย่างสงสัย
"เห็นคุณธงบอกว่า เจ้าของที่เหล่านั้น กล่าวหาคุณสวีเธอลักลอบขุดหาสมบัติของชาติอย่างลับๆ บ้างก็ว่าอาจจะกำลังขุดหาสายแร่ ทองคำ อะไรสักอย่าง เพื่อขนออกนอกประเทศอยู่เจ้าค่ะคุณเจ้าหญิง"
"ขุดหาสมบัติ? แถบนั้นไม่มีอะไรนี่นา ประวัติศาสตร์กว่าพันปีก็เป็นที่นามาโดยตลอด จะมีอะไรอยู่ที่นั่น ไร้สาระเสียจริง คนเหล่านั้นก็เพียงหาเรื่องให้สวีเท่านั้น บอกให้พงษ์ไปจัดการเสียอย่าให้เราต้องวุ่นวาย"
"คุณเจ้าหญิงไม่ไปดูหน่อยหรือเจ้าคะ เห็นว่าคุณสวีเธอทำเรื่องเสียใหญ่โต ทั้งยังจ้างงานชาวบ้านด้วยราคาสูง ให้เอาลูกเอาพ่อแม่ไปทำงานด้วยได้ให้เงินอีกต่างหาก แบบนี้ใครๆก็อยากทำงานกับเธอ จนผู้ว่าจ้างเริ่มบ่นงึมงัมกันแล้ว"
"คนไทยเรายังไม่เข้าใจว่าธุรกิจก็ต้องเป็นอย่างนั้น ใครให้มากกว่า คนก็จะหันไปทางนั้นเพื่อรับผลประโยชน์ เพราะธุรกิจมันดำเนินไปด้วยผลประโยชน์ยังไงล่ะ แล้วยุคที่ข้าวยากหมากแพงอย่างนี้เธอคิดว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับประชาชน"
"คงเป็น อาหาร...มั้งเจ้าคะ"
"เงินต่างหาก"
"คะ?" สาวใช้คนสนิทสงสัยอย่างมากกับคำตอบของเจ้านาย ผู้เป็นเจ้าหญิงของแผ่นดิน
"แต่คุณสวีเธอไม่ได้ให้เงินค่าจ้างเยอะไปกว่าคนทั่วไปเลยนะ"
"แล้วเธอคิดว่าอาหารพวกนั้นได้มาฟรีๆงั้นเหรอ"
"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้"
"เตรียมรถฉันจะไปเยี่ยมสวี ตาหยกก็ไปทำงาน ฉันคงต้องไปด้วยตัวเองเท่านั้นสินะ จะได้ไขข้อข้องใจ ว่าตกลงสวีกำลังพลิกแผ่นดินตามหาอะไรกันแน่"