ป่านนี้คำพูดของฉัน…จะมีผลอะไรกับจิตใจของเธอบ้างหรือเปล่านะ?
ตอนแรกเธอก็ทำทีเป็นตกใจกับทีท่าของฉันที่แสดงออกต่อเธอ แต่ในเวลาต่อมาแววตาของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นพร้อมพุ่งชนราวกับว่าไม่สะทกสะท้านใด ๆ ต่อการกระทำของฉันเลยแม้เพียงแต่น้อย
มันทำให้ตอนนี้ฉันยอมรับเลยว่าตัวเองนั้นกำลังสนใจเธอมาก แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วนั้นแกนหลักของเรื่องคือฉันต้องการจะแก้แค้นผู้ชายห่วยแตกคนนั้น…รวมไปถึงเธอที่คิดจะมาปั่นประสาทฉัน ซึ่งฉันจะทำให้เธอได้เห็นว่าเธอนั้นกำลังเล่นผิดคน!
“กลับมานานยังอ่ะ?”
ฉันเงยหน้าสบมองเพื่อนสนิทที่เปิดประตูเข้ามาอย่างไร้มารยาทซึ่งนั่นก็คือเกรซ
เจ้าหล่อนเดินกรีดกรายเข้ามาอย่างไม่ได้สะทกสะท้านกับใบหน้าของฉันที่กำลังแสดงออกถึงการติเตียนอย่างไม่มีปิดบัง
ทั้งในมือของเจ้าหล่อนก็ยังมีไอศกรีมรสโปรดรสเดิมที่เธอทานมันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย บ่งบอกได้ว่าที่หายไปให้ฉันไม่ได้พบเห็นตอนเข้ามานั้นเจ้าหล่อนแค่ลงไปหาซื้อไอติมมาทานเล่นเฉย ๆ
“ซื้อมาฝาก”
เจ้าหล่อนว่าพร้อมกับยื่นไอศกรีมรสที่ฉันโปรดปรานเสมอมาตั้งแต่ไหนแต่ไรให้มาอยู่ตรงหน้า
โดยไม่ได้สนใจในคำถามของตัวเองก่อนหน้านั้นเลย ซึ่งฉันก็เริ่มแปลกใจแล้วว่าเจ้าหล่อนไม่ได้อยากรู้ตั้งแต่ทีแรกแล้วจะเอ่ยถามขึ้นมาทำไมให้เปลืองน้ำลายเปล่า ๆ
“หวังว่าจะยังชอบรสเดิมนะ”
และเธอก็เดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวหรูในห้องทำงานของฉันอย่างสบายอารมณ์หลังจากจบประโยคนั้น
ซึ่งฉันก็ยกยิ้มให้กับเพื่อนที่แสนดีคนนี้ออกมาจนเต็มใบ พร้อมกับความขุ่นเคืองที่เจ้าหล่อนนั้นไร้มารยาทหายไปจนหมดสิ้นด้วยไอศกรีมเพียงแค่หนึ่งแท่งราวกับเด็กที่ได้รับขนมที่โปรดปรานก็มิปาน
และฉันคงจะจดจ้องมองนานเกินไปจนเจ้าหล่อนรู้ตัวว่าถูกจ้องมอง ซึ่งเกรซก็เงยหน้าขึ้นมาสบมองกันทั้งใบหน้าฉงน ก่อนจะกลับไปก้มลงสนใจไอศกรีมอย่างเก่าในวินาทีต่อมาราวกับคนทำตัวไม่ถูกที่ถูกฉันจับจ้องมองอย่างไม่วางตาเช่นนั้น
“แล้วจ้องอะไรขนาด…”
“เธอยังชอบฉันอยู่หรือเปล่า?”
“แค่ก!”
“เป็นงั้นไป”
ฉันหัวเราะออกมาอย่างขบขันพร้อมกับลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง
ฉันยื่นแก้วน้ำที่รองน้ำจนเต็มแก้วให้เจ้าหล่อนจากฝีมือของฉันที่ไปรินมาเมื่อครู่ ซึ่งหล่อนก็รับมันไปก่อนจะกระดกรวดเดียวจนหมดแก้วและวางแก้วลงที่โต๊ะตัวด้านหน้าพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำให้ฉันเผยยิ้มขันออกมาอีกครั้ง
“กินไอติมก็ทำให้ติดคอได้เหรอ?”
“…”
“หรือว่าเขินฉันกันแน่นะ?”
“นี่!”
“ฮ่า ๆ ฉันไม่แกล้งแล้ว”
ฉันว่าพร้อมกับหันหลังและเดินกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ประธานดังเดิมแต่สายตายังไม่ละออกจากเจ้าหล่อนไปไหน
หญิงสาวตรงหน้าราวกับเขินอายจึงต้องยกมือขึ้นมาจับปรอยผมที่ปรกใบหน้าให้ขึ้นไปทัดหู และเจ้าหล่อนมักจะแสดงทีท่าแบบนี้เสมอเวลาที่เขินอาย…หรือเวลาที่เจ้าหล่อนนั้นเศร้าโศกเสียใจก็จะกระทำเช่นนั้นเฉกเช่นเดียวกัน
“อ่า…น้องเจียคะ”
“อืม…”
“ตรงนั้นแหละค่ะ แรงอีก…อื้อ!”
บทรักอันร้อนแรงกำลังดำเนินต่อไปตามธรรมชาติ
ซึ่งผู้ที่แสดงบทรักนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น...แต่คือฉันผู้นี้กับหญิงสาวดาวโรงเรียนเกรด 12 ที่ใคร ๆ ต่างก็หมายปองประจำปีนี้นั่นเอง
และฉัน...เป็นเพียงผู้เดียวที่ได้ครอบครองเจ้าหล่อน ณ เวลานี้
ห้องน้ำตึกเชียร์ลีดเดอร์ในช่วงเวลาใกล้สอบบวกกับเวลาเย็นย่ำเช่นนี้เป็นสถานที่ ๆ เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับการมาทำกิจกรรมอันร้อนแรงที่ฉันกับหญิงสาวตรงหน้านั้นกำลังแสดงกันอยู่ตามลำพังอย่างถึงพริกถึงขิง
ความร้อนระอุในห้องน้ำแห่งนี้บวกกับไฟสุมที่แผดเผาไปทั่วร่างกายมานานนับชั่วโมงเศษ...กำลังทำให้ความอดทนทั้งหมดของเราขาดรอน เพราะถึงแม้เราสองคนจะเบียดเสียดเนื้อกายใส่กัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีทีท่าว่าการกระทำทั้งหมดของเรานั้นจะช่วยให้หยุดร้อนลุ่มลงไปได้เลยแม้เพียงแต่น้อย
สองนิ้วกรีดกรายลงบนร่องอกของหญิงสาวตรงหน้าที่ถูกแหวกสาบเสื้อนักเรียนออกก่อนแล้วจากฝีมือของฉันที่เป็นผู้สรรสร้างงานศิลปะ ส่วนเธอคนนี้ก็เป็นรูปปั้นที่ขาวผุดผ่องจนฉันอดไม่ได้ที่จะลงไปเชยชิมยอดอกสีชมพูเรียบเนียนจนเจ้าหล่อนครางกระเส่าเป็นชื่อของกันครั้งแล้วครั้งเล่า
ส่วนมือของฉันก็ผลุบหายเข้าไปในกระโปรงนักเรียนของเจ้าหล่อนแม้ว่ามันจะไม่เรียบร้อยเป็นใจให้กันตั้งแต่นาทีแรกที่เริ่มสัมผัส ทั้งนิ้วมือของฉันก็ยังดำเนินบทรักไปได้อย่างดีเยี่ยมท่ามกลางเสียงร้องของเจ้าหล่อนที่ใกล้จะสุขสมอารมณ์หมายเต็มทีในอีกไม่ช้านาน
“ระ เร็วอีกค่ะ”
เจ้าหล่อนจิกหลังหวังให้ฉันกระทำตามคำขอ
“น้องเจีย!”
ทั้งยังเร่งเร่าด้วยน้ำเสียงกระเส่า…แล้วมีหรือที่ฉันคนนี้จะปฏิเสธ
“กะ ใกล้แล้ว…”
“ฮึก…”
“ระ เร็วอีก…”
“ฮือ…
“น้องเจีย อ๊ะ!”
“ฮือ ฮือ…”
“น้องเจีย...หยุดทำไมคะ!”
ฉันหยุดการกระทำของตัวเองลงทั้งหมดท่ามกลางเสียงไม่พอใจของหญิงสาวที่จ้องมองกันตาเขม็งด้วยความหยาดเยิ้ม
สองขารีบพาร่างของตัวเองเดินออกมาจากห้องน้ำหญิงในเวลาเย็นย่ำโดยทันทีเพื่อตามหาเสียงร้องไห้แบบแทบขาดใจของใครบางคนที่ฉันเองก็ไม่เห็นหน้า
ตอนนี้สมองของฉันกำลังประมวณผลว่าเป็นผีสางนางไม้หรือใครที่ไหนอย่างไร...
แต่การจากมาของฉันก็สร้างความไม่พอใจให้กับใครอีกคนที่ยังอยู่ในห้องน้ำเพราะด้วยอารมณ์ค้างเติ่งที่ยังไม่เสร็จสม
และฉันได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังด้วยถ้อยคำหยาบคายเป็นภาษาอังกฤษที่แน่นอนว่าเด็กลูกครึ่งอย่างฉันสามารถรับรู้มันได้ทุกถ้อยทุกคำในทันทีโดยไม่ต้องพึ่งแปลภาษาให้เสียเวลาเปล่าแต่อย่างใด
“ฮึก ฮือ…”
ฉันเดินตามเสียงร้องไห้ไปจนกระทั่งได้เจอแผ่นหลังของใครคนหนึ่งที่กำลังสั่นเทาจากการร่ำไห้อย่างหนักหน่วง
ซึ่งฉันรับรู้ได้ในทันทีเลยว่าแผ่นหลังที่กำลังนั่งตัวสั่นเทาผู้นี้...เป็นอีผีตัวไหนที่คอยกลั่นแกล้งฉันอยู่ทุกวี่ทุกวัน แม้ว่าจะโดนฉันตอกกลับมานักต่อนักแต่หล่อนนั้นก็ไม่เคยย่อท้อต่อการถูกฉันเอาคืนเลยสักครั้ง
มันก็น่าชื่นชมอยู่หรอกไอเรื่องที่มีความพยายามน่ะ...แต่เรื่องดี ๆ ที่ควรพยายามทำไมหล่อนไม่เห็นจะใฝ่รู้เอาเสียบ้าง
“คราวนี้โดนไอหนุ่มฮ็อตคนไหนหักอกมาอีกล่ะ?”
“!!!”
เจ้าหล่อนรีบลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงด้วยความตกใจในทันควัน
เธอยกมือปาดน้ำตาของตัวเองลวก ๆ พร้อมกับใช้นิ้วเกี่ยวปรอยผมที่ปรกหน้าของตนอยู่นั้นให้กลับมาทัดหูโดยฉันที่หันหลังอยู่นั้นยังสามารถรับรู้การกระทำของหล่อนได้ แต่เจ้าหล่อนกลับยังไม่ยอมหันมาหากันแต่อย่างใดให้ฉันยังคงยืนยิ้มเยาะอยู่อย่างนั้น...เพราะนี่แหละคือช่วงเวลาเอาคืนของฉัน
ตลอดมาฉันไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มเลยเพราะหล่อนมักจะหาสารพัดวิธีมากลั่นแกล้งกันก่อนอยู่เสมอ...วลีที่ว่าเปิดก่อนได้เปรียบคราวนี้ฉันคงต้องงัดมันขึ้นมาใช้เพื่อเอาคืนยัยตัวแสบคนนี้เสียบ้าง
แม้ว่าหล่อนที่เปิดก่อนจะไม่เคยได้เปรียบฉันอย่างที่วลีว่าเลยก็ตามแต่...แต่ฉันก็คงต้องลองดูสักครั้ง
“ได้ข่าวว่าคบกับพี่ออสดินนักบาสสุดหล่อของโรงเรียนอยู่นี่น่า แล้วทำไมคราวนี้ถึงได้…”
“ฮือ…”
อยู่ ๆ เจ้าหล่อนที่ตอนแรกมีทีท่าว่าจะหยุดร้องไห้ก็กลับร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งอย่างหนักหน่วง
ฉันที่ตอนแรกกะว่าจะกลั่นแกล้งก็กลับตื่นตระหนกจนพลันเงียบปากตามไปด้วย แผ่นหลังของเธอสั่นเทาร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจให้ฉันเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก พร้อมกับโทษตัวเองที่กลั่นแกล้งไม่รู้เวล่ำเวลาเพราะไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนไปเจออะไรมาถึงได้มานั่งเศร้าเสียใจอยู่เช่นตอนนี้
แต่แล้วร่างของชายหนุ่มที่ฉันกล่าวถึงเมื่อครู่ก็เดินผ่านหน้าของเราทั้งสองคนออกไป พร้อมกับที่เขามีหญิงสาวอีกคนที่อยู่ข้างกายด้วยทีท่าสนิทสนมให้ฉันพอเข้าใจโดยการประติดประต่อเรื่องราวถึงสาเหตุการมีน้ำตาของเจ้าหล่อน
ฉันยืนมองแผ่นหลังของหญิงสาวตรงหน้าสลับกับออสตินที่กำลังจะเดินจากไป…
ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมีน้ำตา...แต่ชายหนุ่มอีกคนกลับยิ้มร่าเริงมองข้ามเจ้าหล่อนไปอย่างไม่น่าให้อภัย
ฉันกำมือแน่นพร้อมกับความโกรธเคืองสุดขีดเพราะฉันเกลียดที่สุด…คือการนอกใจที่ฉันจะไม่มีวันให้อภัยมันผู้นั้นเป็นอันขาด
“โอ้ย!”
“ไอชั่วเอ้ย! คิดว่าหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอวะ!”
“อะไรของน้องเนี่ยจอร์เจีย โอ้ย ๆ เจ็บนะเว้ย!”
“แฟนพี่มึงนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ยังมีหน้าระรื่นมาเดินควงผู้หญิงคนอื่นอีกเหรอวะ!”
“กูเลิกกับมันแล้วโว้ย! ผู้หญิงอะไรน่าเบื่อเป็นบ้า!”
“หนอย…ไอชั่วเอ้ย!”
ฉันกระหน่ำตีไอผู้ชายคนนั้นโดยไม่สนใจเลยว่าหากโดนสวนกลับมาตัวเองจะต้องเจ็บตัวมากแค่ไหน
“เจีย พอแล้ว!”
“ไอชาติชั่ว!”
ก่อนในนาทีต่อมาฉันจะได้สติหวนกลับ
แต่ฉันยังคงระดมตีไอผู้ชายห่วย ๆ คนนี้แบบไม่ยั้งมือ ท่ามกลางเสียงร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วงและแรงดึงอันน้อยนิดที่ฉันรู้สึกถึงแต่ก็ไม่ได้สนใจมันแต่อย่างใด
“จอร์เจีย!”
นั่นแหละที่พาลทำให้ทุกการกระทำของฉันหยุดชะงักลง
ฉันหันหลังกลับไปหาเธอคนนั้นที่จ้องมองกันด้วยแววตาแดงก่ำที่แฝงเต็มไปด้วยความเศร้าหมองผสมไปกับความมึนงงถึงขีดสุด
ก่อนที่ฉันจะดึงแขนเธอออกไปจากที่ตรงนั้นและไปหยุดยืนอยู่ทางด้านหลังของโรงเรียน โดยที่ฉันเองก็พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองไปด้วย
“ทำไมต้องทำแบบนั้น?”
เราเงียบกันนานหลายนาทีจนเป็นเจ้าหล่อนที่เอ่ยถามให้ฉันหันไปสบมองใบหน้าของคนพูดในทันใด
“ทั้ง ๆ ที่เธอควรจะพูดเยาะเย้ยฉันเสียมากกว่า”
และเจ้าหล่อนก็น้ำตาไหลพรากออกมาอีกครั้งให้ฉันผวาตัวเข้าไปดึงเจ้าหล่อนมาโอบกอดเอาไว้อย่างต้องการที่จะปลอบประโลม
โดยไร้ซึ่งทิฐิใด ๆ ที่อยู่ในใจ...
“เอาไว้สู้อย่างเป็นธรรมตอนที่สภาพจิตใจของเธอเต็มร้อยดีกว่า…”
เจ้าหล่อนผละใบหน้าออกจากอกอุ่น...และเงยหน้าขึ้นสบมองกันด้วยแววตาที่เปลี่ยนผัน
“ยังไงซะฉันน่ะ…”
เปลี่ยนผันไปเสียจน...คนที่ได้สบมองอย่างฉันยังยกยิ้มให้กับแววตาที่แสนอ่อนโยนของคนตรงหน้า
“ก็คงจะเป็นยัยเลสเบี้ยนโรคจิตที่เธอชอบเรียกอยู่วันยังค่ำ”
แววตาที่ฉันก็ไม่เคยได้รับมันมาก่อน...ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับเธอมาตลอดระยะเวลากว่าหลายปีที่ผ่านมานี้
“ฉันไม่ซ้ำเติมคนที่กำลังอ่อนแอหรอกนะ…เกรซ”